ส่วนตัวผมคิดว่าการที่ตลาดหุ้นไม่ไปไหนเป็นเวลาหลายปีติดต่อกัน(โดยเฉพาะตั้งแต่มีการใช้บอทเทรด) 
เงื่อนไขการเคลื่อนตัวของตามมีสองสามอย่างคือ
1 ถ้าเงินไหลเข้าตลาดตลาด ๆ จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางบวก
2 ถ้าเงินไม่เข้าตลาด ๆ จะไซด์เวย์ ขึ้น ๆ ลง ๆ สลับกันไป
3 ถ้าเงินออกจากตลาด ๆ จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางลบ
 ในสภาวะปัจจุบัน การที่จะให้ นลท.ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดค่อนข้างยาก เนื่องจากปัญหาหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจโลกซบเซา
อุตสาหกรรมในตลาด ไม่มีตัวไหนโดดเด่น หรือเติบโตได้ในระยะยาว ความมั่นคงทางการเมือง ความชัดเจนในนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล
สิ่งที่เหลืออยู่อย่างเดียวกคือการเทรด...
ในภูมิภาคอาเซียนเราต้องมองให้เห็นว่า เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ของตลาดบ้านเราคือการเทรด
เราต้องมามองที่จุดนี้
ทำอย่างไรให้คนอยากเข้ามาเทรด?(ซื้อๆ ขายๆ โบรคได้ค่าธรรมเนียม รัฐได้ภาษี)
สิ่งสำคัญที่ทำให้คนอยากเข้ามาหรือจากไปคือ ความเท่าเทียม ความยุติธรรม สู้กันได้ด้วยความสามารถ ไม่ใช่ชนะหรือแพ้เพราะกติกา
บอทเทรด เป็นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่มีผลทั้งสองด้าน
ด้านดีคือทำการกระตุ้นการซื้อขายทำให้ตลาดเคลื่อไหวไปมา
ด้านเสียคือ คนเทรดสู้บอทไม่ได้
ถ้าดูจากปริมาณซื้อขายในแต่ละวัน จะเห็นว่ามีแค่สองกลุ่มเท่านั้นที่ยันสู้กันอยู่ คือ ต่างชาติ กับ รายย่อย ที่มีปริมาณซื้อขายมากที่สุด 2 กลุ่ม
ส่วนกองมีหน้าที่คำยันตลาด ปอบเทรดน้อยมาก แค่กินค่าคอมก็นอนตายตาหลับแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ นักลงทุนรายย่อยจะค่อย ๆ หายไปจากตลาดเพราะทนอยู่ไม่ไหว
แล้วที่เหลือก็ จะเป็น กอง ปอบ ต่างชาติ แล้วก็บอท
แล้วมันจะเหลืออะไร?
การใช้บอทไม่ใช่เรื่องผิด ใคร ๆ เขาก็ใช้กัน แต่ต้องควบคุม
ถ้าเรามีเงื่อนไขว่า ในการเทรดในแต่ละวัน จะใช้บอทได้ไม่เกิน 30 % ของยอดเทรดในแต่ละวัน
เทรด 1 ล้านใช้บอทได้ไม่เกิน สามแสน ที่เหลือก็ใช้คนเทรดเอง
ถ้าอยากให้บอทเทรดซัก 30 ล้าน คุณก็ต้องเอาเงินเข้ามา 100 ล้าน ที่เหลือเทรดเอง
ทุกกลุ่มนักลงทุนทำได้เหมือนกัน บอทจะช่วยคนเงินเยอะแต่ไม่มีเวลา ส่วน 30% จะช่วยคนมีเวลาแต่เงินน้อย
เงินมากเงินน้อยไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ โบรคได้ค่าคอม รัฐได้ภาษี
ตลาดอยู่ได้ มีเงินไหลเข้า ตลาดเติบโตได้แม้เศรษฐกิจโลกไม่ดี เพราะยังมีคนเทรด
..เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ทราบท่านอื่นคิดยังงัยกันบ้าง...