สวัสดีค่ะ คือเราอยู่ต่างประเทศนะ แล้วมีกันแค่ครอบครัว แต่ว่าเพราะแบบนั้น เราเลยหมดหนทางแล้วจริงๆ ครอบครัวเราชอบบงการชีวิตแล้วสั่งให้เราทำสิ่งที่เขาต้องการให้ทำค่ะ จนมาถึงเมื่อ2-3ปีที่แล้วที่เราอยากเลือกอนาคตของตัวเองว่าจะทำอะไร แต่เพราะไม่ใช่อะไรที่เขาต้องการเลยมักขู่ด้วยการไล่ออกจากบ้านค่ะ
คือเรื่องมันเป็นประมาณว่า เราอยู่ในครอบครัวที่พ่อเป็นคนตปท ส่วนแม่ก็คนไทยฝั่งอีสาน แล้วทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่โดนครอบครัวตัวเอง เท่าที่เรารู้มาคือมักจะทำร้ายลูกและสั่งสอนแบบผิดๆมาแต่เล็กค่ะ พ่อเราโดนปู่ตบตีจนเลือดออกแทบทุกวันและบังคับให้ใช้ชีวิตตามปู่ต้องการ (ตอนงานศพปู่เราเห็นพ่อเอาแต่ด่าและสาปแช่งบอกสมควรตายแล้วเลยรู้ว่าพ่อเกลียดปู่มาก) ส่วนแม่ก็คล้ายๆกันมีโดนตีบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะแม่ไม่ได้รับความสนใจหรือความรักจากยายเลย แล้วต้องออกไปทำงานในกรุงตั้งแต่ตอนอายุ12 เลยมีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก
แล้วด้วยความที่พวกท่านโตมาแบบนั้นตั้งแต่เด็กเราเลยโดนตี โดนด่า โดนจับขังในห้องน้ำ หรือ ให้อดข้าวทุกครั้งที่เราทำอะไรไม่โดนใจเขา แต่พอเราอายุได้15 ก็เลิกทำทุกอย่างยกเว้นตีเรา แล้วบอกเพราะเราโตพอแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็ย้ายมาตปท ตอนแรกทุกอย่างคือดีมากๆเลยค่ะ เราคิดว่าคงไม่เจอเรื่องแบบนั้นอีกแล้วเลยวางใจ แต่2ปีหลังจากได้มาตปท งานบริษัทพ่อก็เริ่มมีปัญหาเงินเริ่มเข้ามาน้อย(พ่อมีบริษัทของตัวเองที่ทำตอน23+) ส่วนแม่ก็ทำงานกับพ่อเลยกลายเป็นว่า เริ่มเข้าช่วงลำบาก พ่อบังคับให้เราไปทำงานไปแล้วเรียนไป เราก็ตกลงถ้าช่วยได้ก็อยากช่วย ก็ทำงานมาได้ปีนึง ทุกครั้งที่ได้ตังก็ต้องเอาให้พ่อแม่ส่วนนึง พวกท่านบอกเป็นค่าอยู่อาศัย ถึงเราจะคิดว่าแปลกแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนมีวันนึงที่เราทำอะไรขัดใจพ่อ พ่อก็เอาเรื่องขู่ไล่ออกจากบ้านมาอ้าง เราก็ถามไปว่าเราไม่ได้อยู่บ้านนี้หรอ เราไม่ได้เป็นครอบครัวกันหรอ พ่อกับแม่ก็บอกว่าเราโตพอที่จะออกไปอยู่คนเดียวได้แล้ว ทั้งทั้งที่เรื่องที่เราทำตอนนั้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยพ่อแค่โมโหที่เราไม่มีเวลาว่างทำความสะอาดห้องเพราะต้องไปทำงานตอนวันที่เป็นวันทำความสะอาดของบ้าน แล้วมันเป็นเรื่องที่เกิดแค่ครั้งเดียว แล้วบังเอิญว่าวันนั้นเราเอาข้าวขึ้นไปกินบนห้องเพราะว่าเราต้องทำรายงานส่งที่โรงเรียน พ่อเลยโมโหมากที่เราทำเหมือนว่าบ้านเป็นโรงแรม พ่อเลยตะโกนด่าว่าเรา บวกเอากุญแจบ้านของเราไป แล้วก็ผลักออกจากบ้านแล้วก็ล็อคประตูไว้ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะทำยังไง แล้วเราจะไปที่ไหนเค้าผลักเราออกมาตัวเปล่า เราก็ได้เดินรอบหมู่บ้านแล้วเข้าป่าไปนั่งร้องไห้ ได้เดินกลับบ้านเพราะพ่อมาตามหาเรา แล้วก็ขอโทษทุกครั้งที่เราโดนทำร้าย ทุกครั้งที่เค้าทำร้ายจิตใจของเรา เขาก็จะกลับมาแล้วก็บอกขอโทษ แล้วก็บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เราให้อภัยเขาตลอดเราไม่เคยโกรธเกลียดอะไรเขา ถึงมีหลายครั้งที่เค้าพยายามไล่เราออกจากบ้านเพราะเรื่องเล็กน้อย แต่เราก็เข้าใจเพราะเรารู้ว่าเค้าโตมาแบบไหน ที่เกลียดที่สุดคือพ่อชอบบอกว่าพ่อไม่อยากเป็นเหมือนพ่อตัวเองแต่ทุกอย่างที่เขาทำเหมือนทุกอย่างที่เขาคอยบ่นด่าว่าปู่ทำใส่เขา ตอนนั้นเราเพิ่งอายุ 18.. แล้วเราพึ่งมาต่างประเทศได้แค่สามปี ภาษาของประเทศนี้ก็ไม่ได้เก่งอะไร อังกฤษก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องกดดันเราขนาดนี้ จนเราตั้งใจว่าโอเคได้งั้นเดี๋ยวเราเก็บเงินถ้ามีเงินพอเมื่อไหร่เราก็จะออกจากบ้านไปเอง แต่พอเราต้องให้เงินพ่อแม่ส่วนนึงทุกครั้งเลยทำให้เราเก็บเงินได้ไม่พอ ทั้งทั้งที่เราเองก็มีน้องชายอีกสองคนแต่พ่อแม่ก็เคร่งกับแค่กับเรา ค่อยขอเงินแต่กับเรา แต่ว่าให้น้องชายทุกอย่าง รักน้องชายมากกว่าอะไร เราเลยต้องทำงานเพิ่มอีก กลายเป็นว่าเราต้องมีงานสองงานแล้วก็ไปก็เรียนด้วย แล้วเราก็ต้องฝึกงานกับสายงานที่เราเรียนด้วย ง่ายๆคือ2งานที่ได้ตังกับ1งานที่ไม่ได้อะไรนอกจากความรู้และประสบการณ์ ตอนนั้นเราเหนื่อยมาก เราต้องไปโรงเรียน 6 ชั่วโมง ฝึกงาน 8 ชั่วโมง และหลังจากนั้นก็ทำงานจนถึงสี่ทุ่ม วันไหนไม่มีเรียนหรือเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงานตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่ทุกครั้งที่เรากลับมาบ้าน เราก็จะโดนพ่อด่าว่าเราทำงานเยอะเกินไป จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เราเห็นว่าครอบครัวเป็นครอบครัวเราหรือป่าว? แล้วก็ทะเลาะกับเราทุกวัน แล้วพอเราเรียนจบโรงเรียนภาษา เขาก็บอกให้เราเข้าโรงเรียนที่เราอยากไป ตอนนั้นเรารู้สึกขอบคุณมาก เพราะทุกครั้งเราต้องฟังที่เค้าพูดตลอด ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับโรงเรียนหรืออะไรก็ตาม เราเลือกโรงเรียนที่เราชอบ เราเรียนได้หนึ่งปี พ่อก็บอกว่าโรงเรียนที่เราเลือกมันไม่ได้เรื่อง พ่อเลยบังคับให้เราลาออกออกจากโรงเรียนแล้วไปทำงานซะ เราออกจากโรงเรียนแล้วมาทำงานได้สองปี พ่อก็บอกว่าทำไมเราไม่ไปโรงเรียน แล้วแบบนี้จะทำงานดีดีได้ไหม พอเราบอกว่าที่เราออกจากโรงเรียนมาเป็นเพราะพ่อบังคับให้ออกแต่พ่อก็บอกว่าพ่อไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น มันเป็นอะไรที่โง่มากเลยเราตัดสินใจแบบนั้น ทั้งที่ว่าถ้าเราไม่ทำตามที่เขาบอกเขาจะไล่เราออกจากบ้าน ตอนนี้พ่อกำลังเริ่มธุรกิจใหม่ แล้วพ่อบังคับให้เราลาออกจากงานที่เราลาออกมาทำในอีกสี่เดือน แล้วบังคับให้เราไปทำงานในบริษัทของพ่อ แม่ก็ไม่ช่วยอะไรเราเลย ไม่เคยช่วยเลยมากกว่า เพราะแม่เหมือนโดนพ่อล้างสมองอะค่ะ อาจจะเป็นเพราะพ่อเรียนจบสูงมีบริษัทของตัวเอง แม่เลยคิดว่าต้องทำตามที่พ่อบอกถึงจะได้เงิน เพราะแม่จนมาแต่เด็ก ตามตรงแม่ก็ไม่สนใจใยดีเราเพราะแม่เกลียดเราอยู่แล้ว เพราะแม่ท้องเราตอน18แม่เลยค่อนข้างลำบาก แล้วพ่อไม่ได้อยู่ไทยตอนนั้น เลยกดดันแม่หลายอย่าง ไม่รู้ว่าเราผิดอะไรเพราะเราก็ไม่ได้ขอเกิดมา แต่ก็โดนเกลียดไปซะแบบนั้น แต่ที่สำคัญคือเราไม่รู้ว่าพ่อจะจ่ายเงินเราไหม หรือพ่อจะทำอะไรให้เราไหม กลัวมากว่าจะโดนใช้งานแล้วมาอ้างมาทำเพราะช่วยครอบครัว ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง ไม่ก็จ่ายน้อยมากไรงี้ เราขัดขืนเขาไม่ได้จริงๆ คนที่ทำงานทุกคนที่เราเคยทำงานด้วยล้วนรู้หมดว่าครอบครัวเราเป็นยังไง พวกเราเลยได้แต่ช่วยเป็นกำลังใจให้แบบห่างๆ หรือคอยเปิดตากว้างแล้วมาบอกว่าที่ไหนมีเปิดให้เช่าห้องบ้าง แต่ไปว่าจะทำยังไงเงินที่เราเก็บมาได้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มั่นคงที่จะสามารถจ่ายได้ทุกเดือน ไปหากลุ่มคนคุ้มครองเด็กก็แล้ว แต่เราเกิน18มาได้สักพักแล้วเลยช่วยอะไรเราไม่ได้ พอไปหากลุ่มปัญหาครอบครัวเขาก็ให้ได้แค่คำปรึกษา ว่าเราควรทำยังไงแล้วควรย้ายออกให้เร็ว แล้วช่วยอะไรเราไม่ได้ เราไม่มีที่พึ่งที่นี่ มีแค่ครอบครัว เราจะโดนขังอยู่ในบ้านนี้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอคะ ถ้าเป็นแบบนี้ เราไม่รู้เลยว่าจะหาทางออกยังไง มีใครแนะนำอะไรได้บ้างไหมคะ ขอความกรุณาด้วยค่ะ หมดหนทางแล้วจริงๆ อยู่บ้านไม่เคยมีความสุข เคยคิดจะตายแต่ก็กลัวมากๆค่ะ เราอยากมีชีวิต แต่ก็อยากมีชีวิตตามที่เราเลือกได้ พ่อไม่ใช่คนที่จะฟังเราหือมีเหตุผล เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ น้องชายก็เข้าข้างพ่อแม่มากกว่า ที่บ้านเลยเป็นเหมือนนรกทุกๆครั้งที่เดินเข้าไป…
เจอครอบครัวแบบนี้ต้องทำยังไงคะ
คือเรื่องมันเป็นประมาณว่า เราอยู่ในครอบครัวที่พ่อเป็นคนตปท ส่วนแม่ก็คนไทยฝั่งอีสาน แล้วทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่โดนครอบครัวตัวเอง เท่าที่เรารู้มาคือมักจะทำร้ายลูกและสั่งสอนแบบผิดๆมาแต่เล็กค่ะ พ่อเราโดนปู่ตบตีจนเลือดออกแทบทุกวันและบังคับให้ใช้ชีวิตตามปู่ต้องการ (ตอนงานศพปู่เราเห็นพ่อเอาแต่ด่าและสาปแช่งบอกสมควรตายแล้วเลยรู้ว่าพ่อเกลียดปู่มาก) ส่วนแม่ก็คล้ายๆกันมีโดนตีบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะแม่ไม่ได้รับความสนใจหรือความรักจากยายเลย แล้วต้องออกไปทำงานในกรุงตั้งแต่ตอนอายุ12 เลยมีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก
แล้วด้วยความที่พวกท่านโตมาแบบนั้นตั้งแต่เด็กเราเลยโดนตี โดนด่า โดนจับขังในห้องน้ำ หรือ ให้อดข้าวทุกครั้งที่เราทำอะไรไม่โดนใจเขา แต่พอเราอายุได้15 ก็เลิกทำทุกอย่างยกเว้นตีเรา แล้วบอกเพราะเราโตพอแล้ว แล้วหลังจากนั้นก็ย้ายมาตปท ตอนแรกทุกอย่างคือดีมากๆเลยค่ะ เราคิดว่าคงไม่เจอเรื่องแบบนั้นอีกแล้วเลยวางใจ แต่2ปีหลังจากได้มาตปท งานบริษัทพ่อก็เริ่มมีปัญหาเงินเริ่มเข้ามาน้อย(พ่อมีบริษัทของตัวเองที่ทำตอน23+) ส่วนแม่ก็ทำงานกับพ่อเลยกลายเป็นว่า เริ่มเข้าช่วงลำบาก พ่อบังคับให้เราไปทำงานไปแล้วเรียนไป เราก็ตกลงถ้าช่วยได้ก็อยากช่วย ก็ทำงานมาได้ปีนึง ทุกครั้งที่ได้ตังก็ต้องเอาให้พ่อแม่ส่วนนึง พวกท่านบอกเป็นค่าอยู่อาศัย ถึงเราจะคิดว่าแปลกแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนมีวันนึงที่เราทำอะไรขัดใจพ่อ พ่อก็เอาเรื่องขู่ไล่ออกจากบ้านมาอ้าง เราก็ถามไปว่าเราไม่ได้อยู่บ้านนี้หรอ เราไม่ได้เป็นครอบครัวกันหรอ พ่อกับแม่ก็บอกว่าเราโตพอที่จะออกไปอยู่คนเดียวได้แล้ว ทั้งทั้งที่เรื่องที่เราทำตอนนั้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยพ่อแค่โมโหที่เราไม่มีเวลาว่างทำความสะอาดห้องเพราะต้องไปทำงานตอนวันที่เป็นวันทำความสะอาดของบ้าน แล้วมันเป็นเรื่องที่เกิดแค่ครั้งเดียว แล้วบังเอิญว่าวันนั้นเราเอาข้าวขึ้นไปกินบนห้องเพราะว่าเราต้องทำรายงานส่งที่โรงเรียน พ่อเลยโมโหมากที่เราทำเหมือนว่าบ้านเป็นโรงแรม พ่อเลยตะโกนด่าว่าเรา บวกเอากุญแจบ้านของเราไป แล้วก็ผลักออกจากบ้านแล้วก็ล็อคประตูไว้ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะทำยังไง แล้วเราจะไปที่ไหนเค้าผลักเราออกมาตัวเปล่า เราก็ได้เดินรอบหมู่บ้านแล้วเข้าป่าไปนั่งร้องไห้ ได้เดินกลับบ้านเพราะพ่อมาตามหาเรา แล้วก็ขอโทษทุกครั้งที่เราโดนทำร้าย ทุกครั้งที่เค้าทำร้ายจิตใจของเรา เขาก็จะกลับมาแล้วก็บอกขอโทษ แล้วก็บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เราให้อภัยเขาตลอดเราไม่เคยโกรธเกลียดอะไรเขา ถึงมีหลายครั้งที่เค้าพยายามไล่เราออกจากบ้านเพราะเรื่องเล็กน้อย แต่เราก็เข้าใจเพราะเรารู้ว่าเค้าโตมาแบบไหน ที่เกลียดที่สุดคือพ่อชอบบอกว่าพ่อไม่อยากเป็นเหมือนพ่อตัวเองแต่ทุกอย่างที่เขาทำเหมือนทุกอย่างที่เขาคอยบ่นด่าว่าปู่ทำใส่เขา ตอนนั้นเราเพิ่งอายุ 18.. แล้วเราพึ่งมาต่างประเทศได้แค่สามปี ภาษาของประเทศนี้ก็ไม่ได้เก่งอะไร อังกฤษก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าต้องกดดันเราขนาดนี้ จนเราตั้งใจว่าโอเคได้งั้นเดี๋ยวเราเก็บเงินถ้ามีเงินพอเมื่อไหร่เราก็จะออกจากบ้านไปเอง แต่พอเราต้องให้เงินพ่อแม่ส่วนนึงทุกครั้งเลยทำให้เราเก็บเงินได้ไม่พอ ทั้งทั้งที่เราเองก็มีน้องชายอีกสองคนแต่พ่อแม่ก็เคร่งกับแค่กับเรา ค่อยขอเงินแต่กับเรา แต่ว่าให้น้องชายทุกอย่าง รักน้องชายมากกว่าอะไร เราเลยต้องทำงานเพิ่มอีก กลายเป็นว่าเราต้องมีงานสองงานแล้วก็ไปก็เรียนด้วย แล้วเราก็ต้องฝึกงานกับสายงานที่เราเรียนด้วย ง่ายๆคือ2งานที่ได้ตังกับ1งานที่ไม่ได้อะไรนอกจากความรู้และประสบการณ์ ตอนนั้นเราเหนื่อยมาก เราต้องไปโรงเรียน 6 ชั่วโมง ฝึกงาน 8 ชั่วโมง และหลังจากนั้นก็ทำงานจนถึงสี่ทุ่ม วันไหนไม่มีเรียนหรือเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงานตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่ทุกครั้งที่เรากลับมาบ้าน เราก็จะโดนพ่อด่าว่าเราทำงานเยอะเกินไป จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เราเห็นว่าครอบครัวเป็นครอบครัวเราหรือป่าว? แล้วก็ทะเลาะกับเราทุกวัน แล้วพอเราเรียนจบโรงเรียนภาษา เขาก็บอกให้เราเข้าโรงเรียนที่เราอยากไป ตอนนั้นเรารู้สึกขอบคุณมาก เพราะทุกครั้งเราต้องฟังที่เค้าพูดตลอด ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับโรงเรียนหรืออะไรก็ตาม เราเลือกโรงเรียนที่เราชอบ เราเรียนได้หนึ่งปี พ่อก็บอกว่าโรงเรียนที่เราเลือกมันไม่ได้เรื่อง พ่อเลยบังคับให้เราลาออกออกจากโรงเรียนแล้วไปทำงานซะ เราออกจากโรงเรียนแล้วมาทำงานได้สองปี พ่อก็บอกว่าทำไมเราไม่ไปโรงเรียน แล้วแบบนี้จะทำงานดีดีได้ไหม พอเราบอกว่าที่เราออกจากโรงเรียนมาเป็นเพราะพ่อบังคับให้ออกแต่พ่อก็บอกว่าพ่อไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น มันเป็นอะไรที่โง่มากเลยเราตัดสินใจแบบนั้น ทั้งที่ว่าถ้าเราไม่ทำตามที่เขาบอกเขาจะไล่เราออกจากบ้าน ตอนนี้พ่อกำลังเริ่มธุรกิจใหม่ แล้วพ่อบังคับให้เราลาออกจากงานที่เราลาออกมาทำในอีกสี่เดือน แล้วบังคับให้เราไปทำงานในบริษัทของพ่อ แม่ก็ไม่ช่วยอะไรเราเลย ไม่เคยช่วยเลยมากกว่า เพราะแม่เหมือนโดนพ่อล้างสมองอะค่ะ อาจจะเป็นเพราะพ่อเรียนจบสูงมีบริษัทของตัวเอง แม่เลยคิดว่าต้องทำตามที่พ่อบอกถึงจะได้เงิน เพราะแม่จนมาแต่เด็ก ตามตรงแม่ก็ไม่สนใจใยดีเราเพราะแม่เกลียดเราอยู่แล้ว เพราะแม่ท้องเราตอน18แม่เลยค่อนข้างลำบาก แล้วพ่อไม่ได้อยู่ไทยตอนนั้น เลยกดดันแม่หลายอย่าง ไม่รู้ว่าเราผิดอะไรเพราะเราก็ไม่ได้ขอเกิดมา แต่ก็โดนเกลียดไปซะแบบนั้น แต่ที่สำคัญคือเราไม่รู้ว่าพ่อจะจ่ายเงินเราไหม หรือพ่อจะทำอะไรให้เราไหม กลัวมากว่าจะโดนใช้งานแล้วมาอ้างมาทำเพราะช่วยครอบครัว ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง ไม่ก็จ่ายน้อยมากไรงี้ เราขัดขืนเขาไม่ได้จริงๆ คนที่ทำงานทุกคนที่เราเคยทำงานด้วยล้วนรู้หมดว่าครอบครัวเราเป็นยังไง พวกเราเลยได้แต่ช่วยเป็นกำลังใจให้แบบห่างๆ หรือคอยเปิดตากว้างแล้วมาบอกว่าที่ไหนมีเปิดให้เช่าห้องบ้าง แต่ไปว่าจะทำยังไงเงินที่เราเก็บมาได้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มั่นคงที่จะสามารถจ่ายได้ทุกเดือน ไปหากลุ่มคนคุ้มครองเด็กก็แล้ว แต่เราเกิน18มาได้สักพักแล้วเลยช่วยอะไรเราไม่ได้ พอไปหากลุ่มปัญหาครอบครัวเขาก็ให้ได้แค่คำปรึกษา ว่าเราควรทำยังไงแล้วควรย้ายออกให้เร็ว แล้วช่วยอะไรเราไม่ได้ เราไม่มีที่พึ่งที่นี่ มีแค่ครอบครัว เราจะโดนขังอยู่ในบ้านนี้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอคะ ถ้าเป็นแบบนี้ เราไม่รู้เลยว่าจะหาทางออกยังไง มีใครแนะนำอะไรได้บ้างไหมคะ ขอความกรุณาด้วยค่ะ หมดหนทางแล้วจริงๆ อยู่บ้านไม่เคยมีความสุข เคยคิดจะตายแต่ก็กลัวมากๆค่ะ เราอยากมีชีวิต แต่ก็อยากมีชีวิตตามที่เราเลือกได้ พ่อไม่ใช่คนที่จะฟังเราหือมีเหตุผล เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่ น้องชายก็เข้าข้างพ่อแม่มากกว่า ที่บ้านเลยเป็นเหมือนนรกทุกๆครั้งที่เดินเข้าไป…