เราทำถูกไหมที่คอยรายงานพฤติกรรมที่น่าสงสัยของน้องกับแฟนน้องให้พ่อแม่รู้

น้องสาวเราอายุใกล้ 30 แล้ว คบกับแฟนคนล่าสุดได้ไม่ถึงปี ซึ่งแฟนคนนี้ของน้อง พ่อแม่เราไม่ชอบ และแฟนคนที่ผ่านๆมาของน้อง ก็ไม่มีคนไหนที่พ่อแม่เราชอบ เพราะไม่ใช่ไทป์ที่พ่อแม่ชอบ (เช่น ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง มีลายสักเต็มตัว คบกันแล้วไม่พามาเปิดตัว) ส่วนน้องเราก็ไม่ได้ทำงานประจำ แต่ช่วยงานพ่ออยู่ที่บ้าน นิสัยของน้องไม่ค่อยเป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ เพราะน้องเราเป็นคนเที่ยวเก่ง เวลาไปไหนก็ไม่ค่อยยอมบอกพ่อแม่ และเป็นคนใจง่าย ใจเร็ว ใช้จ่ายเงินเกินตัว

ก่อนหน้านี้น้องเราสร้างวีรกรรมหนักด้วยการไปหลงรักมิจฉาชีพแล้วโอนเงินให้เขาไปครึ่งล้าน เงินที่ให้เขาไป น้องเราแอบขโมยจากพ่อแม่ แอบขายหุ้นทั้งหมดของพ่อที่ฝากไว้ในพอร์ตของน้อง แอบเอารถยนต์ที่พ่อซื้อให้ไปเข้าธนาคาร และไปยืมเงินเพื่อน/แฟนเก่า/น้องเราอีกคน ทุกวันนี้เงินที่เสียไปก็ไม่ได้คืนสักบาท พฤติกรรมนี้ของน้องยิ่งทำให้ไม่เป็นที่น่าไว้วางใจมากยิ่งขึ้น

หลังจากเกิดเหตุนั้น น้องเราก็มีแฟนใหม่ เพิ่งคบกันไม่กี่เดือน เคยพามารู้จักกับพ่อแม่เราแล้ว เขามีงานทำประจำ แต่พ่อแม่ไม่ชอบเพราะเขามีรอยสักพร้อย และอยู่นอกร่มผ้า แต่ถึงแม้จะไม่ชอบ แต่พ่อแม่ก็ไม่ได้กีดกัน (กีดกันไม่ไหวด้วย) น้องเรายังออกไปเที่ยวไปหาแฟนได้เป็นประจำ พ่อแม่เรารู้สึกไม่ดีที่มีลูกสาวเที่ยวตะลอนๆออกไปหาผู้ชาย และเวลาจะไปไหนกันก็ไม่ยอมบอกให้พ่อแม่รู้ เวลาพ่อกับแม่ถามว่าจะออกไปไหน น้องก็ไม่ยอมบอกตรงๆ บอกแค่ว่า "ไปแถวๆนี้" ส่วนเราอยู่ไกลบ้านก็ไม่เคยเห็นแฟนของน้องแบบตัวเป็นๆ เคยเห็นแค่รูปถ่ายในเฟสบุ๊ค

พอพูดถึงเรื่องเฟสบุ๊ค น้องเรามีนิสัยชอบโพสต์นั่นโพสต์นี่ รวมถึงเรื่องส่วนตัว แถมพอโพสต์แล้วตั้งค่าเป็นสาธารณะอีก วันหนึ่งมีคนรู้จักส่งรูปในเฟสบุ๊คของน้องให้พ่อแม่เราดู (พ่อแม่เราไม่เล่นโซเชียล) เป็นภาพน้องกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนที่บ้านแฟน พ่อแม่เราเป็นทุกข์เลย เพราะกังวลว่าน้องกับแฟนจะมีอะไรกันแล้ว แต่น้องปฏิเสธว่าไม่มีอะไร ซึ่งก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร สุดท้ายก็ปล่อยผ่านเพราะไม่มีหลักฐานจะเอาผิด แม่มาเล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง หลังจากนั้นเราก็คอยเข้าไปส่องเฟสบุ๊คของน้อง และของแฟนน้องด้วย จนกระทั่งวันหนึ่งเราเห็นรูปน้องเราใส่สร้อยคอและแหวนทอง โดยบอกว่าแฟนซื้อให้ และยังมีรูปที่พวกเขาไปเปิดบัญชีร่วมกัน เราจึงรายงานเรื่องนี้ให้พ่อแม่รู้ เพราะเรามองว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติสำหรับคนที่เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือน และพ่อแม่ก็คงคิดเหมือนเรา เราเชื่อว่าพ่อแม่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ

หลังจากพ่อแม่รู้ ก็เรียกน้องมาคุยและตักเตือน เท่าที่เราถามจากแม่ หลักๆคือพ่อแม่เตือนน้องว่าไม่ควรรับของมีค่าแบบนี้จากแฟน เพราะไม่รู้ว่าคนให้มีเจตนาดีหรือไม่ หรือควรจะบอกให้พ่อแม่รู้ก่อน เวลาจะทำอะไรกัน จะให้ของอะไรกัน ก็มาบอกพ่อแม่ ไม่ใช่ไปโพสต์เฟสบุ๊คให้คนอื่นรู้แต่พ่อแม่ไม่รู้ และก็เตือนเรื่องการโพสต์เฟสบุ๊ค การตั้งค่าสาธารณะ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะโพสต์ เพราะถ้าเจอมิจฉาชีพแล้วจะเกิดเรื่องแย่ๆอีก พ่อแม่เตือนประมาณนี้ น้องเราก็เถียงประมาณว่า เฟสบุ๊คของน้อง น้องจะโพสต์อะไรก็ได้ พ่อเราพูดว่าถ้าน้องเรามีลูก ก็จะเข้าใจว่าพ่อแม่เป็นทุกข์ขนาดไหนที่ลูกทำแบบนี้ เวลาลูกเจอปัญหาอะไร คนที่ช่วยตามแก้ปัญหาให้ก็คือพ่อแม่ ไม่ใช่คนอื่น

จากนั้นแม่เราก็ขอให้เราช่วยพูดตักเตือนน้องในเรื่องนี้บ้าง แต่เราบอกว่าเราไม่เตือนหรอก เราจะไปเตือนได้ยังไง ในเมื่อเราไม่ได้อยู่บ้าน ไม่ได้อยู่กับน้อง น้องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราไปส่องเฟสบุ๊คน้องแล้วส่งรูปให้พ่อแม่ (เราไม่ได้เป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คน้อง) เราขอให้พ่อแม่อย่าบอกน้องว่าเราเป็นคนส่งรูปให้ดู อีกอย่างถ้าพ่อแม่ที่อยู่บ้านเดียวกับน้องเตือนแล้วน้องไม่เชื่อฟัง เราก็ไม่คิดว่าน้องจะเชื่อฟังพี่ที่อยู่ห่างไกลอย่างเราหรอก ที่เราทำได้ตอนนี้คือช่วยสอดส่องและรายงานพ่อแม่อย่างที่ทำอยู่

ล่าสุดเราก็เห็นน้องโพสต์เฟสบุ๊คระบายอารมณ์ว่า "ไม่ชอบคนที่มายุ่งเรื่องของคนอื่น ถ้ามีคนมายุ่งเรื่องของคุณบ้างจะชอบไหม" เราคิดว่าน้องหมายถึงเรื่องที่เราฟ้องพ่อแม่ บางครั้งเราก็สงสัยว่าเราทำถูกหรือเปล่า เราก็ไม่ได้อยากยุ่งวุ่นวายหรอก เพราะน้องก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว แต่อีกมุมนึงคือ ถึงน้องจะไม่ใช่เด็ก แต่ความคิดน้องก็ยังไม่โต การที่เราฟ้องเรื่องน้องให้พ่อแม่รู้ เราก็เลือกฟ้องเฉพาะเรื่องที่เรามองว่าไม่ปกติ ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปเราก็ปล่อย เพราะถ้าหากเป็นเรื่องไม่ดีก็จะได้ช่วยป้องกันก่อนจะสายเกินแก้ เราสงสารพ่อแม่ ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องมารับมือหรือแก้ปัญหากับเรื่องแย่ๆที่ลูกเป็นคนก่อด้วยความไม่คิดอีก อยากถามทุกคนว่า ถ้าคุณมีน้องที่เป็นแบบน้องเรา แล้วคุณเป็นพี่ (หรือเป็นน้องก็ได้) คุณจะทำอย่างที่เรรทำหรือเปล่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่