เรื่องมีอยู่ว่า เราคบกับแฟนมา10ปี
ในระหว่างที่เราคบกับเขา มีทั้งทุกข์ทั้งสุขปนกันไป
ผ่านความลำบากมาด้วยกันกับเขา (ในส่วนของเขานั้นตลอดที่คบกับมานั้นเขามีเรื่องนอกกายนอกใจเรามาตลอด)
ทะเลาะกัน เลิกกันก็หลายครั้งแต่ก็วนกลับมาคบกันใหม่
(ส่วนเราก็มีบ้างที่คุยกับผู้ชายคนอื่นแต่เราไม่เคยนอกกาย แค่คุยกันเฉยๆอาจมีบ้างที่นัดไปทานข้าว แต่ไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ่งกัน)
จนอยู่มาวันนึงเราท้องมีลูกกับแฟนคนนี้ ในระหว่างที่เราท้องลูกของเขา เขาก็พาเราไปจดทะเบียนสมรสกัน
และเขาก็หยุดเรื่องการนอกใจไป เราก็หยุดคุยกับผู้ชายคนอื่นเหมือนต่างคนต่างหยุดทำพฤติกรรมแบบนี้
จนมาช่วงนึง ลูกอายุประมาณขวบกว่า เราเริ่มรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ระแคะระคายเขาว่าเขาเริ่มมีพฤติกรรมแบบเดิมคิอการนอกใจมีคนอื่น เช่น ไม่ค่อยกลับบ้าน อ้างว่างานเยอะ เหนื่อยที่จะขับรถกลับบ้าน มางานเช้า กลับอีกครั้งคือ เสาร์ อาทิตย์ ถึงจะกลับสักครั้งหรือบ้างครั้งก็ไม่กลับเลย แต่เราก็ยังติดต่อโทรคุยกัน คุยเเชทดันตลอด
จนกระทั่งความแตกที่ผู้หญิงที่เขาคุยดันมาเปิดเผยตัวกับเรา คือกดติดตามเราในโซเซียล และโพสรูปให้เห็นแบบถ่ายให้เห็นด้านข้าง จนเราทักไปถามเขาว่าคนนี้ใคร เขาก็โกหกว่าไม่รู้จัก จนเราต้องตามสืบเอง
และรู้ว่าเขามีผญ. จริงๆ ก็คือผู้หญิงคนนั้น มีพาไปเที่ยวด้วยกัน ไปทานข้าว ไปไหนมาไหนด้วยกัน
จากเมื่อก่อนจะพาลูกไปเที่ยวตลอด ตอนนนี้กลับไม่มี แม้กระทั้งเวลาให้ลูก
ค่าใช้จ่ายของลูก เขาก็ช่วยจ่ายบ้างไม่ช่วยบ้าง อ้างว่าไม่มีเงิน บ้างครั้งก็มาหยิบยืมเงินเราบ้างทั้งที่เขารู้ว่าเราตกงานอยู่ ขนาดเราตกงานเราก็ไม่เคยแบมือขอเงินเขาเลย จนมารู้ว่าเขาเอาเงินไปเลี้ยงผญ. หมดครั้งละ 2-3 พัน
พอรู้เราก็คุยกับเขา จนทำให้ทะเลาะกันทุกวัน ทุกเวลา หรือ ทุกครั้งที่เจอหน้า ทำให้เราเริ่มเหนื่อย เบื่ิอ เริ่มคิดอะไรหลายอย่าง ว่าตอนที่เรามีปัญหาเขาไม่เคยช่วยอะไรเรย แม้กระทั่งปลอบใจก็ไม่มี ต่างจากเขาหันกลับมาเมื่อไหร่ก็เจอเรา จนเรากลับมามีพฤติกรรมแบบเดิมคือ กลับไปคุยกับผู้ชายคนอื่นๆอีกครั้ง และครั้งนี้เราก็มีนัดผู้ชายคนอื่นไปเที่ยว แต่ก็เหมือนเดิมคือไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ่ง
เราเริ่มรักตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนแปลงตัวเอง
ทั้งการลดน้ำหนัก การแต่งตัว เปลี่ยนเป็นคนใหม่
จนเขารู้สึกได้ว่าเราเปลี่ยนไป บวกกับเพื่อนเขาพูดว่าทำไมเราเปลี่ยนไปจากเดิมดูดีขึ้น และเพื่อนเขาพูดว่าเราคงมีผู้ชายคนอื่นแน่เลยถึงเปลี่ยนไป ขนาดนี้
และหลังจากนั้นเขาก็คอยมาตามหึง หวง ระเเวงเรา
จนเขารู้ว่าเรามีคุยกับคนอื่นจริงๆ
เขาจึงกลับมาขอโทษ ขอโอกาส ขอปรับปรุงตัว กับเรื่องที่เขาทำ ไม่อยากให้เลิกกัน บอกเราว่าสงสารลูก ไม่อยากให้ลูกต้อง ขาด พ่อหรือแม่ กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม
แต่เขาก็ยังแยกกันยุกับเราเหมือนเดิมนะ แต่ก็มีมาหาลูก บ้างเสาร์ อาทิตย์เหมือนเดิม
และแน่นอนเรารู้ว่า เขายังไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น
แต่ครั้งนี้กลับมีผญ .อื่นๆอีกเยอะเยะ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียว
และวันนึงผู้หญิงคนนั้น ได้สร้างหลักฐานให้เรารู้ถึงการมีตัวตนของเขาว่าเขายังคุยกันอยู่นะ เช่น ลืมลิปไว้ในรถ ปรับเบาะ ปิดช่องแอร์ ลืมร่ม ลืมแป้งพรับแต่งงหน้า ของใช้ของผญ.
เราจึงได้ทำการติดต่อผู้หญิงคนนั้นไปทางเฟสบุ๊ค
แต้ผู้หญิงคนนั้นไม่อ่าน เราก็คอยส่องผญ . คนนั้นตลอด และก็พยายามทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้เราส่องยุนะ
และผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น
ก็มีได้โพสแซะเรา
จนเราเริ่มทนไปไหวละ จึงทักไปตามช่องทางโซเชียลต่างๆของผู้หญิงคนนั้น จนได้คุยกันและโทรเคลียร์กันทั้งแฟนเรา ผู้หญิงคนนั้น
จนแฟนเราบอกว่าจะจบให้ และครั้งนี้เขาบล็อคการติดต่อกับผู้หญิงคนนี้ทุกช่องทาง และบอกว่าจะไม่ยุ่งกันเเล้ว
บางครั้งก็มีเปิดโทรศัพท์ให้เราเช็คบ้าง ว่าเขาไม่คุยกับใครแล้วจริงๆ ว่าเขาสำนึกผิดแล้ว ให้เรากับมาเหมือนเดิม เริ่มต้นใหม่ และเขาขอให้เราหยุดคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วย ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหานะเราก็หยุดคุยให้
แต่เหมือนความรู้สึกเราที่รู้สึกกับเขานั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว มันเต็มไปด้วยความระแวง วันๆก็ชวนเขาทะเลาะเพราะความระแวง
และคิดว่าสิ่งที่เขาบอกเรานั่นโกหกหรือเรื่องจริง
แน่นอนเราไม่มีความเชื่อใจเหมือนก่อน
จนครั้งล่าสุดเขาคุยกับเราเป็นครั้งสุดท้าย เขาบอกว่าเขาขอโอกาส ให้เราช่วยลืมเรื่องนี้ไปแล้วเริ่มต้นใหม่
แต่เราก็ยังไม่รับปากอะไรเขานะ
จนอยู่ๆเราเห็นเขายังมีเข้าไปส่องโซเชียลเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น จึงทำให้เราคิดว่าเราต้องยอมแพ้ได้แล้ว
และต้องปล่อยเขาไปดีกว่า บวกกับเราอยากออกไปจากวงโคจรนี้ ไม่อยากเครียด เสียใจ ร้องไห้อีกแล้ว
ถ้าเราจะตัดสินใจบอกเลิกเขาอีกครั้ง และจบแบบจริงๆ จังๆ
เราจะคุยกับเขายังไงดี และ ให้เขายอมรับในสิ่งที้เราตัดสินใจ หรือ เราควรปล่ิอยวางหยุดโฟกัสเรื่องนี้
ทนอยู่ต่ิอไปเพื่อลูกได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์
ถ้าเป็นคุณคุณจะตัดสินใจยังไงกัน ขอความเห็นหน่อยนะคะ
ทำไมอยู่มันมีความคิดว่าอยากเลิกกับแฟน
ในระหว่างที่เราคบกับเขา มีทั้งทุกข์ทั้งสุขปนกันไป
ผ่านความลำบากมาด้วยกันกับเขา (ในส่วนของเขานั้นตลอดที่คบกับมานั้นเขามีเรื่องนอกกายนอกใจเรามาตลอด)
ทะเลาะกัน เลิกกันก็หลายครั้งแต่ก็วนกลับมาคบกันใหม่
(ส่วนเราก็มีบ้างที่คุยกับผู้ชายคนอื่นแต่เราไม่เคยนอกกาย แค่คุยกันเฉยๆอาจมีบ้างที่นัดไปทานข้าว แต่ไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ่งกัน)
จนอยู่มาวันนึงเราท้องมีลูกกับแฟนคนนี้ ในระหว่างที่เราท้องลูกของเขา เขาก็พาเราไปจดทะเบียนสมรสกัน
และเขาก็หยุดเรื่องการนอกใจไป เราก็หยุดคุยกับผู้ชายคนอื่นเหมือนต่างคนต่างหยุดทำพฤติกรรมแบบนี้
จนมาช่วงนึง ลูกอายุประมาณขวบกว่า เราเริ่มรู้ถึงการเปลี่ยนแปลง ระแคะระคายเขาว่าเขาเริ่มมีพฤติกรรมแบบเดิมคิอการนอกใจมีคนอื่น เช่น ไม่ค่อยกลับบ้าน อ้างว่างานเยอะ เหนื่อยที่จะขับรถกลับบ้าน มางานเช้า กลับอีกครั้งคือ เสาร์ อาทิตย์ ถึงจะกลับสักครั้งหรือบ้างครั้งก็ไม่กลับเลย แต่เราก็ยังติดต่อโทรคุยกัน คุยเเชทดันตลอด
จนกระทั่งความแตกที่ผู้หญิงที่เขาคุยดันมาเปิดเผยตัวกับเรา คือกดติดตามเราในโซเซียล และโพสรูปให้เห็นแบบถ่ายให้เห็นด้านข้าง จนเราทักไปถามเขาว่าคนนี้ใคร เขาก็โกหกว่าไม่รู้จัก จนเราต้องตามสืบเอง
และรู้ว่าเขามีผญ. จริงๆ ก็คือผู้หญิงคนนั้น มีพาไปเที่ยวด้วยกัน ไปทานข้าว ไปไหนมาไหนด้วยกัน
จากเมื่อก่อนจะพาลูกไปเที่ยวตลอด ตอนนนี้กลับไม่มี แม้กระทั้งเวลาให้ลูก
ค่าใช้จ่ายของลูก เขาก็ช่วยจ่ายบ้างไม่ช่วยบ้าง อ้างว่าไม่มีเงิน บ้างครั้งก็มาหยิบยืมเงินเราบ้างทั้งที่เขารู้ว่าเราตกงานอยู่ ขนาดเราตกงานเราก็ไม่เคยแบมือขอเงินเขาเลย จนมารู้ว่าเขาเอาเงินไปเลี้ยงผญ. หมดครั้งละ 2-3 พัน
พอรู้เราก็คุยกับเขา จนทำให้ทะเลาะกันทุกวัน ทุกเวลา หรือ ทุกครั้งที่เจอหน้า ทำให้เราเริ่มเหนื่อย เบื่ิอ เริ่มคิดอะไรหลายอย่าง ว่าตอนที่เรามีปัญหาเขาไม่เคยช่วยอะไรเรย แม้กระทั่งปลอบใจก็ไม่มี ต่างจากเขาหันกลับมาเมื่อไหร่ก็เจอเรา จนเรากลับมามีพฤติกรรมแบบเดิมคือ กลับไปคุยกับผู้ชายคนอื่นๆอีกครั้ง และครั้งนี้เราก็มีนัดผู้ชายคนอื่นไปเที่ยว แต่ก็เหมือนเดิมคือไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ่ง
เราเริ่มรักตัวเองมากขึ้น เปลี่ยนแปลงตัวเอง
ทั้งการลดน้ำหนัก การแต่งตัว เปลี่ยนเป็นคนใหม่
จนเขารู้สึกได้ว่าเราเปลี่ยนไป บวกกับเพื่อนเขาพูดว่าทำไมเราเปลี่ยนไปจากเดิมดูดีขึ้น และเพื่อนเขาพูดว่าเราคงมีผู้ชายคนอื่นแน่เลยถึงเปลี่ยนไป ขนาดนี้
และหลังจากนั้นเขาก็คอยมาตามหึง หวง ระเเวงเรา
จนเขารู้ว่าเรามีคุยกับคนอื่นจริงๆ
เขาจึงกลับมาขอโทษ ขอโอกาส ขอปรับปรุงตัว กับเรื่องที่เขาทำ ไม่อยากให้เลิกกัน บอกเราว่าสงสารลูก ไม่อยากให้ลูกต้อง ขาด พ่อหรือแม่ กลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม
แต่เขาก็ยังแยกกันยุกับเราเหมือนเดิมนะ แต่ก็มีมาหาลูก บ้างเสาร์ อาทิตย์เหมือนเดิม
และแน่นอนเรารู้ว่า เขายังไม่เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น
แต่ครั้งนี้กลับมีผญ .อื่นๆอีกเยอะเยะ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นคนเดียว
และวันนึงผู้หญิงคนนั้น ได้สร้างหลักฐานให้เรารู้ถึงการมีตัวตนของเขาว่าเขายังคุยกันอยู่นะ เช่น ลืมลิปไว้ในรถ ปรับเบาะ ปิดช่องแอร์ ลืมร่ม ลืมแป้งพรับแต่งงหน้า ของใช้ของผญ.
เราจึงได้ทำการติดต่อผู้หญิงคนนั้นไปทางเฟสบุ๊ค
แต้ผู้หญิงคนนั้นไม่อ่าน เราก็คอยส่องผญ . คนนั้นตลอด และก็พยายามทำให้ผู้หญิงคนนั้นรู้เราส่องยุนะ
และผู้หญิงคนนั้นกับเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น
ก็มีได้โพสแซะเรา
จนเราเริ่มทนไปไหวละ จึงทักไปตามช่องทางโซเชียลต่างๆของผู้หญิงคนนั้น จนได้คุยกันและโทรเคลียร์กันทั้งแฟนเรา ผู้หญิงคนนั้น
จนแฟนเราบอกว่าจะจบให้ และครั้งนี้เขาบล็อคการติดต่อกับผู้หญิงคนนี้ทุกช่องทาง และบอกว่าจะไม่ยุ่งกันเเล้ว
บางครั้งก็มีเปิดโทรศัพท์ให้เราเช็คบ้าง ว่าเขาไม่คุยกับใครแล้วจริงๆ ว่าเขาสำนึกผิดแล้ว ให้เรากับมาเหมือนเดิม เริ่มต้นใหม่ และเขาขอให้เราหยุดคุยกับผู้ชายคนอื่นด้วย ซึ่งเราก็ไม่มีปัญหานะเราก็หยุดคุยให้
แต่เหมือนความรู้สึกเราที่รู้สึกกับเขานั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว มันเต็มไปด้วยความระแวง วันๆก็ชวนเขาทะเลาะเพราะความระแวง
และคิดว่าสิ่งที่เขาบอกเรานั่นโกหกหรือเรื่องจริง
แน่นอนเราไม่มีความเชื่อใจเหมือนก่อน
จนครั้งล่าสุดเขาคุยกับเราเป็นครั้งสุดท้าย เขาบอกว่าเขาขอโอกาส ให้เราช่วยลืมเรื่องนี้ไปแล้วเริ่มต้นใหม่
แต่เราก็ยังไม่รับปากอะไรเขานะ
จนอยู่ๆเราเห็นเขายังมีเข้าไปส่องโซเชียลเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น จึงทำให้เราคิดว่าเราต้องยอมแพ้ได้แล้ว
และต้องปล่อยเขาไปดีกว่า บวกกับเราอยากออกไปจากวงโคจรนี้ ไม่อยากเครียด เสียใจ ร้องไห้อีกแล้ว
ถ้าเราจะตัดสินใจบอกเลิกเขาอีกครั้ง และจบแบบจริงๆ จังๆ
เราจะคุยกับเขายังไงดี และ ให้เขายอมรับในสิ่งที้เราตัดสินใจ หรือ เราควรปล่ิอยวางหยุดโฟกัสเรื่องนี้
ทนอยู่ต่ิอไปเพื่อลูกได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์
ถ้าเป็นคุณคุณจะตัดสินใจยังไงกัน ขอความเห็นหน่อยนะคะ