กสม.ชี้คดีฆาตกรรม’ป้าบัวผัน’ ขัดหลักยุติธรรม เล็งส่งอัยการสูงสุดสอบจนท.
https://www.dailynews.co.th/news/3099857/
กสม. ชี้คดีฆาตกรรม “ป้าบัวผัน” ขัดต่อหลักสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เตรียมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดเจ้าหน้าที่ และเยียวยาผู้เสียหาย.
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกเอกสารเผยแพร่ กรณีเด็กและเยาวชน 5 คน ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและฆ่านางสาว
บัวผัน ตันสุ หรือ “
ป้าบัวผัน” และนำศพไปทิ้งบ่อน้ำเพื่ออำพรางคดี ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศได้นำตัวนาย
ปัญญา คงคำแสน หรือ “
ลุงเปี๊ยก” ซึ่งเป็นสามีมาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งต่อมาปรากฏหลักฐานว่าสามีผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่กระทำทรมานและบังคับข่มขู่เพื่อให้รับสารภาพ รวมถึงให้นำชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งกสม.เห็นว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องหาหรือจำเลย รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหลายประการ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 4 วางหลักไว้ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับการคุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน และมาตรา 27 ระบุว่า บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม หรือเหตุอื่นใดจะกระทำไม่ได้ แต่กรณีที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าป้าบัวผันและลุงเปี๊ยกไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายตามที่ควรจะเป็น และได้รับการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม มีความพยายามช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ และสร้างสถานการณ์ให้ลุงเปี๊ยกตกเป็นแพะ หรือจำเลยแทนอย่างเลวร้าย
การนำ
ลุงเปี๊ยก ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ขัดกับหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 29 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14 ที่ว่า “
ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” หลักการเช่นว่านี้ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่คุ้มครองบุคคลที่ถูกกล่าวหาจะต้องไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นผู้กระทำความผิดจนกว่าจะได้มีการพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัย
ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และกติกา กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14 ได้วางหลักไว้ว่า รัฐพึงให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสม โดยจัดหาทนายความให้แก่ผู้ยากไร้หรือผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และผู้ต้องหานั้นต้องได้รับแจ้งข้อกล่าวหาโดยพลันด้วย ด้วยเหตุนี้ การดำเนินคดีใด ๆ ต่อผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองฯ และต้องแจ้งให้บุคคลนั้นได้รับทราบว่าตนมีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือด้านกฎหมาย มีสิทธิปรึกษาหารือกับทนายความหรือผู้ที่ตนไว้วางใจ ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้แก่ผู้ต้องหา ย่อมเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิ ในกระบวนการยุติธรรมด้วย
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงสิทธิของบุคคลที่จะไม่ถูกทรมานหรือการปฏิบัติหรือการลงโทษที่ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี กสม. เห็นว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวลุงเปี๊ยก ไปสอบสวนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศแต่ให้ถอดเสื้อ นำถุงดำมาคลุมศีรษะ และบังคับข่มขู่เพื่อให้รับสารภาพ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ และเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นเหตุให้ถูกลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ด้วย ซึ่งในการดำเนินคดีอาญา รัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะทำการทรมานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือหรือคำรับสารภาพจากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้ การกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการละเมิดต่อสิทธิที่จะไม่ถูกทรมานฯ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งหากผู้บังคับบัญชาทราบแต่ไม่ดำเนินการเพื่อระงับการกระทำความผิดย่อมต้องรับผิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยตามกฎหมายนี้ และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่บันทึกภาพและเสียงในการควบคุมตัวก็ถือว่ามิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เช่นกัน
ดังนั้น กสม. จะส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำคนผิดมาลงโทษ และเพื่อฟื้นฟูและเยียวยาด้านร่างกายและจิตใจให้แก่ผู้เสียหายตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ขณะเดียวกัน กสม. จะร่วมกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนในเรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นธารสำหรับทุกคน เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมถึงแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป.
เลขาฯ กกต. ยันพร้อมจัด เลือกซ่อม-ประชามติ ส่วนแจกใบแดงเป็นไปตามไทม์ไลน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4385099
เลขา กกต. ยัน แจกใบแดงเป็นไปตามไทม์ไลน์เลือกตั้ง ส.ส. ย้ำ พร้อมจัดเลือกตั้งซ่อม-ประชามติ-เลือก ส.ว.
เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 20 มกราคม ที่ห้องประชุมออดิทอเรียม บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ นาย
แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการแจกใบแดงของ กกต.ในข่วงนี้ที่เกิดขึ้นหลายเขต ว่า ยืนยันว่าเป็นไปตามอำนาจหน้าที่และไทมไลน์หลังการเลือกตั้ง เมื่อมีผู้ร้องให้ตรวจสอบจนถึงกระบวนการพิจารณาให้ใบแดง
นายแสวง กล่าวว่า ทั้งนี้ จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาตัดสินว่าจะผิดตามที่ กกต.ยื่นไปหรือใม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา หากศาลตัดสินว่าให้มีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ในเขตพื้นที่นั้น ๆ กกต.ก็มีความพร้อมไม่ต้องกังวล เพราะกกต.มีปฏิทินการดำเนินงานแต่ละการเลือกตั้งอยู่แล้ว เช่นเดียวกับปฏิทินงานทำประชามติ รวมถึงการการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
นายแสวง กล่าวอีกว่า “
ส่วนการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ที่การส่งสัญญาณของรัฐบาลว่าจะให้ทำเมื่อใด ซึ่งกกต.ก็มีความพร้อมไม่ว่าจะมาเมื่อใด“
ปตท.-บางจาก ปรับขึ้นราคาน้ำมัน เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อีก 30 สตางค์
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/383397
เมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) PTT Station แจ้งปรับราคาขายปลีก น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร GSH95 Premium ปรับขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดคงเดิม มีผลวันที่ 20 มกราคม เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป
โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 43.74, GSH95 = 35.85, E20 = 33.74, GSH91 = 34.08, E85 = 33.89, พรีเมียม GSH95 = 43.24, HSD-B7 = 29.94, HSD-B10 = 29.94, พรีเมียมดีเซล B7 = 41.54 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
เช่นเดียวกับ บางจาก ก็ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 30 สตางค์ ยกเว้นกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม มีผลวันที่ 20 มกราคม เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป
ราคาขายปลีกจะป็น ดังนี้ BCP Retail Price : GSH95S EVO 35.85/ GSH91S EVO 34.08 / GSH E20S EVO 33.74 / GSH E85S EVO 33.89 / Hi Premium 97 (GSH95++) 47.84/ Hi Diesel B20S 29.94/ Hi Diesel S 29.94 / Hi Diesel S B7 29.94 / Hi Premium Diesel S B7 43.64 ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่
JJNY : กสม.ชี้ขัดหลักยุติธรรม│ยันพร้อมจัด เลือกซ่อม-ประชามติ│ปรับขึ้นราคาน้ำมัน│รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียเผชิญคลื่นความร้อน
https://www.dailynews.co.th/news/3099857/
กสม. ชี้คดีฆาตกรรม “ป้าบัวผัน” ขัดต่อหลักสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เตรียมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดเจ้าหน้าที่ และเยียวยาผู้เสียหาย.
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกเอกสารเผยแพร่ กรณีเด็กและเยาวชน 5 คน ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและฆ่านางสาวบัวผัน ตันสุ หรือ “ป้าบัวผัน” และนำศพไปทิ้งบ่อน้ำเพื่ออำพรางคดี ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศได้นำตัวนายปัญญา คงคำแสน หรือ “ลุงเปี๊ยก” ซึ่งเป็นสามีมาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งต่อมาปรากฏหลักฐานว่าสามีผู้ตายถูกเจ้าหน้าที่กระทำทรมานและบังคับข่มขู่เพื่อให้รับสารภาพ รวมถึงให้นำชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งกสม.เห็นว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ ไม่เป็นไปตามหลักสิทธิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของผู้ต้องหาหรือจำเลย รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหลายประการ กล่าวคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 4 วางหลักไว้ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับการคุ้มครอง ปวงชนชาวไทยย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน และมาตรา 27 ระบุว่า บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม หรือเหตุอื่นใดจะกระทำไม่ได้ แต่กรณีที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าป้าบัวผันและลุงเปี๊ยกไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายตามที่ควรจะเป็น และได้รับการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม มีความพยายามช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ และสร้างสถานการณ์ให้ลุงเปี๊ยกตกเป็นแพะ หรือจำเลยแทนอย่างเลวร้าย
การนำลุงเปี๊ยก ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ขัดกับหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 29 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14 ที่ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” หลักการเช่นว่านี้ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่คุ้มครองบุคคลที่ถูกกล่าวหาจะต้องไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นผู้กระทำความผิดจนกว่าจะได้มีการพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัย
ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และกติกา กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ข้อ 14 ได้วางหลักไว้ว่า รัฐพึงให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสม โดยจัดหาทนายความให้แก่ผู้ยากไร้หรือผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และผู้ต้องหานั้นต้องได้รับแจ้งข้อกล่าวหาโดยพลันด้วย ด้วยเหตุนี้ การดำเนินคดีใด ๆ ต่อผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองฯ และต้องแจ้งให้บุคคลนั้นได้รับทราบว่าตนมีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือด้านกฎหมาย มีสิทธิปรึกษาหารือกับทนายความหรือผู้ที่ตนไว้วางใจ ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้แก่ผู้ต้องหา ย่อมเป็นการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิ ในกระบวนการยุติธรรมด้วย
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงสิทธิของบุคคลที่จะไม่ถูกทรมานหรือการปฏิบัติหรือการลงโทษที่ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี กสม. เห็นว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวลุงเปี๊ยก ไปสอบสวนในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศแต่ให้ถอดเสื้อ นำถุงดำมาคลุมศีรษะ และบังคับข่มขู่เพื่อให้รับสารภาพ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ และเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นเหตุให้ถูกลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ด้วย ซึ่งในการดำเนินคดีอาญา รัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะทำการทรมานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือหรือคำรับสารภาพจากผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่ได้ การกระทำดังกล่าวจึงถือเป็นการละเมิดต่อสิทธิที่จะไม่ถูกทรมานฯ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งหากผู้บังคับบัญชาทราบแต่ไม่ดำเนินการเพื่อระงับการกระทำความผิดย่อมต้องรับผิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยตามกฎหมายนี้ และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่บันทึกภาพและเสียงในการควบคุมตัวก็ถือว่ามิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เช่นกัน
ดังนั้น กสม. จะส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำคนผิดมาลงโทษ และเพื่อฟื้นฟูและเยียวยาด้านร่างกายและจิตใจให้แก่ผู้เสียหายตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ขณะเดียวกัน กสม. จะร่วมกับภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนในเรื่องสิทธิในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมชั้นต้นธารสำหรับทุกคน เพื่อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมถึงแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อไป.
เลขาฯ กกต. ยันพร้อมจัด เลือกซ่อม-ประชามติ ส่วนแจกใบแดงเป็นไปตามไทม์ไลน์
https://www.matichon.co.th/politics/news_4385099
เลขา กกต. ยัน แจกใบแดงเป็นไปตามไทม์ไลน์เลือกตั้ง ส.ส. ย้ำ พร้อมจัดเลือกตั้งซ่อม-ประชามติ-เลือก ส.ว.
เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 20 มกราคม ที่ห้องประชุมออดิทอเรียม บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการแจกใบแดงของ กกต.ในข่วงนี้ที่เกิดขึ้นหลายเขต ว่า ยืนยันว่าเป็นไปตามอำนาจหน้าที่และไทมไลน์หลังการเลือกตั้ง เมื่อมีผู้ร้องให้ตรวจสอบจนถึงกระบวนการพิจารณาให้ใบแดง
นายแสวง กล่าวว่า ทั้งนี้ จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาตัดสินว่าจะผิดตามที่ กกต.ยื่นไปหรือใม่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา หากศาลตัดสินว่าให้มีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ในเขตพื้นที่นั้น ๆ กกต.ก็มีความพร้อมไม่ต้องกังวล เพราะกกต.มีปฏิทินการดำเนินงานแต่ละการเลือกตั้งอยู่แล้ว เช่นเดียวกับปฏิทินงานทำประชามติ รวมถึงการการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
นายแสวง กล่าวอีกว่า “ส่วนการจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ที่การส่งสัญญาณของรัฐบาลว่าจะให้ทำเมื่อใด ซึ่งกกต.ก็มีความพร้อมไม่ว่าจะมาเมื่อใด“
ปตท.-บางจาก ปรับขึ้นราคาน้ำมัน เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ อีก 30 สตางค์
https://ch3plus.com/news/economy/weekend/383397
เมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) PTT Station แจ้งปรับราคาขายปลีก น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร GSH95 Premium ปรับขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลทุกชนิดคงเดิม มีผลวันที่ 20 มกราคม เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป
โดยราคาขายปลีกจะเป็น ดังนี้ ULG = 43.74, GSH95 = 35.85, E20 = 33.74, GSH91 = 34.08, E85 = 33.89, พรีเมียม GSH95 = 43.24, HSD-B7 = 29.94, HSD-B10 = 29.94, พรีเมียมดีเซล B7 = 41.54 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
เช่นเดียวกับ บางจาก ก็ปรับราคาน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 30 สตางค์ ยกเว้นกลุ่มดีเซลทุกชนิดราคาคงเดิม มีผลวันที่ 20 มกราคม เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป
ราคาขายปลีกจะป็น ดังนี้ BCP Retail Price : GSH95S EVO 35.85/ GSH91S EVO 34.08 / GSH E20S EVO 33.74 / GSH E85S EVO 33.89 / Hi Premium 97 (GSH95++) 47.84/ Hi Diesel B20S 29.94/ Hi Diesel S 29.94 / Hi Diesel S B7 29.94 / Hi Premium Diesel S B7 43.64 ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่