โควิดไทยวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 18,501 ราย เสียชีวิต 229 ราย
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2905546
ศูนย์ข้อมูลโควิดรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันที่ 26 สิงหาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รวม 18,501 ราย เสียชีวิต 229 ราย
โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำแนกเป็นติดเชื้อใหม่ 18,362 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 139 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,092,006 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 20,606 ราย หายป่วยสะสม 896,195 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 186,934 ราย
แฉประวัติ "ผกก.โจ้" หลอกรีดเงิน "จูน บ่อดิน" 4 ล้านบาท แลกไม่ดำเนินคดียาเสพติด
https://ch3plus.com/news/program/254892
ขุดแฉอีก! ตรวจสอบข้อมูลพบ "ผู้กำกับโจ้" เคยรีดเงินจากกลุ่มผู้ค้ายา สมัยที่ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการ
มีรายงานจากชุดจับกุมของตำรวจด้านยาเสพติด ว่าเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ว่า นำหมายจับศาลอาญา ปี 2560 บุกจับ นาย
จิตพันธ์ มีเมือง หรือ
จูน บ่อดิน พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดสิงห์บุรี ที่สี่แยกอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และขยายผลยึดยาเสพติดได้กว่า 4.5 ล้านเม็ด ซึ่ง นาย
จูน บ่อดิน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ก็อ้างว่าคดีเมื่อปี 2560 ได้จ่ายเงิน 3-4 ล้านบาท ให้กับชุดปราบปรามยาเสพติด 4 นครปฐม ซึ่งมีรองผู้กำกับโจ้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีแล้ว แต่ทำไมยังโดน
เมื่อตรวจสอบย้อนหลังพบว่า เมื่อปี 2560 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้จับภรรยาของนาย
จูนและเพื่อน พร้อมยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งซัดทอดว่าเป็นของ นายจูน บ่อดิน ศาลจึงออกหมายจับตั้งแต่ปี 2560 แต่ว่ามีการเจรจาเรียกเงินจากนาย
จูน 3-4ล้านบาท และหลอกนาย
จูนว่า ไม่มีการออกหมายจับ ทำให้ชะล่าใจว่าไม่เคยทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จนกระทั่งถูกจับกุมตามหมายจับดังกล่าว
โหดร้ายไร้มนุษยธรรม! กสม.ประณามคดีตร.ถุงดำรีด 2 ล้าน ทรมานจนตาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6584005
กสม. ออกแถลงการณ์ ประณามคดีสะเทือนขวัญ ตำรวจทรมานผู้ต้องหารีดเงิน 2 ล้าน ใช้ถุงคลุมหัวสิ้นใจตายคาโรงพัก ชี้โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ยื่น 3 ข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 25 ส.ค.2564 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ ชี้เหตุตำรวจซ้อมทรมานผู้ต้องขังถึงแก่ความตายละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง แนะรัฐบาลเร่งผลักดันร่างกฎหมายซ้อมทรมานฯ-ปฏิรูปองค์กรตำรวจตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวและคลิปของเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะและซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกรับผลประโยชน์กระทั่งผู้ต้องหารายดังกล่าวได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้ต้องหาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอาจได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต จึงถือว่าขัดต่อกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ตลอดจนไม่สอดคล้องตามหลักอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่น ๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment – CAT) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม
กสม.มีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเชื่อมโยงให้เห็นถึงปัญหาการซ้อมทรมานโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งยังคงปรากฏเป็นเรื่องร้องเรียนมายัง กสม.เป็นระยะ ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์แจ้งในการกระทำความผิด จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการดังนี้
1. เร่งสอบสวนและดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ตลอดจนจัดให้มีการคุ้มครองพยานที่รัดกุม โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรพิจารณาสั่งการให้มีการติดกล้องวงจรปิดในกระบวนการและสถานที่สอบสวนทุกแห่งด้วย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน
2. เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. ตามที่ กสม.เคยมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล และล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือที่ นร 0503/ว(ล)26227 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้บรรจุเรื่องการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องด่วนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ เพื่อให้มีการอนุวัติการกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคีโดยเร็ว ซึ่งจะนำไปสู่การคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาและบุคคลที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ อันเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการซ้อมทรมานและการทำให้บุคคลสูญหายได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. ผลักดันให้มีการปฏิรูปองค์กรตำรวจ ทั้งในเชิงโครงสร้าง กระบวนการ และกฎระเบียบ โดยเฉพาะกระบวนการสืบสวนสอบสวนที่จะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้อัยการเข้ามากำกับการสอบสวนตั้งแต่ชั้นตำรวจ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน อันจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
กสม.หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะเป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมโดยเฉพาะองค์กรตำรวจได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าบุคคลนั้นจะเป็นผู้ต้องขังหรือผู้ต้องสงสัยว่ามีความผิดหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง
JJNY : ติดเชื้อ18,501 เสียชีวิต229│แฉประวัติ"โจ้"หลอกรีดเงิน"จูน บ่อดิน"4ล.│กสม.ประณามคดีตร.ถุงดำ│ไทยเสี่ยงภาวะเงินฝืด
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2905546
โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำแนกเป็นติดเชื้อใหม่ 18,362 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 139 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,092,006 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) หายป่วยกลับบ้าน 20,606 ราย หายป่วยสะสม 896,195 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 186,934 ราย
แฉประวัติ "ผกก.โจ้" หลอกรีดเงิน "จูน บ่อดิน" 4 ล้านบาท แลกไม่ดำเนินคดียาเสพติด
https://ch3plus.com/news/program/254892
ขุดแฉอีก! ตรวจสอบข้อมูลพบ "ผู้กำกับโจ้" เคยรีดเงินจากกลุ่มผู้ค้ายา สมัยที่ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการ
มีรายงานจากชุดจับกุมของตำรวจด้านยาเสพติด ว่าเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2563 ว่า นำหมายจับศาลอาญา ปี 2560 บุกจับ นายจิตพันธ์ มีเมือง หรือ จูน บ่อดิน พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดสิงห์บุรี ที่สี่แยกอำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และขยายผลยึดยาเสพติดได้กว่า 4.5 ล้านเม็ด ซึ่ง นายจูน บ่อดิน รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ก็อ้างว่าคดีเมื่อปี 2560 ได้จ่ายเงิน 3-4 ล้านบาท ให้กับชุดปราบปรามยาเสพติด 4 นครปฐม ซึ่งมีรองผู้กำกับโจ้ เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีแล้ว แต่ทำไมยังโดน
เมื่อตรวจสอบย้อนหลังพบว่า เมื่อปี 2560 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้จับภรรยาของนายจูนและเพื่อน พร้อมยาเสพติดจำนวนมาก ซึ่งซัดทอดว่าเป็นของ นายจูน บ่อดิน ศาลจึงออกหมายจับตั้งแต่ปี 2560 แต่ว่ามีการเจรจาเรียกเงินจากนายจูน 3-4ล้านบาท และหลอกนายจูนว่า ไม่มีการออกหมายจับ ทำให้ชะล่าใจว่าไม่เคยทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จนกระทั่งถูกจับกุมตามหมายจับดังกล่าว
โหดร้ายไร้มนุษยธรรม! กสม.ประณามคดีตร.ถุงดำรีด 2 ล้าน ทรมานจนตาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6584005
กสม. ออกแถลงการณ์ ประณามคดีสะเทือนขวัญ ตำรวจทรมานผู้ต้องหารีดเงิน 2 ล้าน ใช้ถุงคลุมหัวสิ้นใจตายคาโรงพัก ชี้โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ยื่น 3 ข้อเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วันที่ 25 ส.ค.2564 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ ชี้เหตุตำรวจซ้อมทรมานผู้ต้องขังถึงแก่ความตายละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดแจ้ง แนะรัฐบาลเร่งผลักดันร่างกฎหมายซ้อมทรมานฯ-ปฏิรูปองค์กรตำรวจตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวและคลิปของเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่งในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะและซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกรับผลประโยชน์กระทั่งผู้ต้องหารายดังกล่าวได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต นั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำที่ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้ต้องหาในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอาจได้รับอันตรายจนถึงแก่ชีวิต จึงถือว่าขัดต่อกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ตลอดจนไม่สอดคล้องตามหลักอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่น ๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment – CAT) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม
กสม.มีความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเชื่อมโยงให้เห็นถึงปัญหาการซ้อมทรมานโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งยังคงปรากฏเป็นเรื่องร้องเรียนมายัง กสม.เป็นระยะ ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์แจ้งในการกระทำความผิด จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการดังนี้
1. เร่งสอบสวนและดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าวด้วยกระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ ตลอดจนจัดให้มีการคุ้มครองพยานที่รัดกุม โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรพิจารณาสั่งการให้มีการติดกล้องวงจรปิดในกระบวนการและสถานที่สอบสวนทุกแห่งด้วย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน
2. เร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. ตามที่ กสม.เคยมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล และล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือที่ นร 0503/ว(ล)26227 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้บรรจุเรื่องการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องด่วนในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ เพื่อให้มีการอนุวัติการกฎหมายภายในประเทศให้สอดคล้องตามอนุสัญญา CAT ที่ประเทศไทยเป็นภาคีโดยเร็ว ซึ่งจะนำไปสู่การคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาและบุคคลที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ อันเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการซ้อมทรมานและการทำให้บุคคลสูญหายได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. ผลักดันให้มีการปฏิรูปองค์กรตำรวจ ทั้งในเชิงโครงสร้าง กระบวนการ และกฎระเบียบ โดยเฉพาะกระบวนการสืบสวนสอบสวนที่จะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้อัยการเข้ามากำกับการสอบสวนตั้งแต่ชั้นตำรวจ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน อันจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
กสม.หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะเป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมโดยเฉพาะองค์กรตำรวจได้ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่ประชาชนทุกคนโดยไม่เลือกปฏิบัติว่าบุคคลนั้นจะเป็นผู้ต้องขังหรือผู้ต้องสงสัยว่ามีความผิดหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง