== The Ramen Girl (2008) ราเม็ง.. คือของขวัญจากหัวใจ.. ==



แอ็บบี้ สาวสวยชาวอเมริกันที่บินลัดฟ้ามาหาแฟนหนุ่มที่ทำงานอยู่ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น 
ด้วยความหวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แต่กลับกลายเป็นว่าแฟนหนุ่มกลับทิ้งเธอให้อยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่เช่นนี้ 



แอ็บบี้ เคว้งในทันที ชีวิตไม่รู้จะไปทางไหนต่อดี และในทันใดนั้นเอง สายลมแห่งโชคชะตา
ก็พาให้เธอพบกับร้านราเม็งเล็กๆริมถนนที่อยู่ใกล้กับที่พัก.. เธอตัดสินใจเดินเข้าร้านในทันที



หลังจากได้ชิมราเม็งชามแรกในชีวิต แอ็บบี้รู้สึกว่าเธอผูกพันกับอาหารชนิดนี้ 
และด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เธอตัดสินใจว่า เธออยากทำราเม็ง... 
แอ็บบี้ ขอฝากตัวเป็นศิษย์กับเจ้าของร้านทันที แม้ว่างานจะหนักสาหัสขนาดไหน เธอก็พร้อมสู้ 
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับเรื่องของการสื่อสาร เพราะว่าเธอพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว 
และแน่นอนว่าเจ้าของร้านก็พูดและฟังภาษาอังกฤษไม่ได้เลยเช่นกัน
แล้วจะเข้าใจกันไหมเนี่ยยยย....



เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วผมนำเสนอเรื่องของหนังที่เกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นอย่างอุด้งมาแล้วมาครั้งนี้กับราเม็งกันบ้างครับ
The Ramen Girl ภาพยนตร์ Feel Good เรื่องราวของสาวน้อยที่มาเผชิญชีวิตในเมืองใหญ่อย่างกรุงโตเกียว 
โดนทิ้งจากแฟนหนุ่มให้อยู่ตัวคนเดียวในเมืองที่เธอไม่รู้จัก จนมาพบกับราเม็ง อาหารชามพิเศษที่เปลี่ยนชีวิตของเธอ 
จากคนชิมให้กลายเป็นคนทำในที่สุด



พล็อตแบบนี้มันการ์ตูนชัดๆ ฝากตัวเป็นศิษย์เจอบททดสอบหนักหนา 
แถมเจ้าของร้านที่ดุได้ใจก็ยังมีปมแบบเดียวกับการ์ตูนหลายๆเรื่องอีก 
แต่มันแหวกแนวตรงที่ตัวเอกเป็นสาวชาวตะวันตกที่ไม่เคยรู้จักอะไรกับสิ่งที่เรียกว่าราเม็ง
ซึ่งแวบแรกผมหวนนึกถึงเซียนบะหมี่สีรุ้งเช่นกัน ไทโยหนุ่มน้อยม.ปลาย อัจฉริยะด้านการทำอาหาร
แต่แปลกเหลือเกินที่โตซะขนาดนี้กลับไม่รู้จักอาหารประจำชาติตัวเองอย่างราเม็ง
และพอทานชามแรกก็เห็นสายรุ้งลอยอยู่ตรงหน้า.. แอ็บบี้ก็เช่นกัน เธอไม่ได้เห็นสายรุ้งแต่เธอเห็นความหวังและกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่...



บริททานี่ย์ เมอร์ฟี่ย์ นักแสดงชาวชื่อดังชาวอเมริกันรับบทแอ็บบี้ได้น่ารักมากครับ 
หญิงสาวที่มีสภาพเหมือนคนหลงทางในเมืองใหญ่ในประเทศที่เธอแทบไม่รู้จัก (อารมณ์เดียวกับ Lost in Translation) 
แต่เธอก็ฮึดสู้ โดยมีราเม็งเป็นเป้าหมายที่ทำให้เธอไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา เป็นหนังอบอุ่นดูง่ายที่ทำให้เรามีกำลังใจในการสู้ชีวิต 



หากแต่ความหวังในชีวิตที่แอ็บบี้นั้นได้พบ ไม่อาจเป็นไปได้เลยกับบริททานีย์ เมอร์ฟี่ ที่รับบทนี้.. 
The Ramen Girl เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกและเรื่องเดียวที่นักแสดงสาวมีส่วนร่วมในการเป็นโปรดิวเซอร์ 
หลังจากที่เธอมีผลงานในวงการฮอลลีวู้ดมาแล้วมากมายหลายเรื่อง เริ่มแจ้งเกิดจากหนังวัยรุ่นอย่าง Clueless 
ก่อนจะดังขึ้นมากับ Girl, Interrupted .. Don't Say a Word.. Riding in Cars with Boys 
และเปรี้ยงสุดๆ กับ 8 Mile คู่กับ Eminem.. อนาคตของเธอกำลังไปได้ไกล หากแต่ชีวิตส่วนตัวนั้นกลับมีปัญหา...



ทั้งเรื่องปัญหาสุขภาพกาย ที่ต่อเนื่องไปเป็นสุขภาพจิต.. ความไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง (ซึ่งจริงๆเธอสวยมากอยู่แล้ว) 
จนนำไปสู่การทำศัลยกรรมบ่อยครั้งและต้องใช้ยาบรรเทาอาการเจ็บปวดต่างๆที่มากขึ้นเรื่อยๆ 
รวมถึงยาเพื่อบรรเทาอาการซึมเศร้า ทั้งหมดนั้นนำไปสู่ภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน 
และทำให้เธอจากโลกนี้ไปในที่สุดในวัยเพียงแค่ 32 ปี หลังจากที่หนังเรื่องนี้ออกฉายได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น...



แรกๆจะเขียนถึงแค่รีวิว The Ramen Girl แต่ยิ่งดูไปเรื่อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบริททานี่ย์.. 
เสียดายเหลือเกิน หากเธอยังอยู่ ฮอลลีวู้ดคงจะมีสีสันและเธอก็คงจะมีผลงานฝากแฟนๆอีกมากมายนัก.. 
20 ธันวาคม 2009 คือวันที่เธอจากไป นี่ก็ผ่านไปแล้ว 14 ปีกับอีกเกือบ 1 เดือนที่เธอจากไป 
กระทู้นี้ขอรำลึกถึงการจากไปของดวงดาวดวงนี้...



ขอปิดท้ายด้วยคำพูดในหนังที่ประทับใจผมมากครับ...
“ราเม็งแต่ละชาม ส่งให้กับลูกค้าแต่ละคน เราต้องทำมันด้วยความรัก
และนั่นก็เท่ากับว่า เราส่งต่อความรักของเรานั้นให้กับลูกค้าทุกคน
เปรียบเสมือน ของขวัญจากใจ...”
และก็เป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ บริททานีย์ เมอร์ฟี่ มอบไว้ให้กับคนดูอย่างพวกเราทุกคนเช่นกัน...

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร 
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่