สวัสดีครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาผมก็รู้สึกว่าชีวิตของตัวเอง(ปกติ)มาตลอด ตั้งแต่สมัยเด็กที่เรียนหมดแล้วก็กลับมา อ่านมังงะ ดูหนัง อนิเมะซีรี่ย์
เล่นเกมไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะในตอนเด็กคิดว่าไร้สาระ ดูและทำสิ่งที่ชอบดีกว่า โตขึ้นมาสมัยเรียนมหาลัยก็เรียนรามไปเรียนแค่วิชาจำเป็นแล้วก็สอบแต่ตอนเรียนมีวิชาจิตวิทยาอยู่1ตัวตอนนั้นชอบมากเพราะไม่ค่อยเข้าใจ วิชาอื่นเลขหลักการสำหรับจะได้A Bมาได้ไม่ยากมากแค่ฝึกทำโจทย์และอ่านทำความเข้าใจเยอะๆ แต่กับจิตวิทยาผมกับเข้าใจแค่หลักการแต่ไม่เข้าใจวิธีการเลย มันทำให้ผมรู้ว่าความสามารถด้านปฎิสัมพันธ์ของผมมันด้อยมากจนไม่เข้าใจผู้คนจนได้รู้จักศัพท์จำแยกประเภทลักษณะของผู้คนเยอะขึ้นจนรู้ว่าตัวเองเป็น introvert เลยไม่แปลกใจเลยทำไมผมยังโสด55555
มาเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ผมมาเริ่มทำงานตอนเรียนจบพอดีช่วงปี65เป็นช่วงที่โควิดพึ่งดีขึ้น ตอนที่เลือกงานก็เอางานห้างใกล้บ้านในเขตปริมณฑลที่ดูแล้วเราสามารถเติบโตได้และมีผลประกอบการทางบริษัทที่ดี จนกระทั้งเข้าปี67 บริษัทก็ได้เริ่มมีงานเลี้ยงต้นปีเกิดขึ้น ในตอนที่รู้ใจผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจเลยมั้ง55555เพราะร้านที่บริษัทจะพาไปคือร้านเหล้า ต้องบอกก่อนผมเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อนกับบรรยากาศและเพลงได้ง่าย อย่างไปร้านบุฟเฟต์ถ้าเจอเปิดเพลงเศร้า สู้ชีวิต ตี้ดๆรถเห่ก็จะกินไม่ลงเลยมันจะอินนึกภาพตามเหตุการ์ณในเพลงจนรำคาญบ้าง เศร้าบ้าง สัมผัสถึงรสชาติของอาหารได้ลำบาก เลยจะเลือกกินแต่ร้านที่ไม่ค่อยเปิดเพลงหรือไม่ก็เปิดBMGแทน และจะไปกินส่วนใหญ่ก็ไปคนเดียว พ่อแม่ ไม่ก็เพื่อนไม่กี่คน รู้สึกการที่ต้องไปกินข้าวกับคนอื่นเยอะมันเหนื่อยต้องระวังมารยาทบนโต้ะ กลัวเกิดdeadairบ้าง และอีกหลายๆสาเหตุ
แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะในวันแรกที่ล่ารายชื่อใครจะไปไม่ไป ได้รายชื่อคนไปไม่ครบ มีผมด้วย1แหละที่ไม่ไป จนผู้บริหารส่งอีเมล์มาดุผู้จัดการ กลายเป็นว่าพนง.ใครไม่ไปมีผลต่อการประเมิณ ถ้าขนาดนี้ก็ต้องไปอะเนอะ และที่หนักกว่านั้นคือมีธีมการแต่งตัวด้วย(ตอนแรกไม่รู้จักธีมคืออะไร555555) ยิ่งรู้สึกหมดแรงมากยิ่งใกล้วันต้องไปงานก็ยิ่งเหนื่อยใจ เครียดกลับกันเพื่อนร่วมงานกลับตื่นเต้นที่หลายปีละไม่มีงานเลี้ยง จะพยายามให้เราทำนั้นนู้นแต่งนี่ ตั้งแต่เกิดมาจนถึง25ไม่เคยป่วยเพราะเครียดก็ตอนนี่แหละครับ
ในที่สุดก็ถึงวันไปงาน ที่ทำงานผมมี2กะ เช้าบ่าย ผมเข้าเช้าก็เลยไปที่ร้านก่อน แค่จอดรถลงมาก็ได้ยินเสียงเบสตึบๆจนใจสั่นแล้ว เดินไปเข้าร้านโต๊ะของบริษัทเราก็แยกๆไว้ตามแผนก แต่ที่สังเกตคือมีห้องแอร์จัดเลี้ยงแต่มีบริษัทอื่นด้วย และโต้ะย่อยๆก็มีลูกค้าทั่วไป ผมรู้สึกไม่สบายใจสุดมันจะไม่มั่วกันจนมีเรื่องเหรอ ผมก็เข้าไปนั่งโต้ะแผนกเรารอคนมา แต่โต้จะเจ้ากรรมดันอยู่หน้าเวทีณวินาทีสติผมยิ่งมากยิ่งกว่าคนตายเพราะใจมันตายไปแล้ว รอบเช้ายังไม่มีใครมาเพราะแน่ละพวกเขาก็แต่งตัวเต็มที่เลย ผมไม่สนอะธีมอะไรไม่ใส่ที่บ้านมีแต่เสื้อขาวเทาดำ ใส่แค่สุภาพมาพอ และก็ไม่ลืมพก Nintendo switch หูฟัง แท็บเล็ตมาด้วย ก็เล่นรอจนคนที่ทำงานเริ่มมากันครบอาหารเริ่มมา นักดนตรีเริ่มเล่นเพลงที่ดังขึ้น เหล้าเริ่มเข้าปากคนในงานก็เริ่มมีโต้ะนั้นเต้นบ้างเดินไปหาเพื่อนตัวเองต่างแผนกบ้าง ผมก็นั่งเล่นเกมดูอะไรๆในแท็บเล็ตแทน หลายคนก็มาคุยกับผมบ้างจะชวนไปเต้นอะไรบ้างด้วยความที่ตอนอยู่ที่ทำงานใครขอให้ช่วยอะไรทำอะไรก็ทำหมดแต่รอบนี้ผมปฏิเสธ100%เพราะแค่ทำงาน hpผมก็จะหมดแล้ว นี่ยังจะมางานอะไรอีก ที่ชาร์จพลังผมได้ตอนนี้คงมีแค่หูฟังที่เปิดสุดปิดเสียงรอบข้างพร้อมกับผจญภัยไปกับpokemon scarletจนไม่ได้สนใจใครแล้วรองานจบ แต่งานมันจัดกันตั้งแต่18.00-2.00 ก็ต้องมีเข้าห้องน้ำบ้าง ผมก็ต้องปวดฉี่บ้างกินน้ำโค๊กไปเป็นลิตรแล้ว พอถอดหูฟังออกหันหน้าขึ้นมาจากจอก็ได้เจอกันสิ่งที่ไม่เคยคิดเคยฝัน ทุกคนในงานดูบ้าคลั่งกันมากเต้นกันสุด ชายหญิงที่ต่างคนก็มีคนรักแล้ว หลายคนก็ไปกอดหอมจูบกับใครมั่วไปหมด บ้างคนถอดเสื้อนอกออกจนเกือบโป๊ ผมอึ้งไปเลยเหมือนผมใช้ชีวิตมาคนละมิติเวลากันต่างโลกอิเซไคกัน แต่ก็ต้องเข้าใจและยอมรับกับสิ่งตรงหน้าไม่เอาความรู้สึกตัวเองไปตัดสินดีไม่ดีเพราะปวดฉี่สำคัญกว่า จนทำธุระเสร็จก็พึ่งสังเกตว่าในงานไม่ได้มีแต่เราคนเดียวที่ทำหน้าเหมือนโลกนี้สูญสิ้นไปแล้วยังมีเพื่อนร่วมโลกอีก2-3คนที่พวกเขาอยู่แผนกITก็นั่งซดน้ำโค้กสายตาของพวกเขาเปรียบเสมือนปลาตายนั่งมองแต่วิวนอกร้าน พอผมกับพวกเขาสบตากันมันสัมผัสได้ถึงเพื่อนแท้กลางสนามรบที่ทุกอย่างวุ่นวายยุ่งไปหมด ณ.วินาทีนั้นผมนึกถึงคำพูดของหลายๆคนที่ผมรู้จักทั้งสมัยเรียนจนวัยทำงานถ้าจะหาแฟนต้องลองเปิดใจสิ ไปผับบ้างร้านเหล้าบ้างเดียวก็เจอสาวๆ คำพูดนี้วนอยู่ในหัวผมอยู่หลายชม. ทั้งคิดว่าทนอยู่ได้ไงไม่ทรมานเหรอไม่เหนื่อยเหรอ เสียงดังแบบนี้เขาคุยทำความรู้จักกันได้ยังไง จนคิดไปถึงขั้นทำไมต้องมีงานเลี้ยงที่จัดในร้านเหล้าด้วย มันทำให้เราสนุกร่วมกันจนสามัคคีกันได้จริงเหรอ ผู้บริหารที่ดุผู้จัดการอะไรนั้นก็ไม่เห็นมาและก็ได้แต่ทำใจรอคอยให้เวลาหมดไป ก่อนที่จิตวิญญาณเราจะมอดไปก่อนสิ้น จนถึงเวลาตี1แผนกitเริ่มตีเนียนกลับแล้ว ผมก็แอบกลับบ้างแต่ก็ต้องผ่านข้าศึกฝูงซอบบี้ จนโดนเพื่อนร่วมงานสาวสวยที่ตอนทำงานเธอจะเป็นคนเงียบๆดูจริงจังกอดใส่เธอดูเมาจนไม่น่าจะพูดอะไรรู้เรื่องได้ณ.ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยก็ได้หลับตาภาพในหัวเริ่มนึกถึงความวุ่นวาย100%ในอนาคตอันใกล้กลัวจะโดนเรื่องคุกคามทางเพศในที่ทำงานผมก็ได้สลัดเธอออกไปมุ่งตรงสู่รถเราจนออกมาหน้างานได้ เดินไปจะขึ้นก็ได้เห็นควันและกลิ้นหอมๆจากหลังรถจำทำใจกล้าสู้บลูด็อกเดินไปดูก็เจอกับ หัวหน้าแผนกอื่นที่สวยเป็นอันดับต้นๆในที่ทำงานสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่และดูท่าจะเมามากเธอได้ขอให้ผมพากลับหน่อยโชคดีที่ห้องเธออยู่ใกล้เลยรีบพาไปส่งจะได้รีบกลับๆวันรุ่งขึ้นต้องเข้างานเช้าด้วย ผมกลับมาถึงบ้าน รีบตรงไปอาบน้ำเดินตรงเข้าห้องนอนเปิดแอร์เบา เปิดทีวีดูpodcastที่ค้างอยู่แล้วหลับไป พอมาทำงานตอนเช้าทุกคนในที่ทำงานดูนึกถึงเหตุการณ์ที่สนุกของพวกเขาเมื่อวานกันมาก ไม่มีใครพูดถึงผมเลยที่เอาแต่เล่นเกมก็ดีแล้วแต่ผมกลับเจอเหตุการณ์ที่ก็คาดเดาได้ก็คือเพื่อนร่วมงานสาวสวยที่กอดผม เธอไม่กล้ามองหน้าผมเลย ไม่กล้าคุยไม่กล้าเล่นหยิกจับแขนจับพุงผมเหมือนแต่ก่อนต่อหน้าคนอื่นเลยจะทำแค่ตอนไม่มีคนอื่นอยู่ และเวลาประสานงานข้ามแผนกกับหัวหน้าที่ไปส่งเธอก็ไม่มองหน้าผมตรงๆ คุยคำตอบคำไม่คุยเล่นๆแบบแต่ก่อนต่อหน้าคนอื่นและรู้สึกจะโทรมาคุยมากเรื่องงานมากขึ้นและคุยแบบเมื่อก่อนยิ่งมุกมารัวๆ ทั้งๆที่เมื่อก่อนจะส่งเมล์หรือข้อความมาแทน พวกเธอคงไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าต้องติดต่อกับคนแปลกๆแบบผมละมั้ง ผมรู้สึกเหมือนศูนย์เสียเพื่อนร่วมงานดีๆไปเลย
แด่ introvert ที่จะต้องไปงานเลี้ยง ท่านอาจจะได้พบเรื่องไม่คาดคิด โปรดคาดเข็มขัดให้แน่นก่อนไป
Introvert ไปงานเลี้ยงจะเป็นยังไง
เล่นเกมไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะในตอนเด็กคิดว่าไร้สาระ ดูและทำสิ่งที่ชอบดีกว่า โตขึ้นมาสมัยเรียนมหาลัยก็เรียนรามไปเรียนแค่วิชาจำเป็นแล้วก็สอบแต่ตอนเรียนมีวิชาจิตวิทยาอยู่1ตัวตอนนั้นชอบมากเพราะไม่ค่อยเข้าใจ วิชาอื่นเลขหลักการสำหรับจะได้A Bมาได้ไม่ยากมากแค่ฝึกทำโจทย์และอ่านทำความเข้าใจเยอะๆ แต่กับจิตวิทยาผมกับเข้าใจแค่หลักการแต่ไม่เข้าใจวิธีการเลย มันทำให้ผมรู้ว่าความสามารถด้านปฎิสัมพันธ์ของผมมันด้อยมากจนไม่เข้าใจผู้คนจนได้รู้จักศัพท์จำแยกประเภทลักษณะของผู้คนเยอะขึ้นจนรู้ว่าตัวเองเป็น introvert เลยไม่แปลกใจเลยทำไมผมยังโสด55555
มาเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ ผมมาเริ่มทำงานตอนเรียนจบพอดีช่วงปี65เป็นช่วงที่โควิดพึ่งดีขึ้น ตอนที่เลือกงานก็เอางานห้างใกล้บ้านในเขตปริมณฑลที่ดูแล้วเราสามารถเติบโตได้และมีผลประกอบการทางบริษัทที่ดี จนกระทั้งเข้าปี67 บริษัทก็ได้เริ่มมีงานเลี้ยงต้นปีเกิดขึ้น ในตอนที่รู้ใจผมรู้สึกเหมือนจะขาดใจเลยมั้ง55555เพราะร้านที่บริษัทจะพาไปคือร้านเหล้า ต้องบอกก่อนผมเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อนกับบรรยากาศและเพลงได้ง่าย อย่างไปร้านบุฟเฟต์ถ้าเจอเปิดเพลงเศร้า สู้ชีวิต ตี้ดๆรถเห่ก็จะกินไม่ลงเลยมันจะอินนึกภาพตามเหตุการ์ณในเพลงจนรำคาญบ้าง เศร้าบ้าง สัมผัสถึงรสชาติของอาหารได้ลำบาก เลยจะเลือกกินแต่ร้านที่ไม่ค่อยเปิดเพลงหรือไม่ก็เปิดBMGแทน และจะไปกินส่วนใหญ่ก็ไปคนเดียว พ่อแม่ ไม่ก็เพื่อนไม่กี่คน รู้สึกการที่ต้องไปกินข้าวกับคนอื่นเยอะมันเหนื่อยต้องระวังมารยาทบนโต้ะ กลัวเกิดdeadairบ้าง และอีกหลายๆสาเหตุ
แต่จะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะในวันแรกที่ล่ารายชื่อใครจะไปไม่ไป ได้รายชื่อคนไปไม่ครบ มีผมด้วย1แหละที่ไม่ไป จนผู้บริหารส่งอีเมล์มาดุผู้จัดการ กลายเป็นว่าพนง.ใครไม่ไปมีผลต่อการประเมิณ ถ้าขนาดนี้ก็ต้องไปอะเนอะ และที่หนักกว่านั้นคือมีธีมการแต่งตัวด้วย(ตอนแรกไม่รู้จักธีมคืออะไร555555) ยิ่งรู้สึกหมดแรงมากยิ่งใกล้วันต้องไปงานก็ยิ่งเหนื่อยใจ เครียดกลับกันเพื่อนร่วมงานกลับตื่นเต้นที่หลายปีละไม่มีงานเลี้ยง จะพยายามให้เราทำนั้นนู้นแต่งนี่ ตั้งแต่เกิดมาจนถึง25ไม่เคยป่วยเพราะเครียดก็ตอนนี่แหละครับ
ในที่สุดก็ถึงวันไปงาน ที่ทำงานผมมี2กะ เช้าบ่าย ผมเข้าเช้าก็เลยไปที่ร้านก่อน แค่จอดรถลงมาก็ได้ยินเสียงเบสตึบๆจนใจสั่นแล้ว เดินไปเข้าร้านโต๊ะของบริษัทเราก็แยกๆไว้ตามแผนก แต่ที่สังเกตคือมีห้องแอร์จัดเลี้ยงแต่มีบริษัทอื่นด้วย และโต้ะย่อยๆก็มีลูกค้าทั่วไป ผมรู้สึกไม่สบายใจสุดมันจะไม่มั่วกันจนมีเรื่องเหรอ ผมก็เข้าไปนั่งโต้ะแผนกเรารอคนมา แต่โต้จะเจ้ากรรมดันอยู่หน้าเวทีณวินาทีสติผมยิ่งมากยิ่งกว่าคนตายเพราะใจมันตายไปแล้ว รอบเช้ายังไม่มีใครมาเพราะแน่ละพวกเขาก็แต่งตัวเต็มที่เลย ผมไม่สนอะธีมอะไรไม่ใส่ที่บ้านมีแต่เสื้อขาวเทาดำ ใส่แค่สุภาพมาพอ และก็ไม่ลืมพก Nintendo switch หูฟัง แท็บเล็ตมาด้วย ก็เล่นรอจนคนที่ทำงานเริ่มมากันครบอาหารเริ่มมา นักดนตรีเริ่มเล่นเพลงที่ดังขึ้น เหล้าเริ่มเข้าปากคนในงานก็เริ่มมีโต้ะนั้นเต้นบ้างเดินไปหาเพื่อนตัวเองต่างแผนกบ้าง ผมก็นั่งเล่นเกมดูอะไรๆในแท็บเล็ตแทน หลายคนก็มาคุยกับผมบ้างจะชวนไปเต้นอะไรบ้างด้วยความที่ตอนอยู่ที่ทำงานใครขอให้ช่วยอะไรทำอะไรก็ทำหมดแต่รอบนี้ผมปฏิเสธ100%เพราะแค่ทำงาน hpผมก็จะหมดแล้ว นี่ยังจะมางานอะไรอีก ที่ชาร์จพลังผมได้ตอนนี้คงมีแค่หูฟังที่เปิดสุดปิดเสียงรอบข้างพร้อมกับผจญภัยไปกับpokemon scarletจนไม่ได้สนใจใครแล้วรองานจบ แต่งานมันจัดกันตั้งแต่18.00-2.00 ก็ต้องมีเข้าห้องน้ำบ้าง ผมก็ต้องปวดฉี่บ้างกินน้ำโค๊กไปเป็นลิตรแล้ว พอถอดหูฟังออกหันหน้าขึ้นมาจากจอก็ได้เจอกันสิ่งที่ไม่เคยคิดเคยฝัน ทุกคนในงานดูบ้าคลั่งกันมากเต้นกันสุด ชายหญิงที่ต่างคนก็มีคนรักแล้ว หลายคนก็ไปกอดหอมจูบกับใครมั่วไปหมด บ้างคนถอดเสื้อนอกออกจนเกือบโป๊ ผมอึ้งไปเลยเหมือนผมใช้ชีวิตมาคนละมิติเวลากันต่างโลกอิเซไคกัน แต่ก็ต้องเข้าใจและยอมรับกับสิ่งตรงหน้าไม่เอาความรู้สึกตัวเองไปตัดสินดีไม่ดีเพราะปวดฉี่สำคัญกว่า จนทำธุระเสร็จก็พึ่งสังเกตว่าในงานไม่ได้มีแต่เราคนเดียวที่ทำหน้าเหมือนโลกนี้สูญสิ้นไปแล้วยังมีเพื่อนร่วมโลกอีก2-3คนที่พวกเขาอยู่แผนกITก็นั่งซดน้ำโค้กสายตาของพวกเขาเปรียบเสมือนปลาตายนั่งมองแต่วิวนอกร้าน พอผมกับพวกเขาสบตากันมันสัมผัสได้ถึงเพื่อนแท้กลางสนามรบที่ทุกอย่างวุ่นวายยุ่งไปหมด ณ.วินาทีนั้นผมนึกถึงคำพูดของหลายๆคนที่ผมรู้จักทั้งสมัยเรียนจนวัยทำงานถ้าจะหาแฟนต้องลองเปิดใจสิ ไปผับบ้างร้านเหล้าบ้างเดียวก็เจอสาวๆ คำพูดนี้วนอยู่ในหัวผมอยู่หลายชม. ทั้งคิดว่าทนอยู่ได้ไงไม่ทรมานเหรอไม่เหนื่อยเหรอ เสียงดังแบบนี้เขาคุยทำความรู้จักกันได้ยังไง จนคิดไปถึงขั้นทำไมต้องมีงานเลี้ยงที่จัดในร้านเหล้าด้วย มันทำให้เราสนุกร่วมกันจนสามัคคีกันได้จริงเหรอ ผู้บริหารที่ดุผู้จัดการอะไรนั้นก็ไม่เห็นมาและก็ได้แต่ทำใจรอคอยให้เวลาหมดไป ก่อนที่จิตวิญญาณเราจะมอดไปก่อนสิ้น จนถึงเวลาตี1แผนกitเริ่มตีเนียนกลับแล้ว ผมก็แอบกลับบ้างแต่ก็ต้องผ่านข้าศึกฝูงซอบบี้ จนโดนเพื่อนร่วมงานสาวสวยที่ตอนทำงานเธอจะเป็นคนเงียบๆดูจริงจังกอดใส่เธอดูเมาจนไม่น่าจะพูดอะไรรู้เรื่องได้ณ.ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยก็ได้หลับตาภาพในหัวเริ่มนึกถึงความวุ่นวาย100%ในอนาคตอันใกล้กลัวจะโดนเรื่องคุกคามทางเพศในที่ทำงานผมก็ได้สลัดเธอออกไปมุ่งตรงสู่รถเราจนออกมาหน้างานได้ เดินไปจะขึ้นก็ได้เห็นควันและกลิ้นหอมๆจากหลังรถจำทำใจกล้าสู้บลูด็อกเดินไปดูก็เจอกับ หัวหน้าแผนกอื่นที่สวยเป็นอันดับต้นๆในที่ทำงานสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่และดูท่าจะเมามากเธอได้ขอให้ผมพากลับหน่อยโชคดีที่ห้องเธออยู่ใกล้เลยรีบพาไปส่งจะได้รีบกลับๆวันรุ่งขึ้นต้องเข้างานเช้าด้วย ผมกลับมาถึงบ้าน รีบตรงไปอาบน้ำเดินตรงเข้าห้องนอนเปิดแอร์เบา เปิดทีวีดูpodcastที่ค้างอยู่แล้วหลับไป พอมาทำงานตอนเช้าทุกคนในที่ทำงานดูนึกถึงเหตุการณ์ที่สนุกของพวกเขาเมื่อวานกันมาก ไม่มีใครพูดถึงผมเลยที่เอาแต่เล่นเกมก็ดีแล้วแต่ผมกลับเจอเหตุการณ์ที่ก็คาดเดาได้ก็คือเพื่อนร่วมงานสาวสวยที่กอดผม เธอไม่กล้ามองหน้าผมเลย ไม่กล้าคุยไม่กล้าเล่นหยิกจับแขนจับพุงผมเหมือนแต่ก่อนต่อหน้าคนอื่นเลยจะทำแค่ตอนไม่มีคนอื่นอยู่ และเวลาประสานงานข้ามแผนกกับหัวหน้าที่ไปส่งเธอก็ไม่มองหน้าผมตรงๆ คุยคำตอบคำไม่คุยเล่นๆแบบแต่ก่อนต่อหน้าคนอื่นและรู้สึกจะโทรมาคุยมากเรื่องงานมากขึ้นและคุยแบบเมื่อก่อนยิ่งมุกมารัวๆ ทั้งๆที่เมื่อก่อนจะส่งเมล์หรือข้อความมาแทน พวกเธอคงไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าต้องติดต่อกับคนแปลกๆแบบผมละมั้ง ผมรู้สึกเหมือนศูนย์เสียเพื่อนร่วมงานดีๆไปเลย
แด่ introvert ที่จะต้องไปงานเลี้ยง ท่านอาจจะได้พบเรื่องไม่คาดคิด โปรดคาดเข็มขัดให้แน่นก่อนไป