เป็นเหมือนกันมั้ยคับเมื่อเวลาร่างกายเราอ่อนแอเราอาจจะสัมผัสสิ่งลี้ลับได้

กระทู้สนทนา
ส่วนตัวผมนับถือศาสนาอิสลามและผมก็มีความเชื่อตามหลักศาสนาของผมว่า"ญิน"มีอยู่จริง"แน่นอน"แล้วอยู่แต่ว่าเขาอยากให้ใครเจอซึ่งผมเองก็เห็นเองกับตาหลายครั้งอยู่แต่เรื่องที่จะมาเล่าให้ฟังคือเรื่องคิดว่ามันพีคสุดสำหรับผมในตอนนี้แล้วมั้งคับ เรื่องมีอยู่ว่าย้อนไปช่วงปี56ผมมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในโรงเรียนแห่งหนึ่ง(ขอสงวนชื่อโรงเรียนและชื่อถนน)ครับย่านเขตสวนหลวงซึ่งหน้าที่ของผมคือเป็นครูฝึกสอนแล้วขับรถไปติดต่องานตามกระทรวงและโรงเรียนต่างๆด้วยและด้วยความที่โรงเรียนแห่งนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า50ปีแล้วพวกครูอาจารย์ที่นั่นก็ต้องคอยดูแลอาคารสถานที่ด้วยเพราะที่นี่บุคลากรมีน้อยมีภารโรงแต่ไม่มี รปภ กลางคืนก็เลยไม่มีคนเฝ้า แต่เรื่องมันไม่ได้เกิดกลางคืนครับมันเกิดตอนที่ยังสว่างอยู่ แต่บรรยากาศเงียบๆ เริ่มเหตุการณ์แรก โรงเรียนจะมีอาคารเรียน3อาคาร จะมีอยู่2อาคารที่เป็นตึก4ชั้นส่วนตึกที่จะพูดถึงคือตึกหลังเสาธงส่วนอีกตึกเราไม่พูดถึงซึ่งปัจจุบันตึกนี้ก็ยังใช้เป็นที่สอนหนังสืออยู่แต่ไม่ขอเล่ามากไปกว่านี้นะครับ เรื่องมีอยู่ว่าที่ตึกนี้ชั้นบนสุดเป็นห้องเก็บเครื่องดนตรีไทยมีวันนึงผมได้มีโอกาสขึ้นไปสำรวจความเรียบร้อยก็ปกติดีส่วนห้องที่เก็บเครื่องดนตรีไทยล๊อคไว้ด้วยกุญแจหนาแน่นก็ไม่ได้คิดอะไรก็ได้เวลาจะกลับบ้านผมออกจากโรงเรียนด้วยรถยนต์ส่วนตัวเหลือบไปเห็นว่าหน้าต่างห้องเก็บเครื่องดนตรีมีอยู่บานนึงเปิดทิ้งไว้ก็เออชั่งมันไว้ค่อยพรุ่งนี้ค่อยว่ากันพอเช้ามาโรงเรียนก็นึกขึ้นได้ก็เงยหน้าดูที่หน้าต่างบานนั้น(ต้องบอกก่อนว่าหน้าต่างบานนี้ต้องยืนจากนอกรั้วโรงเรียนถึงจะมองเห็น)ปรากฎว่าหน้าต่างปิดเรียบร้อยแล้วก็ไม่คิดไรจนตอนเย็นใกล้ค่ำก็กลับบ้านเหมือนเดิมแอบชำเลืองขึ้นไป"หน้าต่างเปิดทิ้งไว้อีกแล้ว!"นึกในใจใครเปิดทิ้งไว้อีกวะแล้วบานเดียวชั่งมันไม่คิดไรอาจจะลงกลอนไม่สุด ลมพัด เลยเปิด วันต่อมาเป็นวันศุกร์ซึ้งผมต้องเดินไปละหมาดวันศุกร์ที่สุเหร่าใกล้ๆก็ยังเดินผ่านข้างตึกนั้นเผลอเงยหน้าไปดูเอ้า!หน้าต่างปิด คงมีคนปิด นึกในใจ พอจบวันนี้ก็มืดน่าจะประมาณ19:30น.พอดีเคลียของปิดประตูรั้วล๊อคไม่มีใครแล้วก็กลับบ้าน ..(ผมนี้ก็แปลกครับขยันเงยหน้าไปดูไม่รู้ทำไมมันเป็นอัตโนมัติเลย)ปรากฎหน้าต่างเป็นอีกคิดในใจ..ชั่งยิ้ม55..รุ่งเช้าวันเสาร์เข้าทำงานที่โรงเรียนสายหน่อยแต่วันนี้ผมขับรถมาอีกด้านของโรงเรียนเลยไม่ผ่านข้างโรงเรียนผมก็ทำงานปกติช่วงบ่ายมีอาจารย์ที่เป็นคนดูแลวงดนตรีของโรงเรียนซึ่งดูแลทั้งวงโยธวาทิตและคนตรีไทยผมก็เลยบอก"ครูครับห้องที่เก็บเครื่องดนตรีไม่ได้ปิดหน้าต่างนะครู"พอครูที่ดูแลได้ยินก็ค้านเสียงดัง"เห้ย!เป็นไปได้เหรอผมให้เด็กปิดตั้งนานแล้วนะแล้วก็ไม่มีใครเข้าไปใช้เป็นอาทิตย์แล้ว!"ผมก็นึกในใจอ้าว"แล้วที่เราเห็นเปิดปิดๆทุกวันหล่ะอะไรวะ..แล้วครูเขาก็ชวนผมเดินขึ้นไปดูผมนึกในใจ"ยิ้มถ้าหน้าต่างมันไม่เปิดเขาต้องหาว่าผมใส่ร้ายเขาแน่เลย"แล้วก็เดินตามกันไป ด้วยที่วันนี้โรงเรียนหยุดไม่มีเด็กนักเรียนมาเรียนบรรยากาศเลยเงียบมากขนาดเป็นช่วงบ่ายคล้อยอยู่เลยพอเดินถึงชั้นบนสุดก่อนจะสุดทางเดินจะเป็นห้องเก็บเครื่องดนตรีแล้วต่อไปก็จะเป็นทางเชื่อมต่อกับอาคารเก่าแต่ผ่านไปไม่ได้แล้วเพราะเขาใช้เป็นที่วางโต๊ะเก้าอี้เก่าๆปิดทางไว้ไม่ให้ผ่านผมก็ไม่ได้ใส่ใจพอถึงหน้าห้องผมยืนด้านหลังของครูคนที่ดูแลเครื่องดนตรีก็ยังนึกในใจอีกว่า"ถ้าหน้าต่างปิดยับแน่กู"พอเขาเปิดไปปุ๊บผมนึก"เอาแล้ว"ไม่ทันไรครูเขาพูด"นี่ไงหน้าต่างก็ปิดลงกลอนแน่นผลักก็ไม่ออก"ผมนึก"เป็นไปได้ไงวะ!"เมื่อวานเปิดแล้วเราปิดรั้วโรงเรียนกับมือไม่มีใคร..ใครจะมาปิดวะ!..ยิ้ม"ผมก็บอก"คับครู"แล้วก็ยิ้มหน้าเจื่อนๆผมมองไปเห็นระนาดเอก ฆ้องวง แล้วอีกหลายอย่าง ผมไม่รู้จักชื่อวางอยู่กับพื้นเลยผมก็เลยบอก"ครูผมว่าหาโต๊ะมาวางให้สูงๆหน่อยมั้ยคับ เขาบอกว่าเครื่องดนตรีที่ครูไม่ใช่หรือ"แกบอก"ใช่ๆๆเดี๋ยวผมกำลังหาโต๊ะมาวางให้อยู่แต่ยังหาไม่ได้"ผมนึกในใจ"แล้วกัน"ผมก็บอกเขาว่า"รีบหามานะครู"ได้ๆเขาบอก เสร็จเรื่องหน้าต่างกำลังออกจากห้อง..นึกภาพตามกันนะครับห้องเรียนมี2ประตูหน้าหลังเอาเป็นว่าด้านที่มีกระดานเป็นด้านหน้าห้องพัดลมเพดานในห้องมีสองตัวหน้าหลัง ครูเขาก็ปิดประตูด้านหลังก่อนแล้วล๊อคกุญแจด้านนอกเสร็จเดินมาปิดประตูด้านหน้าก็ยืนอยู่ด้วยกันเมื่อครูเขาเริ่มปิดประตูสิ้นเสียงสลักลูกบิดประตูดังแกร๊ก พัดลมหลังห้องหมุนเสียงลมดังฟู่ ผมกับครูมองหน้ากันไม่พูดไรผมนึกในใจ"ครูคงไม่คิดว่าผมพูดใส่ร้ายครูนะ"เหมือนเขาจะทำให้รู้ว่าเขามี เขาอยู่ เขาทำได้ แม้แต่เปิดพัดลม ที่ต้องใช้มือบิดให้ไปอยู่ที่เลยสามยังทำได้ ผมนี่ขนลุกทั้งตัวเดินกัดฟันไปหมุนสวิทย์พัดลมให้ปิดแล้วเดินกลับมาประตูหน้าความรู้สึก"ยิ้มโคตรไกลเลย"แทบหยุดหายใจรีบเดินออกรีบปิดรีบล๊อคเราสองคนไม่คุยไรกันเลยแล้วก็รีบเคลียทุกอย่างกลับบ้านเลยคิดในใจ"กูจะไม่มองขึ้นไปอีกเลย"จบ. ยังคับยังไม่จบห่างมาไม่กี่วันก็เป็นเดือนบวชของศาสนาอิสลาม(เดือนรอมฎอน)ผมก็ยังทำงานปกติแต่ต้องอดข้าวอดน้ำในตอนกลางวันจะทานได้ก็ช่วงดวงอาทิตย์ตกแล้วซึ้งวันนั้นก็งานเยอะเหลือเกินต้องออกไปงานข้างนอกหิวด้วย อากาศร้อน ร่างกายไม่แข็งแรงเลยแล้วผมก็ทำงานอยู่ข้างนอกถึงเย็นพอได้เวลาละศีลอดก็ดื่มน้ำอย่างเดียวไม่ได้เตรียมของกินไว้รถก็ติดอยู่บนถนนซึ่งจะต้องเอารถไปจอดที่โรงเรียนพร้อมกับครูท่านอื่นที่มาด้วยกันบ้างคนก็ลงระหว่างทางเหลือมาถึงที่โรงเรียนไม่กี่คนก็กลับบ้านกันหมดแต่ยังมีครูที่ทำงานอยู่ในแผนกธุรการทำงานอยู่ผมจอดรถเสร็จก็เอากุญแจรถไปเก็บห้องธุรการแล้วว่าจะละหมาดก่อนกลับเพราะเวลาตอนนั้นทุ่มครึ่งแล้วผมเดินไปอาบน้ำละหมาดตรงใต้ตึกที่มีเรื่องเล่าก่อนหน้าโดยไม่คิดไรซึ่งขอบอกก่อนว่าถ้าเป็นคนที่นับถือศาสนาอิสลามจะเข้าใจการอาบน้ำละหมาดคืออะไรใครสงสัยลองไปค้นดูนะคับ ผมเริ่มจากล้างมือครบสองข้างแล้วก็บ้วนปากล้างหน้าสักพักมีลมเย็นวาบอยู่ตรงท้ายทอยขนหัวตั้งเลย"เป็นไรวะ"ผมนึกแล้วก็หันพร้อมเงยขึ้นไป"พระเจ้า"ผมเดินเงียบน้ำตาไหลทิ้งรองเท้ารีบเดินจ้ำเลยเพราะภาพที่ผมเห็นคือน่าจะเป็นผู้หญิงตาแดงโน้มตัวลงมาจากชั้นสองของอาคารเรียน!คือนึกสภาพอาคารเรียนที่มีนอกชานไว้ตั้งกระถางต้นไม้"นั่นแหละคับเขาใช้ช่วงท้องเขาพาดกับตรงที่กั้นมาแล้วยื่นตัวเองเลยนอกกะชานที่วางกระถางมาอีกเพื่อให้เราเห็นเขาได้!!!ตอนนี้ผมเดินจ้ำอย่างเดียวทันใดนั้นมีลูกของคุณครูที่อยู่ในห้องธุรการน่าจะเรียนอยู่ป.3เห็นผมก็วิ่งมาหาผม..ผมบอก"กลับไป!!กลับไป!!.."แต่ไม่ได้พูดเสียงดังมากความที่กลัวคุณผู้หญิงตาแดงได้ยิน..ผมรับจับลูกคุณครูไว้ปิดตาแล้วอุ้มเดินไปเลย..แต่พอเดินไปถึงหน้าเสาธงแอบเหลือบไปเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นไปยืนอยู่ที่อาคาร1ซึ่งเป็นอาคารหลังเก่าเสียแล้ว"เชี่ย!"ผมนึก ยิ่งทำให้กลัวมากจนเด็กนักเรียนกับครูในห้ธุรการเริ่มสงสัยแต่ผมไม่ได้เล่าอะไรเลยแต่ยอมรับเลยผมไข้ขึ้นกลัว ผวา ไปนาน ตอนเช้าผมไปเก็บรองเท้ากับของที่ทิ้งไว้ แล้วก็มีผู้รับใบอนุญาตสร้างโรงเรียนซึ่งก็สนิทกันกับผมมาคุยด้วยซึ่งเขาก็นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกันเขาก็ชวนคุยเชิงหยอกล้อถามผมว่า"ได้ข่าวว่าเจอเหรอ?แล้วก็หัวเราะ"ผมก็ถามว่า"เจอไรคับ"เขาก็ตอบสั้นๆ"ญิน"ผมก็มองหน้าเขา เขาก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วก็บอกว่า"นึกว่าไม่มีมานานแล้วเมื่อก่อนเข้าค่าย ทำกิจกรรมทุกอย่างในโรงเรียนโดนกันบ่อย บางคนโดนแกล้งลากออกมานอนนอกห้องตอนเข้าค่าย"ผมนึก"ห๊ะ!"แล้วเขาก็เล่าต่อว่าตอนสร้างอาคารเคยมีเหตุการณ์ปั้นจั่นล้มทับคนงานหญิงพม่าเสียชีวิต แล้วคนนี้ตอนยังดีๆอยู่(น่าจะหมายถึงตอนมีชีวิตอยู่)ก็ชอบแกล้งเด็กๆพอตอนเขาเกิดอุบัติเหตุแล้วรถพยาบาลมารับก็ไม่ได้คิดอะไรมารู้ที่หลังว่าเสียชีวิตก็ไม่ได้มีการทำบุญอะไร(เจ้าของโรงเรียนกล่าว)จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นผมก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังอีกเลยจนมาพิมพ์ลงให้อ่านกันสนุกๆแหละครับถือเป็นประสบการณ์เล็กๆน้อยๆคับด้วยความชอบส่วนตัวด้วยแต่กลัวมากเป็นทุนเดิมจึงอาจจะเป็นจุดที่ทำให้ผมเจออะไรแปลกตอนช่วงที่ร่างกายรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง เหนื่อยง่าย มันจึงเป็นคำถามว่า "มีใครเป็นเหมือนผมมั้ยคับ" ขอบคุณที่สละเวลาอ่านคับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่