เรื่องทีจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องของความเชื่อ เรื่องลี้ลับ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ดิฉันอายุ 32 ปี ทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางยี้ห้อหนึ่ง ดิฉันมีโอกาศได้ไปทำงานต่างจังหวัดบ่อย ๆ แต่ละจังหวัดที่ไปทำงานนั้น เราจะต้องพักเป็นเวลาหลายวัน ซึ้งที่พักแต่ละที่นั้น มีทั้งดีแหละไม่ดี แต่มีสถานที่หนึ่งนั้น ทำให้ดิฉันลืมมันไม่ลง เป็นสถานที่ ที่ทำให้จำมันมาถึงทุกวันนี้
ดิฉันกับกลุ่มของเราได้รับหมอบหมายให้ไปประชาสัมพันธ์สินค้า ที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน เป็นเวลา 3 วัน ดิฉันได้ให้น้องในกลุ่มหาสถานที่พักเหมือนเคย แต่รอบนี้ หาที่พักยากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเทศกาล หาเท่าไรก็ไม่ได้สักที จนมาเจอที่หนึ่ง เป็นที่พัก ทีห่างจากตัวอำเภอเมืองพอสมควร ที่พักชั้นล่างเป็นปูน ข้างบนชั้น 2 เป็นไม้ ดูรวม ๆ แล้วโอเค เราจึงตัดสินใจพักกันที่นี้ ดิฉันไม่คิดเลยว่า การตัดสินใจครั้ง เป็นการตัดสินใจที่พลาดที่สุดในชีวิต ..
ก่อนการเดินทางทุกครั้ง เราจะรวมกลุ่มกันไปทำบุญกัน เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทาง เราเลือกไปทำบุญที่วัดหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ซึ้งเป็นวัดประจำที่เราทำบุญกันก่อนเดินทาง เราเตรียม สังขทาน ดอกไม้ สิ่งของอื่น ๆ ไปถวายพระ ก่อนจะกลับจากวัดนั้น พระท่านได้ทักว่า รอบนี้พวกเอ็งคงกลับมาไม่ครบทุกคนนะ แล้วแต่บุญวาสนา พวกเราหันหน้ามองกัน พี่คนในกลุ่มเลยถามพระว่า มีอะไรหรือป่าวหลวงพ่อ หลวงพ่อมองหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร หลวงพ่อได้หยิบขันพรมน้ํามนต์ มาพรมให้กลุ่มเรา แล้วก็พูดขึ้นว่า อาตมาเป็นพระ พูดอะไรมากไม่ได้หลอก แล้วแต่บุญ แล้วแต่กรรมของแต่ละคนในเวลานั้นพวกเราไม่ได้คิดอะไรเลย ยังแซ่วคนในกลุ่มว่า สงสัยพี่ในกลุ่มจะได้เมียเป็นคนอีสาน คงไม่กลับมาทำงานแล้วละ เราพูดคุยกันกันไปอย่างสนุกสนาน พอดิฉันกลับมาถึงบ้าน เตรียมเสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ ลงกระเป๋า เพื่อการเดินทางวันพรุ่งนี้ ในช่วงเวลาที่ดิฉันกำลังจะนอนรู้สึกกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นไม่รู้ว่าฝันหรือป่าว ดิฉันเห็นภาพของยายของดิฉัน มาบอกว่า อย่าไปเลย พร้อมกับดึงมือของดิฉันไม่ให้ขึ้นรถตู้ พอพูดจบนั้น ดิฉันก็สดุ้งตื่น รู้สึกเจ็บข้อมือ รู้สึกปวด ๆ ดิฉันงงว่ามันคือความฝันหรือคิดมากไปเอง เพราะปกติดิฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ดิฉันพยามยามไม่คิดอะไร
พอถึงตอนเช้าก่อนออกจากบ้านดิฉันเห็น รูปกลุ่มเราทีถ่ายด้วยกันหล่นพื้น กระจกแตก กระจาย แต่ด้วยรถตู้มารอรับที่หน้าบ้านแล้ว เลยตะโกนบอกแม่ เก็บให้ด้วย เพื่อนมารอรับแล้ว ดิฉันรีบเอาเครื่องใช้สัมภาระต่าง ๆ ขึ้นรถเดินทางทันที ขณะที่รถออก ดิฉันมองกลับไปที่บ้าน เห็นคุนยาย มา ยืน อยุ่หน้าบ้าน ดิฉันตกใจมาก รู้สึกหน้ามืด ตอนนั้นกังวลใจ รู้สึกไม่ค่อยดีกับการเดินทางครั้งนี้ เหมือนมีล่างบอกเหตุอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจ พยายามคิดจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้าน ..
เรื่องเล่าจากประสบการณ์กับบ้านพักสยองขวัญ
ดิฉันกับกลุ่มของเราได้รับหมอบหมายให้ไปประชาสัมพันธ์สินค้า ที่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน เป็นเวลา 3 วัน ดิฉันได้ให้น้องในกลุ่มหาสถานที่พักเหมือนเคย แต่รอบนี้ หาที่พักยากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงเทศกาล หาเท่าไรก็ไม่ได้สักที จนมาเจอที่หนึ่ง เป็นที่พัก ทีห่างจากตัวอำเภอเมืองพอสมควร ที่พักชั้นล่างเป็นปูน ข้างบนชั้น 2 เป็นไม้ ดูรวม ๆ แล้วโอเค เราจึงตัดสินใจพักกันที่นี้ ดิฉันไม่คิดเลยว่า การตัดสินใจครั้ง เป็นการตัดสินใจที่พลาดที่สุดในชีวิต ..
ก่อนการเดินทางทุกครั้ง เราจะรวมกลุ่มกันไปทำบุญกัน เพื่อเป็นสิริมงคลในการเดินทาง เราเลือกไปทำบุญที่วัดหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ซึ้งเป็นวัดประจำที่เราทำบุญกันก่อนเดินทาง เราเตรียม สังขทาน ดอกไม้ สิ่งของอื่น ๆ ไปถวายพระ ก่อนจะกลับจากวัดนั้น พระท่านได้ทักว่า รอบนี้พวกเอ็งคงกลับมาไม่ครบทุกคนนะ แล้วแต่บุญวาสนา พวกเราหันหน้ามองกัน พี่คนในกลุ่มเลยถามพระว่า มีอะไรหรือป่าวหลวงพ่อ หลวงพ่อมองหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไร หลวงพ่อได้หยิบขันพรมน้ํามนต์ มาพรมให้กลุ่มเรา แล้วก็พูดขึ้นว่า อาตมาเป็นพระ พูดอะไรมากไม่ได้หลอก แล้วแต่บุญ แล้วแต่กรรมของแต่ละคนในเวลานั้นพวกเราไม่ได้คิดอะไรเลย ยังแซ่วคนในกลุ่มว่า สงสัยพี่ในกลุ่มจะได้เมียเป็นคนอีสาน คงไม่กลับมาทำงานแล้วละ เราพูดคุยกันกันไปอย่างสนุกสนาน พอดิฉันกลับมาถึงบ้าน เตรียมเสื้อผ้า ของใช้ต่าง ๆ ลงกระเป๋า เพื่อการเดินทางวันพรุ่งนี้ ในช่วงเวลาที่ดิฉันกำลังจะนอนรู้สึกกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นไม่รู้ว่าฝันหรือป่าว ดิฉันเห็นภาพของยายของดิฉัน มาบอกว่า อย่าไปเลย พร้อมกับดึงมือของดิฉันไม่ให้ขึ้นรถตู้ พอพูดจบนั้น ดิฉันก็สดุ้งตื่น รู้สึกเจ็บข้อมือ รู้สึกปวด ๆ ดิฉันงงว่ามันคือความฝันหรือคิดมากไปเอง เพราะปกติดิฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ดิฉันพยามยามไม่คิดอะไร
พอถึงตอนเช้าก่อนออกจากบ้านดิฉันเห็น รูปกลุ่มเราทีถ่ายด้วยกันหล่นพื้น กระจกแตก กระจาย แต่ด้วยรถตู้มารอรับที่หน้าบ้านแล้ว เลยตะโกนบอกแม่ เก็บให้ด้วย เพื่อนมารอรับแล้ว ดิฉันรีบเอาเครื่องใช้สัมภาระต่าง ๆ ขึ้นรถเดินทางทันที ขณะที่รถออก ดิฉันมองกลับไปที่บ้าน เห็นคุนยาย มา ยืน อยุ่หน้าบ้าน ดิฉันตกใจมาก รู้สึกหน้ามืด ตอนนั้นกังวลใจ รู้สึกไม่ค่อยดีกับการเดินทางครั้งนี้ เหมือนมีล่างบอกเหตุอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้สนใจ พยายามคิดจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้าน ..