นิทานเรื่อง "แสงจันทร์สีแดง"
ในเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบอย่าง Ravensbrook ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในใจกลางป่าโบราณที่หนาแน่น ตำนานเล่าขานในหมู่คนท้องถิ่นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ลึกลับที่เรียกว่า "แสงจันทร์สีแดง" ทุก ๆ ทศวรรษในคืนพระจันทร์สีเลือด แสงจันทร์จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอันน่าขนลุก ฉายแสงเรืองรองจากโลกอื่นมาสู่เมือง
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อหลายศตวรรษก่อนเมื่อกลุ่มแม่มดสาปดินแดนเพื่อตอบโต้ชาวเมืองที่กล่าวหาว่าพวกเขาใช้เวทมนตร์แห่งความมืด คำสาปปรากฏอยู่ในรูปของ Crimson Moonlight ผู้นำแห่งความหายนะที่จะนำความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจบรรยายมาสู่ Ravensbrook ชาวเมืองที่ถูกผูกมัดด้วยความกลัวและความเชื่อโชคลาง ไม่กล้าพูดถึงคำสาปอย่างเปิดเผย แต่เรื่องราวที่เป็นลางร้ายนั้นได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
เมื่อพระจันทร์สีเลือดดวงถัดไปใกล้เข้ามา เสียงกระซิบของแสงจันทร์สีแดงเข้มที่กำลังจะมาถึงก็ดังขึ้น เอ็มม่า ฮอลโลเวย์ นักข่าวผู้ช่างสงสัยและชอบผจญภัย มาถึงเรเวนส์บรูคเพื่อสืบสวนเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในคืนต้องคำสาป ด้วยความทึ่งกับเรื่องราวอันน่าขนลุก เอ็มม่าจึงเจาะลึกประวัติศาสตร์ของเมืองและมุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง
การสืบสวนของเธอนำเธอไปพบกับผู้อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ซึ่งเป็นหญิงสูงอายุชื่อแอกเนส ซึ่งลือกันว่าเป็นทายาทคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ของแม่มดที่ร่ายคำสาป แอกเนสซึ่งอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเขตชานเมือง Ravensbrook ได้เปิดเผยความลับดำมืดที่ถูกฝังอยู่ในประวัติศาสตร์ของเมือง เธอเตือนเอ็มม่าเกี่ยวกับแสงจันทร์สีแดงที่กำลังจะมาถึงและวิญญาณอันชั่วร้ายที่มันจะตื่นขึ้น
ขณะที่คืนพระจันทร์สีเลือดเคลื่อนลงมายัง Ravensbrook บรรยากาศก็เข้มข้นขึ้นด้วยความตึงเครียดที่ไม่มั่นคง ชาวเมืองปิดหน้าต่างและปิดประตู กลัวสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืด อย่างไรก็ตาม เอ็มมาซึ่งมีความรู้ที่เพิ่งค้นพบได้บุกเข้าไปในใจกลางป่าซึ่งเป็นต้นกำเนิดของคำสาป
ป่าเงียบงันอย่างน่าขนลุกขณะที่เอ็มม่าเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวและต้นไม้โบราณ อากาศหนาทึบพร้อมกลิ่นเน่าเปื่อย และแสงจันทร์สีแดงก็ลอดผ่านกิ่งก้าน ทำให้เกิดแสงเรืองรองที่ไม่มั่นคงบนรากที่มีปุ่มปมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ เสียงกระซิบแปลกๆ ดังก้องไปทั่วต้นไม้ และร่างที่น่ากลัวก็ดูเหมือนเต้นระบำไปจนสุดขอบการมองเห็นของเธอ
เมื่อเอ็มม่ามาถึงใจกลางป่า การประจักษ์ที่น่าสยดสยองก็โผล่ออกมาจากเงามืด ร่างเงาที่ปกคลุมไปด้วยสีแดงเข้ม ดวงตาของมันลุกโชนไปด้วยไฟจากอีกโลกหนึ่ง มันพูดด้วยน้ำเสียงที่หลอนประสาทและไร้ตัวตน เล่าถึงบาปของ Ravensbrook และทำนายถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นซึ่งรอคอยเมืองนี้อยู่
เอ็มมาซึ่งเป็นอัมพาตด้วยความกลัว มองดูการประจักษ์นั้นปลดปล่อยฝูงวิญญาณอันชั่วร้ายออกมา วิญญาณ วิญญาณที่ถูกทรมานที่ต้องการแก้แค้นบาปในอดีต เริ่มปกคลุมเมือง Ravensbrook เข้าสู่ความสับสนวุ่นวายในขณะที่ Crimson Moonlight ปลดปล่อยความโกรธแค้นต่อผู้อยู่อาศัยที่ไม่สงสัย
ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำลายคำสาป เอ็มมาจึงเร่งแข่งกับเวลาเพื่อค้นพบพิธีกรรมที่สาบสูญไปนานซึ่งฝังอยู่ในหอจดหมายเหตุของเมือง ขณะที่วิญญาณชั่วร้ายเข้ามาใกล้ เธอได้ทำพิธีกรรมโบราณ โดยร่ายคาถาที่สะท้อนผ่านค่ำคืนสีแดงเลือด
ป่าสั่นสะเทือน และการประจักษ์ในสีแดงเข้มก็ส่งเสียงกรีดร้องจากอีกโลกหนึ่ง วิญญาณที่ติดอยู่ในระนาบไม่มีตัวตนสลายหายไปในตอนกลางคืน ทิ้งความเงียบอันน่าขนลุกไว้เบื้องหลัง แสงจันทร์กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ และแม้ว่า Ravensbrook จะมีแผลเป็นจากความน่าสะพรึงกลัวในยามค่ำคืน แต่ก็หลุดพ้นจากเงื้อมมือของแสงจันทร์สีแดง
เอ็มมาทั้งเหนื่อยล้าและตัวสั่น โผล่ออกมาจากป่าเมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่อง เมืองซึ่งถนนหนทางเต็มไปด้วยซากการต่อสู้เหนือธรรมชาติเริ่มตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ตำนานของแสงจันทร์สีแดงถูกระงับ แต่รอยแผลเป็นในคืนนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำโดยรวมของ Ravensbrook ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจอยู่เสมอถึงความมืดมิดที่อาจปลดปล่อยออกมาเมื่อคำสาปจากอดีตฟื้นคืนชีพ
นิทานเรื่อง "แสงจันทร์สีแดง"
ในเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบอย่าง Ravensbrook ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในใจกลางป่าโบราณที่หนาแน่น ตำนานเล่าขานในหมู่คนท้องถิ่นเกี่ยวกับปรากฏการณ์ลึกลับที่เรียกว่า "แสงจันทร์สีแดง" ทุก ๆ ทศวรรษในคืนพระจันทร์สีเลือด แสงจันทร์จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอันน่าขนลุก ฉายแสงเรืองรองจากโลกอื่นมาสู่เมือง
ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อหลายศตวรรษก่อนเมื่อกลุ่มแม่มดสาปดินแดนเพื่อตอบโต้ชาวเมืองที่กล่าวหาว่าพวกเขาใช้เวทมนตร์แห่งความมืด คำสาปปรากฏอยู่ในรูปของ Crimson Moonlight ผู้นำแห่งความหายนะที่จะนำความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่อาจบรรยายมาสู่ Ravensbrook ชาวเมืองที่ถูกผูกมัดด้วยความกลัวและความเชื่อโชคลาง ไม่กล้าพูดถึงคำสาปอย่างเปิดเผย แต่เรื่องราวที่เป็นลางร้ายนั้นได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
เมื่อพระจันทร์สีเลือดดวงถัดไปใกล้เข้ามา เสียงกระซิบของแสงจันทร์สีแดงเข้มที่กำลังจะมาถึงก็ดังขึ้น เอ็มม่า ฮอลโลเวย์ นักข่าวผู้ช่างสงสัยและชอบผจญภัย มาถึงเรเวนส์บรูคเพื่อสืบสวนเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในคืนต้องคำสาป ด้วยความทึ่งกับเรื่องราวอันน่าขนลุก เอ็มม่าจึงเจาะลึกประวัติศาสตร์ของเมืองและมุ่งมั่นที่จะเปิดเผยความจริง
การสืบสวนของเธอนำเธอไปพบกับผู้อยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง ซึ่งเป็นหญิงสูงอายุชื่อแอกเนส ซึ่งลือกันว่าเป็นทายาทคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ของแม่มดที่ร่ายคำสาป แอกเนสซึ่งอาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเขตชานเมือง Ravensbrook ได้เปิดเผยความลับดำมืดที่ถูกฝังอยู่ในประวัติศาสตร์ของเมือง เธอเตือนเอ็มม่าเกี่ยวกับแสงจันทร์สีแดงที่กำลังจะมาถึงและวิญญาณอันชั่วร้ายที่มันจะตื่นขึ้น
ขณะที่คืนพระจันทร์สีเลือดเคลื่อนลงมายัง Ravensbrook บรรยากาศก็เข้มข้นขึ้นด้วยความตึงเครียดที่ไม่มั่นคง ชาวเมืองปิดหน้าต่างและปิดประตู กลัวสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืด อย่างไรก็ตาม เอ็มมาซึ่งมีความรู้ที่เพิ่งค้นพบได้บุกเข้าไปในใจกลางป่าซึ่งเป็นต้นกำเนิดของคำสาป
ป่าเงียบงันอย่างน่าขนลุกขณะที่เอ็มม่าเดินผ่านเส้นทางที่คดเคี้ยวและต้นไม้โบราณ อากาศหนาทึบพร้อมกลิ่นเน่าเปื่อย และแสงจันทร์สีแดงก็ลอดผ่านกิ่งก้าน ทำให้เกิดแสงเรืองรองที่ไม่มั่นคงบนรากที่มีปุ่มปมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ เสียงกระซิบแปลกๆ ดังก้องไปทั่วต้นไม้ และร่างที่น่ากลัวก็ดูเหมือนเต้นระบำไปจนสุดขอบการมองเห็นของเธอ
เมื่อเอ็มม่ามาถึงใจกลางป่า การประจักษ์ที่น่าสยดสยองก็โผล่ออกมาจากเงามืด ร่างเงาที่ปกคลุมไปด้วยสีแดงเข้ม ดวงตาของมันลุกโชนไปด้วยไฟจากอีกโลกหนึ่ง มันพูดด้วยน้ำเสียงที่หลอนประสาทและไร้ตัวตน เล่าถึงบาปของ Ravensbrook และทำนายถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นซึ่งรอคอยเมืองนี้อยู่
เอ็มมาซึ่งเป็นอัมพาตด้วยความกลัว มองดูการประจักษ์นั้นปลดปล่อยฝูงวิญญาณอันชั่วร้ายออกมา วิญญาณ วิญญาณที่ถูกทรมานที่ต้องการแก้แค้นบาปในอดีต เริ่มปกคลุมเมือง Ravensbrook เข้าสู่ความสับสนวุ่นวายในขณะที่ Crimson Moonlight ปลดปล่อยความโกรธแค้นต่อผู้อยู่อาศัยที่ไม่สงสัย
ด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะทำลายคำสาป เอ็มมาจึงเร่งแข่งกับเวลาเพื่อค้นพบพิธีกรรมที่สาบสูญไปนานซึ่งฝังอยู่ในหอจดหมายเหตุของเมือง ขณะที่วิญญาณชั่วร้ายเข้ามาใกล้ เธอได้ทำพิธีกรรมโบราณ โดยร่ายคาถาที่สะท้อนผ่านค่ำคืนสีแดงเลือด
ป่าสั่นสะเทือน และการประจักษ์ในสีแดงเข้มก็ส่งเสียงกรีดร้องจากอีกโลกหนึ่ง วิญญาณที่ติดอยู่ในระนาบไม่มีตัวตนสลายหายไปในตอนกลางคืน ทิ้งความเงียบอันน่าขนลุกไว้เบื้องหลัง แสงจันทร์กลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ และแม้ว่า Ravensbrook จะมีแผลเป็นจากความน่าสะพรึงกลัวในยามค่ำคืน แต่ก็หลุดพ้นจากเงื้อมมือของแสงจันทร์สีแดง
เอ็มมาทั้งเหนื่อยล้าและตัวสั่น โผล่ออกมาจากป่าเมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่อง เมืองซึ่งถนนหนทางเต็มไปด้วยซากการต่อสู้เหนือธรรมชาติเริ่มตื่นขึ้นอย่างช้าๆ ตำนานของแสงจันทร์สีแดงถูกระงับ แต่รอยแผลเป็นในคืนนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำโดยรวมของ Ravensbrook ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจอยู่เสมอถึงความมืดมิดที่อาจปลดปล่อยออกมาเมื่อคำสาปจากอดีตฟื้นคืนชีพ