🤫🤫🤫
เป็นการกลับคืนสู่ Hollywood อีกครั้งในรอบ 20 ปีของผู้กำกับหนังชื่อดังที่มีเอกลกษณ์เป็นการยิงปืนสองมืออย่าง John Woo กับหนังแอ็คชั่นสุดมันส์ที่มาฉายในช่วงเทศกาลแห่งความสุขปลายปีที่ส่วนใหญ่หนังที่เข้าฉายจะเป็นหนังครอบครัว แต่สำหรับเรื่องนี้ก็คือครอบครัวเหมือนกัน แต่เป็นครอบครัวที่แตกสลายและเต็มไปด้วยความแค้น มันเลยทำให้เกิดหนังที่ดูเอามันส์เข้าว่าเรื่องนี้
🤫🤫🤫
เรื่องราวของ “ไบรอัน ก็อดร็อค” (รับบทโดย โจแอล คินนาแมน) พ่อผู้สูญเสียลูกชายที่โดนลูกหลง แก๊งมาเฟียไล่ยิงถล่มกันบนถนนหน้าบ้านพัก “ไบรอัน” วิ่งตามพวกมันไปเพื่อจะเอาคืน แต่กลับกลายเป็นว่า เขาโดนหัวหน้ามาเฟียยิงเผาขน กระสุนเจาะคอทำลายกล่องเสียงถาวร ไม่สามารถเปล่งเสียงเป็นคำพูดได้อีกต่อไป หลังจากเขาหายดี “ไบรอัน” เลือกที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมือสังหาร ตามล่าฆ่ายกแก๊ง สางแค้นเอาคืนพวกมันให้สาสม
🤫🤫🤫
หนังช่วงครึ่งชั่วโมงแรกจะอืดพอสมควร เพราะหนังจะตัด Flashback ระหว่างปัจจุบันกับอดีตก่อนเกิดเรื่องเพื่อสร้างความรันทดให้กับตัวละครพระเอกของเราอย่างมากมาย คงเป็นเพราะต้องการให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับความคับแค้นใจของ ไบรอัน ด้วย ก็เลยต้องดึงดราม่ายาวหน่อย แต่ด้วยหนังมันไม่มีบบทพูดอะไรเลย มีแต่ดนตรีบรรเลงคลอไปเรื่อยๆ มันเลยทำให้ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนังมันช่างอึดอัดและอืดอาดพอสมควร
🤫🤫🤫
พอพ้นช่วงดึงเช็งไปแล้ว หนังเริ่มเข้าสู่แอ็คชั่นหลักอย่างเต็มตัว ตั้งแต่การที่ ไบรอัน เริ่มฝึกฝนร่างกาย และเริ่มออกไล่ล่า หนังก็สนุกขึ้นแบบพลิกฝ่ามือ การไล่ล่าใรูปแบบเหมือน Taken ผสมการต่อสู้แบบดุดัน ทำให้ความสนุกของหนังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ โดยที่หนังไม่ต้องมีบทพูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่คนดูก็ดูรู้เรื่องและมันส์ไปกับหนังได้ เพราะหนังยิงกันเลือดสาด และตามล่ากันอย่างสนุกสนานจนจบเรื่อง
🤫🤫🤫
จุดแข็งของหนัง แน่นอนเอกลักษณ์ของ John Woo คือ ภาพสวย แอ็คชั่นมันส์ แต่ละฉากทำออกมาค่นข้างสวยงามละเมียดละมัยตามแบบฉบับของ John Woo ที่คิดถึง และแน่นอนว่า ฉากเอลักษณ์การยิงปืนสองมือ ต้องมา และก็มาจริงๆ ไม่ให้รอเก้อ แต่ส่วนจุดอ่อนของหนัง ไม่ใช่การที่หนังไม่มีบทพูด แต่มันคือบทที่ค่อนข้างอ่อน และไม่ค่อยน่าจะเป็นไปได้ หลายๆ อย่างที่มันดูโม้เว่อร์ แต่ก็นั่นแหละ มันก็คือเอกลักษณ์ของ John Woo เช่นกัน
🤫🤫🤫
ในช่วงเทศกาลที่หนังส่วนใหญ่จะมีแต่หนังครอบครัวอิ่มเอมไปกับความสุข แต่หนังเรื่องนี้ออกมาฉายฉีกแนวไปเลย ซึ่งมันดีตรงที่คนดูที่ไม่ชอบหนังแนวครอบครัว ก็ได้เลือกดูหนังมันส์ๆ แบบนี้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่หนังที่เป็นเบอร์ใหญ่มากมาย แต่กลับดูสนุกได้อย่างไม่เสียดายเวลาเลยทีเดียว
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Silent Night ยิงแมร่งให้เหี้ยน - หนังแอ็คชั่นสุดมันส์ที่ไม่มีบทพูดจาก John Woo
🤫🤫🤫
เป็นการกลับคืนสู่ Hollywood อีกครั้งในรอบ 20 ปีของผู้กำกับหนังชื่อดังที่มีเอกลกษณ์เป็นการยิงปืนสองมืออย่าง John Woo กับหนังแอ็คชั่นสุดมันส์ที่มาฉายในช่วงเทศกาลแห่งความสุขปลายปีที่ส่วนใหญ่หนังที่เข้าฉายจะเป็นหนังครอบครัว แต่สำหรับเรื่องนี้ก็คือครอบครัวเหมือนกัน แต่เป็นครอบครัวที่แตกสลายและเต็มไปด้วยความแค้น มันเลยทำให้เกิดหนังที่ดูเอามันส์เข้าว่าเรื่องนี้
🤫🤫🤫
เรื่องราวของ “ไบรอัน ก็อดร็อค” (รับบทโดย โจแอล คินนาแมน) พ่อผู้สูญเสียลูกชายที่โดนลูกหลง แก๊งมาเฟียไล่ยิงถล่มกันบนถนนหน้าบ้านพัก “ไบรอัน” วิ่งตามพวกมันไปเพื่อจะเอาคืน แต่กลับกลายเป็นว่า เขาโดนหัวหน้ามาเฟียยิงเผาขน กระสุนเจาะคอทำลายกล่องเสียงถาวร ไม่สามารถเปล่งเสียงเป็นคำพูดได้อีกต่อไป หลังจากเขาหายดี “ไบรอัน” เลือกที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมือสังหาร ตามล่าฆ่ายกแก๊ง สางแค้นเอาคืนพวกมันให้สาสม
🤫🤫🤫
หนังช่วงครึ่งชั่วโมงแรกจะอืดพอสมควร เพราะหนังจะตัด Flashback ระหว่างปัจจุบันกับอดีตก่อนเกิดเรื่องเพื่อสร้างความรันทดให้กับตัวละครพระเอกของเราอย่างมากมาย คงเป็นเพราะต้องการให้คนดูมีอารมณ์ร่วมไปกับความคับแค้นใจของ ไบรอัน ด้วย ก็เลยต้องดึงดราม่ายาวหน่อย แต่ด้วยหนังมันไม่มีบบทพูดอะไรเลย มีแต่ดนตรีบรรเลงคลอไปเรื่อยๆ มันเลยทำให้ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนังมันช่างอึดอัดและอืดอาดพอสมควร
🤫🤫🤫
พอพ้นช่วงดึงเช็งไปแล้ว หนังเริ่มเข้าสู่แอ็คชั่นหลักอย่างเต็มตัว ตั้งแต่การที่ ไบรอัน เริ่มฝึกฝนร่างกาย และเริ่มออกไล่ล่า หนังก็สนุกขึ้นแบบพลิกฝ่ามือ การไล่ล่าใรูปแบบเหมือน Taken ผสมการต่อสู้แบบดุดัน ทำให้ความสนุกของหนังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ โดยที่หนังไม่ต้องมีบทพูดอะไรแม้แต่คำเดียว แต่คนดูก็ดูรู้เรื่องและมันส์ไปกับหนังได้ เพราะหนังยิงกันเลือดสาด และตามล่ากันอย่างสนุกสนานจนจบเรื่อง
🤫🤫🤫
จุดแข็งของหนัง แน่นอนเอกลักษณ์ของ John Woo คือ ภาพสวย แอ็คชั่นมันส์ แต่ละฉากทำออกมาค่นข้างสวยงามละเมียดละมัยตามแบบฉบับของ John Woo ที่คิดถึง และแน่นอนว่า ฉากเอลักษณ์การยิงปืนสองมือ ต้องมา และก็มาจริงๆ ไม่ให้รอเก้อ แต่ส่วนจุดอ่อนของหนัง ไม่ใช่การที่หนังไม่มีบทพูด แต่มันคือบทที่ค่อนข้างอ่อน และไม่ค่อยน่าจะเป็นไปได้ หลายๆ อย่างที่มันดูโม้เว่อร์ แต่ก็นั่นแหละ มันก็คือเอกลักษณ์ของ John Woo เช่นกัน
🤫🤫🤫
ในช่วงเทศกาลที่หนังส่วนใหญ่จะมีแต่หนังครอบครัวอิ่มเอมไปกับความสุข แต่หนังเรื่องนี้ออกมาฉายฉีกแนวไปเลย ซึ่งมันดีตรงที่คนดูที่ไม่ชอบหนังแนวครอบครัว ก็ได้เลือกดูหนังมันส์ๆ แบบนี้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่หนังที่เป็นเบอร์ใหญ่มากมาย แต่กลับดูสนุกได้อย่างไม่เสียดายเวลาเลยทีเดียว
ชอบอ่านรีวิวหนัง แวะมาพูดคุยกันได้นะครับ >>>https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้