วันคริสต์มาสวันที่แทบทุกครอบครัวมีแต่ความสุข ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลอันน่ายินดี
ไบรอันก็เช่นกันเขามีภรรยาและลูกชายวัยกำลังน่ารัก ทุกอย่างน่าจะดำเนินไปด้วยดี
จนกระทั่งการมาถึงของพวกแก๊งอันธพาลในเมืองที่กำลังมีเรื่องกัน
ลูกชายของไบรอันโดนลูกหลงจากการปะทะ ทำให้เสียชีวิตทันที..
ชายหนุ่มสติแตก เขาตามไล่ล่าเหล่าคนชั่วเพื่อหวังล้างแค้นให้ได้
หากแต่การตัดสินใจของเขานั้น นำพาให้ชีวิตของเขาหลังจากนั้นต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง..
ปกติแล้วช่วงเทศกาลคริสต์มาสทางฝั่งอเมริกันเขาก็มักจะมีหนังครอบครัวแนวฟีลกู๊ด
เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีมาร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้กันทุกปี ปีละหลายๆเรื่อง เป็นหนังรักไม่ก็หนังตลกดูสบายๆ
แต่กับเรื่อง Silent Night ถือว่าพลิกแนวของหนังในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอย่างสิ้นเชิงครับ
เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่น ล้างแค้น บู๊ล้างผลาญในช่วงสิ้นปีจริงๆ
ผมดูหนังเรื่องนี้เพราะชื่อผู้กำกับเลยครับ จอห์น วู เขาคนนี้เป็นผู้กำกับชาวฮ่องกง
สร้างผลงานฝากไว้ในโลกภาพยนตร์มาแล้วมากมายแฟนๆยุค 90 รู้จักดีแน่นอน
อาทิ Face/Off .. Broken Arrow รวมทั้ง Mission: Impossible 2
ก่อนที่เขาจะกลับไปทำหนังในบ้านเกิด และหวนมาฮอลลีวู้ดอีกครั้งในรอบ 20 ปี กับเรื่องนี้
นอกจากจอห์น วู แล้ว ยังได้ Basil Iwanyk โปรดิวเซอร์จากจอห์น วิค ทุกภาคมาร่วมงานด้วย
ยิ่งเสริมให้ Silent Night น่าดูเข้าไปใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไมหน้าหนังจะดูแล้วออกแนวเหมือนหนังเกรดบีไปสักนิดก็ตาม
แม้ว่าตัวเอกของเรื่องนี้จะรับบทโดย Joel Kinnaman พระเอกชาวสวีดิชอเมริกัน
ซึ่งเคยรับบทบาทเป็นโรโบคอบ เวอร์ชั่นเมื่อปี 2014 มาแล้วก็เถอะ
หนังแทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลย ซึ่งน่าจะเป็นหนังแอคชั่นเรื่องแรกที่ทำแบบนี้
คาดว่าทางจอห์น วู ต้องการให้พ้องกับชื่อเรื่องนั่นก็คือ Silent แปลว่าความเงียบ (แต่ที่ไม่พูดอะไรเลยเพราะอะไรนั้น ต้องไปดู)
ช่วงครึ่งแรกดึงดราม่าความสูญเสีย ส่วนพาร์ตหลังก็สาดกระสุน ยิงกันสะบั้นหั่นแหลก
ซีนเอาคืนนั้นโหด มันส์สะใจมาก ทุกอย่างดีงามตามมาตรฐานแอคชั่นของจอห์น วู
ส่วนพลอตง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน คนมันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว สิ่งที่ทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
มันก็คือไฟแค้นที่มันจะมอดดับไปได้ก็ต่อเมื่อได้ตามกุดหัวไอ้พวกที่พรากลูกชายของเขาไปจากตัวนั่นแหละ...
ถามว่าทำไมพระเอกของเราไม่ไปแจ้งตำรวจล่ะ คือว่าเขาคิดจะไปแจ้งแล้วครับ
แต่ถ้าแจ้งแล้วหนังจะเอาอะไรมาเล่นต่อล่ะจริงมะ 555 (เหมือนผมกวนยังไงพิกล แหะๆ)
ผมดูหนังเรื่องนี้ก็หวนคิดถึงเหตุอาชญากรรมที่กำลังตกเป็นข่าวดังในบ้านเราอยู่ในขณะนี้
กลุ่มคนออกไล่ยิงในที่สาธารณะ และก็ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่โดนลูกหลงจนเสียชีวิต..
ไม่รู้เมื่อไหร่เหตุการณ์เหล่านี้จะหมดไป กฎหมายก็อ่อนเหลือเกิน คนทำผิดไม่เท่าไหร่ก็ได้ออกมาจากคุก
มาทำผิดซ้ำไปเรื่อยๆ ครอบครัวผู้สูญเสียนอกจากจะเสียคนที่รักไปแล้ว
ชีวิตหลังจากนั้นก็ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ ทรชนเหล่านี้จะออกจากคุกมาและล้างแค้นพวกตนอีก...
เมื่อไหร่เหตุการณ์เหล่านี้จะหมดไปสักที.. ผมได้แต่หวัง..
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Silent Night (2023) ค่ำคืนแห่งการฆ่า...อันเงียบงัน.. ==
วันคริสต์มาสวันที่แทบทุกครอบครัวมีแต่ความสุข ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลอันน่ายินดี
ไบรอันก็เช่นกันเขามีภรรยาและลูกชายวัยกำลังน่ารัก ทุกอย่างน่าจะดำเนินไปด้วยดี
จนกระทั่งการมาถึงของพวกแก๊งอันธพาลในเมืองที่กำลังมีเรื่องกัน
ลูกชายของไบรอันโดนลูกหลงจากการปะทะ ทำให้เสียชีวิตทันที..
ชายหนุ่มสติแตก เขาตามไล่ล่าเหล่าคนชั่วเพื่อหวังล้างแค้นให้ได้
หากแต่การตัดสินใจของเขานั้น นำพาให้ชีวิตของเขาหลังจากนั้นต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง..
ปกติแล้วช่วงเทศกาลคริสต์มาสทางฝั่งอเมริกันเขาก็มักจะมีหนังครอบครัวแนวฟีลกู๊ด
เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดีมาร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้กันทุกปี ปีละหลายๆเรื่อง เป็นหนังรักไม่ก็หนังตลกดูสบายๆ
แต่กับเรื่อง Silent Night ถือว่าพลิกแนวของหนังในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอย่างสิ้นเชิงครับ
เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่น ล้างแค้น บู๊ล้างผลาญในช่วงสิ้นปีจริงๆ
ผมดูหนังเรื่องนี้เพราะชื่อผู้กำกับเลยครับ จอห์น วู เขาคนนี้เป็นผู้กำกับชาวฮ่องกง
สร้างผลงานฝากไว้ในโลกภาพยนตร์มาแล้วมากมายแฟนๆยุค 90 รู้จักดีแน่นอน
อาทิ Face/Off .. Broken Arrow รวมทั้ง Mission: Impossible 2
ก่อนที่เขาจะกลับไปทำหนังในบ้านเกิด และหวนมาฮอลลีวู้ดอีกครั้งในรอบ 20 ปี กับเรื่องนี้
นอกจากจอห์น วู แล้ว ยังได้ Basil Iwanyk โปรดิวเซอร์จากจอห์น วิค ทุกภาคมาร่วมงานด้วย
ยิ่งเสริมให้ Silent Night น่าดูเข้าไปใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไมหน้าหนังจะดูแล้วออกแนวเหมือนหนังเกรดบีไปสักนิดก็ตาม
แม้ว่าตัวเอกของเรื่องนี้จะรับบทโดย Joel Kinnaman พระเอกชาวสวีดิชอเมริกัน
ซึ่งเคยรับบทบาทเป็นโรโบคอบ เวอร์ชั่นเมื่อปี 2014 มาแล้วก็เถอะ
หนังแทบจะไม่มีบทพูดอะไรเลย ซึ่งน่าจะเป็นหนังแอคชั่นเรื่องแรกที่ทำแบบนี้
คาดว่าทางจอห์น วู ต้องการให้พ้องกับชื่อเรื่องนั่นก็คือ Silent แปลว่าความเงียบ (แต่ที่ไม่พูดอะไรเลยเพราะอะไรนั้น ต้องไปดู)
ช่วงครึ่งแรกดึงดราม่าความสูญเสีย ส่วนพาร์ตหลังก็สาดกระสุน ยิงกันสะบั้นหั่นแหลก
ซีนเอาคืนนั้นโหด มันส์สะใจมาก ทุกอย่างดีงามตามมาตรฐานแอคชั่นของจอห์น วู
ส่วนพลอตง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน คนมันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว สิ่งที่ทำให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
มันก็คือไฟแค้นที่มันจะมอดดับไปได้ก็ต่อเมื่อได้ตามกุดหัวไอ้พวกที่พรากลูกชายของเขาไปจากตัวนั่นแหละ...
ถามว่าทำไมพระเอกของเราไม่ไปแจ้งตำรวจล่ะ คือว่าเขาคิดจะไปแจ้งแล้วครับ
แต่ถ้าแจ้งแล้วหนังจะเอาอะไรมาเล่นต่อล่ะจริงมะ 555 (เหมือนผมกวนยังไงพิกล แหะๆ)
ผมดูหนังเรื่องนี้ก็หวนคิดถึงเหตุอาชญากรรมที่กำลังตกเป็นข่าวดังในบ้านเราอยู่ในขณะนี้
กลุ่มคนออกไล่ยิงในที่สาธารณะ และก็ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่โดนลูกหลงจนเสียชีวิต..
ไม่รู้เมื่อไหร่เหตุการณ์เหล่านี้จะหมดไป กฎหมายก็อ่อนเหลือเกิน คนทำผิดไม่เท่าไหร่ก็ได้ออกมาจากคุก
มาทำผิดซ้ำไปเรื่อยๆ ครอบครัวผู้สูญเสียนอกจากจะเสียคนที่รักไปแล้ว
ชีวิตหลังจากนั้นก็ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ ทรชนเหล่านี้จะออกจากคุกมาและล้างแค้นพวกตนอีก...
เมื่อไหร่เหตุการณ์เหล่านี้จะหมดไปสักที.. ผมได้แต่หวัง..
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===