ปรับโครงสร้างองค์กร คำพูดดูดี แต่สะเทือนทั้งองค์กร



หลายๆ บริษัท ตอนนี้ก็คงจะเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายๆ กันอยู่บ้างคือ การดิ้นรนเอาตัวรอดในวิกฤติที่ไม่เคยเจอมาก่อน ใช่ครับมันคือ affter shock ของการเกิดการะบาดของโรคโควิด 19  นั้นเอง  มันแย่ยิ่งกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งเสียอีก ทำไมนะเหรอ น้นก็เพราะว่า  มันไม่ได้แย่แค่ประเทศไทย หรือ ยุโรป หรือ อเมริกา แต่มันแย่กันไปหมดทั้งโลก เรียกได้ว่าหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ ต้องกลับมาพึ่งตนเอง

แน่นอนว่าองค์กร แต่ละแบบก็มีการแก้ปัญหาแตกต่างกันออกไป บางองค์กรก็ลดพนักงานส่วนล่าง เช่น ถ้าเป็นโรงงานรับผลิตสินค้า ก็ต้องลดคนงานในไลน์ผลิตลงเนื่องจากไม่มีออร์เดอร์สั่งผลิตเข้ามา ก็ปลดคนงานที่เป็น subcontract  ออกไปก่อนเพราะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยอะไรมากมายเหมือนพนักงานประจำของบริษัท ต่อมาถ้ายังไม่ได้อีก ก็มองหาการลดคนงานของตนเอง คือพนักงานระดับปฎิบัติงาน หรืออาจลามมาที่ระดับหัวหน้ากะ หัวหน้างานได้ แต่ระดับบริหารอาจจะนั่งสบายอยู่ แต่ก็นั่งไม่ค่อยติดนัก

เพราะอาจจะเจอการลดเงินเดือนฝั่งผู้บริหารตามมาได้ หรือไม่ก็หักเบี้ยประชุมอะไรแบบนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การจ้างออก อาจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ส่วนใหญ่จะหาทางทำอย่างอื่น  เช่นลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น

แต่การปรับโครงสร้างองค์กร จะแตกต่างออกไปนิดหน่อย เพราะคำสั่งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมาจากนอกประเทศ ? ใช่ครับ มันมาจากบริษัทแม่ หรือ เจ้าของกิจการในต่างประเทศนั้นเอง เพราะผลกระทบในตอนนี้เป็นผลกระทบในวงกว้างมากๆ  การปรับองค์กรให้มีขนาดเล็กลง กระชับ บริหารงานง่าย จึงจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

เพราะเกิดตัวใหญ่ต้วมเตี้ยมแล้วละก็อาจได้อยู่รั้งท้าย ก่อนที่จะหายไปจากสนามแข่งในไม่ช้าก็เป็นได้

กรรมการบริหารของบริษัทอาจจะมีจำนวนลดลง รวมถึงตำแหน่งผู้จัดการ เมื่อก่อนอาจะมีแยกเป็นผู้จัดการฝ่ายย่อยๆ มากมาย ปัจจุบันผู้จัดการอาจจะต้องมีภาระหน้าที่มากขึ้น (แต่เงินเดือนเท่าเดิม) เช่น ฝ่ายบัญชี อาจจะมีทั้งสำนักงานใหญ่ และ สาขา ปัจจุบัน สำนักงานใหญ่อาจจะต้องดูแลสาขาทั้งหมด มีผจก. คนเดียว ผจก.สาขาก็ปลดออก เป็นต้น

อันนี้ทั้งในส่วนผู้บริหารและพนักงานอาจโดนหมด ไม่ได้คัดออกด้านความสามารถเสียด้วย แต่คัดออกโดยพิจารณาด้านความเหมาะสมของ  "ตำแหน่ง" ในสถานะการณ์ปัจจุบัน

เราอาจจะได้เห็นเพื่อนเราเก็บของออกจากโต๊ะ หลังจากที่หัวหน้าเรียกเข้าไปคุยในห้องประชุมกันแบบสองต่อสอง แน่นอนมันไม่ใช้มุกเรียกไป เป่าเค้กวันเกิดแน่ๆ  แต่เป็นการเรียกไปคุยในข้อตกลง " สุดท้าย"  นั้นเอง

หลายๆคนอาจจะมีเวลาเตรียมตัว ถ้าบริษัทใจดี ให้เรามีเวลาหายใจหายคอ อีกสักเดือนเพื่อให้เรา เตรียมตัวหางานใหม่ แต่เอาจริงๆ การหางานในปัจจุบันค่อนข้างหายาก เพราะพิษเศรษฐกิจที่ทำให้หลายๆ บริษัทเองก็ต้องรัดเข็มขัดเหมือนกัน การจะรับพนักงานใหม่ หลังจากคนเก่าออกไปแล้ว ก็ต้องคิดหน้าคิดหลัง ให้ดีๆ ถ้าตำแหน่งนั้นมันไม่จำเป็นจริงๆ หรือหาคนมาทำแทนไม่ได้ เขาก็ไม่ค่อยเรียกกันหรอก

หลายๆ บริษัท อาจถึงขนาด ปลดทั้งแผนก เลยก็มี เช่นการปลดแผนกคลังสินค้าและจัดส่ง เปลี่ยนไปใช้บริษัทที่รับเป็นที่ปรึกษาและขนส่งให้ เช่นบริษัท ขนส่ง หลายๆ เจ้าในตลาด ที่ไม่ต้องบอกชื่อพวกเราก็คงนึกกันออก

เด็กนักศึกษาจบใหม่ในช่วงปีนี้อาจจะต้องรับบททดสอบหนักหน่อย เพราะเจอทั้งสถานะการณ์ โควิด19  และ เศรษฐกิจถดถอย สงคราม ค่าเงินอ่อน เงินเพ้อ โอ้ย สาระพัด มรสุม  แถมยังมาเจอ เจ้าAI  พวกปัญญาประดิษฐ์นี้อีก ต้องยอมรับก่อนว่า มันเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขันไปทุกที มันสามารถเป็นไกด์นำเที่ยว สร้างตารางการนำเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ รวมทั้งหมดนี้ในระยะเวลาไม่นาน พิมพ์ออกมาเป็นเล่นจากเครื่องพิมพ์ที่บ้าน แล้วออกเดินทางได้เลย มันทำได้ขนาดนี้แล้ว  การจัดแผนงาน หรือ การจัดตารางการประชุม

หรือแม้แต่การสรุปการประชุม แทบจะง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย ตำแหน่งต่างๆ ก็ถูกแทนที่ด้วยเจ้าตัวนี้ในไม่ช้า

ต้นปีนี้เราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของคำว่า " การปรับโครงสร้างองค์กร" ในระดับ บริษัทต่างชาติก่อน  และ ในไม่ช้ามันจะลามมาที่บริษัท ไทยๆ อย่างเราๆ แน่นอน เชื่อขนมกินได้เลย

บทความต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/posts/6596ce40661012908b09f1b9
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่