‘’เสียงหัวเราะช่วยย่อยอาหาร ได้ดีกว่ากรดในกระเพาะมากมายนัก..””
Immanuel Kant (1724-1804)
และนี่ไม่ใช่รีวิวอาหาร แต่เป็นรีวิวหนังนะครับ ^__^
โคสุเกะ ชายหนุ่มวัย 30 ต้นๆ ที่มีความใฝ่ฝันแรงกล้าที่จะเป็นนักแสดงตลกให้จงได้
เขาตัดสินใจบุกเดี่ยวไปใช้ชีวิตในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยหวังว่าจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
แต่ความพยายามกับความดื้อรั้นและดันทุรัง ก็เสมือนเป็นแค่เส้นบางๆที่กั้นระหว่างตัวเขาเท่านั้น..
สุดท้ายหลังกัดฟันสู้ยาวถึง 6 ปี โคสุเกะ ก็ต้องกลับมายังญี่ปุ่นบ้านเกิดพร้อมกับเศษซากความฝันที่แตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
แถมยังถังแตกอีกต่างหาก...
เขาแบกหน้ากลับมาซึ่งทุกคนก็ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ยกเว้นพ่อของเขาเจ้าของร้านอุด้งชื่อดังประจำเมือง
ผู้ไม่เคยเห็นด้วยเลยสักนิดที่ผู้ลูกชายไปเผชิญโชคในต่างแดน แต่ก็ยอมปล่อยให้เพื่ออยากให้ลูกชายได้บทเรียนในการใช้ชีวิต...
ด้วยความที่ไม่เหลือเงินสักเยน เป็นหนี้อีกมากมาย โคสุเกะจำเป็นต้องหางานทำล่ะ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนกินอยู่ล่ะเนี่ย
จะขอพ่อแน่นอนว่าไม่ให้แน่ๆ แถมยังจะด่าซ้ำอีกต่างหาก..
เขาเลยตัดสินใจไปสมัครงานที่นิตยสารท้องถิ่นประจำเมืองด้วยความหวังว่าจะให้มียอดขายถล่มทลาย..
แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกวันนี้ คนแทบจะไม่อ่านกันล่ะ ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ...
และด้วยความบังเอิญ หรืออาจจะเป็นพระเจ้ามาสร้างแรงบันดาลใจอะไรก็ตามแต่
โคสุเกะก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ว่า หนังสือของเขาต้องมีคอลัมน์นำเสนออาหาร
และอาหารที่เป็นจุดเด่นของเมืองนี้แน่นอนก็คือ อุด้งนั่นเอง ด้วยความที่เมืองนี้มีร้านอุด้งมากมายกว่า 1000 ร้าน ..
โคสุเกะเลยร่วมเดินทางกับเพื่อนๆในกอง บก. เดินทางไปชิมอุด้ง ทุกร้านทั่วเมือง เพื่อเอามาเขียนเป็นรีวิว
รีวิวดังกล่าวสร้างปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อมากินอุด้งที่เมืองนี้
แน่นอนว่านิตยสารก็ขายดีแบบถล่มทลายเช่นกัน.. แต่ทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน เมื่อถึงจุดสูงสุดก็ย่อมต้องมีตกต่ำลง ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน..
ผู้คนที่เคยนิยมอุด้งก็เริ่มลดลง หันไปหาอย่างอื่น..นิตยสารที่เคยขายดีก็ยอดตกลงไปเช่นกัน จนสุดท้ายต้องปิดตัวลง...
และแล้วโคสุเกะ ก็ตระหนักได้ว่าสุดท้ายเขาก็ต้องกลับมายังจุดเริ่มต้นของตัวเองตั้งแต่วัยเยาว์นั่นก็คือร้านอุด้งของเขาเอง
เขาจะได้เปิดใจกับพ่อของเขาจริงๆสักที.. แต่ทว่า.....
Udon เป็นหนังญี่ปุ่นน่ารัก และน่ากินมากกกกกก เราจะได้เห็นกรรมวิธีการทำเส้นอุด้งทั้งหมด
รวมถึงการไปชิมอุด้งแทบทุกชนิดซึ่งเรียกได้ว่า ใครชอบกินอุด้งนี่คือสวรรค์ชัดๆ แต่ถ้าไม่ชอบหรือไม่เคยลอง
ดูหนังเรื่องนี้คุณจะอยากชิมสักชามแน่นอน
พูดถึงภาพยนตร์เกี่ยวกับอาหารของญี่ปุ่นก็มีหลายเรื่องนะครับ อาทิเช่น Tampopo (เรื่องนี้เทพมาก อยากเขียนรีวิว),
Jiro Dreams of Sushi, The Flavour of Green Tea Over Rice, Sweet Bean และ Kamome Diner (จริงๆยังมีอีกมากกก)
ซึ่งสำหรับ Udon นั้น หนังเรื่องนี้นอกจากจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวแล้ว
ยังมีการเหน็บไปถึงเรื่องของวัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลอย่างมากกับญี่ปุ่น (รวมถึงทุกประเทศทั่วโลกในยุคนี้)
จากการที่หนังเปรียบเทียบในตอนต้นเรื่องว่า “จังหวัดคากาวะร้านอุด้งราว 1000 ร้านให้ประชากรไม่ถึง 1 ล้านคนได้ทาน
ในขณะเดียวกันมีร้านแมคโดนัลด์เกือบ 3000 ร้านทั่วญี่ปุ่นให้บริการคนกว่า 125 ล้านคน”
(ข้อมูลตรงนี้ผมเปลี่ยนแปลงให้อัพเดตมากขึ้นนะครับ เพราะในหนังเป็นข้อมูลเก่าเมื่อ 17 ปีที่แล้ว)..
ผู้คนหลงไปกับรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างตะวันตกทั้งการกินการอยู่ จนหลงลืมสิ่งดีดีที่มีอยู่ใกล้ๆตัว อย่างอุด้งนั่นเอง
(และก็เทียบได้กับการที่พระเอกของเราไปใช้ชีวิตต่างแดนแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวและต้องกลับมาที่บ้าน)
โคสุเกะ เหมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเข้าสู่วัยกลางคน แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยสักอย่าง
ต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ไม่อาจจะทำตามความฝันนั้นได้
ขณะที่พ่อของเขาก็เป็นตัวแทนของคนรุ่นเก่า ที่อนุรักษ์และต้องการรักษาสิ่งที่มีอยู่ หากแต่ทายาทนั้นไม่อยากจะสานต่อ
ความขัดกันระหว่างคนสองรุ่นที่ไม่ยอมพูดคุยกันเลยทำให้ช่องว่างระหว่างกันนั้นมันขยายตัวออกไป...
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อาหารการกินนั้นแม้จะเพียงแค่อย่างเดียวในเรื่องก็คือ อุด้ง นี่ล่ะ
แต่เขาก็สามารถดัดแปลงการกินได้หลากหลายเป็นร้อยๆชนิดได้อย่างเหลือเชื่อ ปรับตรงนี้นิด ใส่ตรงนี้หน่อย รสชาติก็เปลี่ยนไปได้
มีของเคียงที่กินแล้วทำให้รสชาติของเส้นดีขึ้น น้ำซุปอีก โอ้ว โน้ว....
“ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อความคลั่งไคล้อุด้งจบลง แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน
ทุกแห่งหนภายใต้ดวงตะวันนี้ที่ทุกคนเรียกว่าบ้าน ย่อมมีอาหารแห่งจิตใจอยู่ในนั้น
อาหารที่ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะ..น้ำตา อาหารที่ทำให้เราอิ่มท้องและอิ่มใจ
อาหารที่ทำให้เราหวนคิดถึงใครบางคนและยิ้มอย่างมีความสุข
แล้วอาหารแห่งจิตใจของคุณ... คืออะไร?”
ย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่รีวิวอุด้ง แต่เป็นรีวิวหนังชื่อเรื่องว่า อุด้งงงงงงงงงงงงงงงงง จร้า ^____^
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Udon (2006) สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า..อุด้งด้งด้งด้งด้งด้งด้งงงงงงงงงง ==
‘’เสียงหัวเราะช่วยย่อยอาหาร ได้ดีกว่ากรดในกระเพาะมากมายนัก..””
Immanuel Kant (1724-1804)
และนี่ไม่ใช่รีวิวอาหาร แต่เป็นรีวิวหนังนะครับ ^__^
โคสุเกะ ชายหนุ่มวัย 30 ต้นๆ ที่มีความใฝ่ฝันแรงกล้าที่จะเป็นนักแสดงตลกให้จงได้
เขาตัดสินใจบุกเดี่ยวไปใช้ชีวิตในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาโดยหวังว่าจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
แต่ความพยายามกับความดื้อรั้นและดันทุรัง ก็เสมือนเป็นแค่เส้นบางๆที่กั้นระหว่างตัวเขาเท่านั้น..
สุดท้ายหลังกัดฟันสู้ยาวถึง 6 ปี โคสุเกะ ก็ต้องกลับมายังญี่ปุ่นบ้านเกิดพร้อมกับเศษซากความฝันที่แตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
แถมยังถังแตกอีกต่างหาก...
เขาแบกหน้ากลับมาซึ่งทุกคนก็ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ยกเว้นพ่อของเขาเจ้าของร้านอุด้งชื่อดังประจำเมือง
ผู้ไม่เคยเห็นด้วยเลยสักนิดที่ผู้ลูกชายไปเผชิญโชคในต่างแดน แต่ก็ยอมปล่อยให้เพื่ออยากให้ลูกชายได้บทเรียนในการใช้ชีวิต...
ด้วยความที่ไม่เหลือเงินสักเยน เป็นหนี้อีกมากมาย โคสุเกะจำเป็นต้องหางานทำล่ะ ไม่งั้นจะเอาเงินที่ไหนกินอยู่ล่ะเนี่ย
จะขอพ่อแน่นอนว่าไม่ให้แน่ๆ แถมยังจะด่าซ้ำอีกต่างหาก..
เขาเลยตัดสินใจไปสมัครงานที่นิตยสารท้องถิ่นประจำเมืองด้วยความหวังว่าจะให้มียอดขายถล่มทลาย..
แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกวันนี้ คนแทบจะไม่อ่านกันล่ะ ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ...
และด้วยความบังเอิญ หรืออาจจะเป็นพระเจ้ามาสร้างแรงบันดาลใจอะไรก็ตามแต่
โคสุเกะก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ว่า หนังสือของเขาต้องมีคอลัมน์นำเสนออาหาร
และอาหารที่เป็นจุดเด่นของเมืองนี้แน่นอนก็คือ อุด้งนั่นเอง ด้วยความที่เมืองนี้มีร้านอุด้งมากมายกว่า 1000 ร้าน ..
โคสุเกะเลยร่วมเดินทางกับเพื่อนๆในกอง บก. เดินทางไปชิมอุด้ง ทุกร้านทั่วเมือง เพื่อเอามาเขียนเป็นรีวิว
รีวิวดังกล่าวสร้างปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมาย ผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อมากินอุด้งที่เมืองนี้
แน่นอนว่านิตยสารก็ขายดีแบบถล่มทลายเช่นกัน.. แต่ทุกอย่างย่อมมีเวลาของมัน เมื่อถึงจุดสูงสุดก็ย่อมต้องมีตกต่ำลง ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน..
ผู้คนที่เคยนิยมอุด้งก็เริ่มลดลง หันไปหาอย่างอื่น..นิตยสารที่เคยขายดีก็ยอดตกลงไปเช่นกัน จนสุดท้ายต้องปิดตัวลง...
และแล้วโคสุเกะ ก็ตระหนักได้ว่าสุดท้ายเขาก็ต้องกลับมายังจุดเริ่มต้นของตัวเองตั้งแต่วัยเยาว์นั่นก็คือร้านอุด้งของเขาเอง
เขาจะได้เปิดใจกับพ่อของเขาจริงๆสักที.. แต่ทว่า.....
Udon เป็นหนังญี่ปุ่นน่ารัก และน่ากินมากกกกกก เราจะได้เห็นกรรมวิธีการทำเส้นอุด้งทั้งหมด
รวมถึงการไปชิมอุด้งแทบทุกชนิดซึ่งเรียกได้ว่า ใครชอบกินอุด้งนี่คือสวรรค์ชัดๆ แต่ถ้าไม่ชอบหรือไม่เคยลอง
ดูหนังเรื่องนี้คุณจะอยากชิมสักชามแน่นอน
พูดถึงภาพยนตร์เกี่ยวกับอาหารของญี่ปุ่นก็มีหลายเรื่องนะครับ อาทิเช่น Tampopo (เรื่องนี้เทพมาก อยากเขียนรีวิว),
Jiro Dreams of Sushi, The Flavour of Green Tea Over Rice, Sweet Bean และ Kamome Diner (จริงๆยังมีอีกมากกก)
ซึ่งสำหรับ Udon นั้น หนังเรื่องนี้นอกจากจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวแล้ว
ยังมีการเหน็บไปถึงเรื่องของวัฒนธรรมตะวันตกที่มีอิทธิพลอย่างมากกับญี่ปุ่น (รวมถึงทุกประเทศทั่วโลกในยุคนี้)
จากการที่หนังเปรียบเทียบในตอนต้นเรื่องว่า “จังหวัดคากาวะร้านอุด้งราว 1000 ร้านให้ประชากรไม่ถึง 1 ล้านคนได้ทาน
ในขณะเดียวกันมีร้านแมคโดนัลด์เกือบ 3000 ร้านทั่วญี่ปุ่นให้บริการคนกว่า 125 ล้านคน”
(ข้อมูลตรงนี้ผมเปลี่ยนแปลงให้อัพเดตมากขึ้นนะครับ เพราะในหนังเป็นข้อมูลเก่าเมื่อ 17 ปีที่แล้ว)..
ผู้คนหลงไปกับรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างตะวันตกทั้งการกินการอยู่ จนหลงลืมสิ่งดีดีที่มีอยู่ใกล้ๆตัว อย่างอุด้งนั่นเอง
(และก็เทียบได้กับการที่พระเอกของเราไปใช้ชีวิตต่างแดนแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวและต้องกลับมาที่บ้าน)
โคสุเกะ เหมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่กำลังเข้าสู่วัยกลางคน แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยสักอย่าง
ต้องการจะพิสูจน์ตัวเอง แต่ก็ไม่อาจจะทำตามความฝันนั้นได้
ขณะที่พ่อของเขาก็เป็นตัวแทนของคนรุ่นเก่า ที่อนุรักษ์และต้องการรักษาสิ่งที่มีอยู่ หากแต่ทายาทนั้นไม่อยากจะสานต่อ
ความขัดกันระหว่างคนสองรุ่นที่ไม่ยอมพูดคุยกันเลยทำให้ช่องว่างระหว่างกันนั้นมันขยายตัวออกไป...
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อาหารการกินนั้นแม้จะเพียงแค่อย่างเดียวในเรื่องก็คือ อุด้ง นี่ล่ะ
แต่เขาก็สามารถดัดแปลงการกินได้หลากหลายเป็นร้อยๆชนิดได้อย่างเหลือเชื่อ ปรับตรงนี้นิด ใส่ตรงนี้หน่อย รสชาติก็เปลี่ยนไปได้
มีของเคียงที่กินแล้วทำให้รสชาติของเส้นดีขึ้น น้ำซุปอีก โอ้ว โน้ว....
“ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อความคลั่งไคล้อุด้งจบลง แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน
ทุกแห่งหนภายใต้ดวงตะวันนี้ที่ทุกคนเรียกว่าบ้าน ย่อมมีอาหารแห่งจิตใจอยู่ในนั้น
อาหารที่ก่อให้เกิดเสียงหัวเราะ..น้ำตา อาหารที่ทำให้เราอิ่มท้องและอิ่มใจ
อาหารที่ทำให้เราหวนคิดถึงใครบางคนและยิ้มอย่างมีความสุข
แล้วอาหารแห่งจิตใจของคุณ... คืออะไร?”
ย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่รีวิวอุด้ง แต่เป็นรีวิวหนังชื่อเรื่องว่า อุด้งงงงงงงงงงงงงงงงง จร้า ^____^
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===