ปัจจุบันธุรกิจขายรถยนต์ใช้แล้วเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น รถยนต์ใช้แล้วซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคที่จะหาซื้อรถยนต์ไว้ในครอบครองในราคาที่พอจะจ่ายได้ แต่การนำรถยนต์ใช้แล้วมาจำหน่ายโดยไม่ได้แสดงสาระสำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ไว้ในฉลากอย่างครบถ้วน ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับทราบข้อมูลอันเป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ใช้แล้วเพื่อประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างเพียงพอ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาการหลอกลวงผู้บริโภค และเพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ
ดังนั้น คณะกรรมการว่าด้วยฉลากจึงกำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๓๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖) เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ซึ่งจะต้องระบุข้อมูลของสินค้า คือ (๑) ชื่อประเภทสินค้า ในกรณีที่เป็นสินค้าที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย (๒) ชื่อและสถานที่ประกอบการของผู้ขาย (๓) ขนาดหรือน้ำหนัก (๔) สมุดคู่มือการบำรุงรักษารถ (ถ้ามี) (๕) รุ่นปี (๖) ราคา โดยระบุหน่วยเป็นบาท (๗) วันจดทะเบียน (๘) เลขทะเบียน (๙) เลขตัวรถ (๑๐) เลขเครื่องยนต์ (๑๑) ยี่ห้อรถ (๑๒) ยี่ห้อเครื่องยนต์ (๑๓) สี (๑๔) ชนิดเชื้อเพลิง (๑๕) ลำดับของเจ้าของรถ ชื่อและชื่อสกุล (๑๖) ภาระผูกพันของรถยนต์ที่มีอยู่ในวันจำหน่าย (ถ้ามี) (๑๗) ข้อมูลการประสบภัย เช่น ถูกชน ถูกน้ำท่วม (ถ้ามี) (๑๘) กรณีที่ถูกน้ำท่วมให้ระบุระดับของน้ำที่ท่วมตัวรถยนต์ เช่น ระดับพื้นรถยนต์ ระดับเบาะรถยนต์ ท่วมทั้งคัน และ (๑๙) ระยะทางการใช้งาน หรือชั่วโมงในการทำงานของรถ
ทั้งนี้ หากผู้ใดขายสินค้ารถยนต์ใช้แล้วโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ผลิต ผู้สั่งหรือผู้นำเข้า มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแอปพลิเคชั่น OCPB Connect พูดคุยสอบถามกับ Chat Bot พี่ปกป้องได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th โดยผู้บริโภคสามารถร้องเรียนออนไลน์ได้สะดวก ประหยัดเวลา หรือโทรมาสอบถามข้อมูลที่สายด่วน สคบ. ๑๑๖๖ หรือมาด้วยตนเองที่ศูนย์ราชการฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัดสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ทุกจังหวัด
รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
ดังนั้น คณะกรรมการว่าด้วยฉลากจึงกำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๓๕ (พ.ศ. ๒๕๕๖) เรื่อง ให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ซึ่งจะต้องระบุข้อมูลของสินค้า คือ (๑) ชื่อประเภทสินค้า ในกรณีที่เป็นสินค้าที่สั่งหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายให้ระบุชื่อประเทศที่ผลิตด้วย (๒) ชื่อและสถานที่ประกอบการของผู้ขาย (๓) ขนาดหรือน้ำหนัก (๔) สมุดคู่มือการบำรุงรักษารถ (ถ้ามี) (๕) รุ่นปี (๖) ราคา โดยระบุหน่วยเป็นบาท (๗) วันจดทะเบียน (๘) เลขทะเบียน (๙) เลขตัวรถ (๑๐) เลขเครื่องยนต์ (๑๑) ยี่ห้อรถ (๑๒) ยี่ห้อเครื่องยนต์ (๑๓) สี (๑๔) ชนิดเชื้อเพลิง (๑๕) ลำดับของเจ้าของรถ ชื่อและชื่อสกุล (๑๖) ภาระผูกพันของรถยนต์ที่มีอยู่ในวันจำหน่าย (ถ้ามี) (๑๗) ข้อมูลการประสบภัย เช่น ถูกชน ถูกน้ำท่วม (ถ้ามี) (๑๘) กรณีที่ถูกน้ำท่วมให้ระบุระดับของน้ำที่ท่วมตัวรถยนต์ เช่น ระดับพื้นรถยนต์ ระดับเบาะรถยนต์ ท่วมทั้งคัน และ (๑๙) ระยะทางการใช้งาน หรือชั่วโมงในการทำงานของรถ
ทั้งนี้ หากผู้ใดขายสินค้ารถยนต์ใช้แล้วโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ผลิต ผู้สั่งหรือผู้นำเข้า มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าดังกล่าวสามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแอปพลิเคชั่น OCPB Connect พูดคุยสอบถามกับ Chat Bot พี่ปกป้องได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทางเว็บไซต์ www.ocpb.go.th โดยผู้บริโภคสามารถร้องเรียนออนไลน์ได้สะดวก ประหยัดเวลา หรือโทรมาสอบถามข้อมูลที่สายด่วน สคบ. ๑๑๖๖ หรือมาด้วยตนเองที่ศูนย์ราชการฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัดสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ทุกจังหวัด