กระชากหน้ากาก “นอมินี” ค้าปลีก สินค้าไร้มาตรฐาน ทุบธุรกิจไทยยับ


ขอบคุณที่มา: https://mgronline.com/daily/detail/9680000027064?tbref=hp

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -   แวดวงค้าปลีกเมืองไทยกำลังตกอยู่ในสภาพที่สุ่มเสี่ยงและกระทบผู้ประกอบการไทยอย่างรุนแรง จากปัญหาสินค้าต่างชาติที่ไม่ได้มาตรฐานทะลักเข้าตีตลาดอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น ยังอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายใช้ “นอมินี” ดำเนินธุรกิจแทนอีกต่างหาก

ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ โดย  นายณัฐ วงศ์พานิช  ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ปัญหาหลักๆ คือสินค้านำเข้ามีราคาต่ำมาก โดยไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง รวมทั้งอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายใช้ “นอมินี” เข้ามาดำเนินธุรกิจแทน ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะรายย่อยและธุรกิจท้องถิ่น ได้รับผลกระทบหนักจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้ การทำตลาดแบบ B2C (Business to Consumer : ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการให้กับผู้บริโภคโดยตรง) ของแพลตฟอร์ม E-commerc ข้ามชาติ ซึ่งกฎหมายไทยยังควบคุมได้ไม่ทั่วถึง ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยเสียส่วนแบ่งตลาดและหลายธุรกิจต้องปิดตัวลง โดยปัจจุบัน 2 ใน 3 ของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกครอบครองโดยแพลตฟอร์มต่างชาติ ขณะที่ SMEs ไทยอยู่ในภาวะที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มต่างชาติเป็นหลัก

หรือก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาการเข้ามาของ “ซูเปอร์มาเก็ตจีน” ที่เกิดขึ้นในช่วงราวกลางปี 2567 ส่งผลให้เกิดการแข่งขันรุนแรงกับธุรกิจท้องถิ่น กระทบภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ ทำให้เงินไหลออกต่างประเทศ ตลอดจนเกิดความกังวลเรื่องคุณภาพของสินค้าและบริการที่นำเข้าจากจีนเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัย

ขณะนั้นเครือข่ายปกป้องผู้ประกอบการไทย ออกมาเรียกร้องรัฐบาลไทยให้จริงจังในการจัดการกับสินค้าที่ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ด้วยความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ และการเรียกรับสินบน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐต้องออกมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการในประเทศ เช่น การลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง และรัฐต้องสนับสนุนแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นและคนตัวเล็ก เพื่อเป็นแต้มต่อสำคัญในการแข่งขันกับทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวไม่เพียงส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการ SME ที่มีกว่า 3.3 ล้านราย แบ่งเป็นภาคค้าปลีกและบริการ 2.8 ล้านราย หรือเกือบๆ 90% ยังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคชาวไทยตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะใช้สินค้านำเข้าที่ไม่มีมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง เป็นต้น

ดังนั้น หากปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป ไม่เพียงแต่ธุรกิจค้าปลีกไทยจะถูกบีบให้ลดขนาดหรือปิดตัวลง แต่ยังอาจกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

สำหรับแนวทางแก้ไข ทางสมาคมผู้ค้าปลีกเสนอแนะ 3 แนวทางเร่งด่วน เพื่อสร้างสมดุลทางการแข่งขันและปกป้องเศรษฐกิจไทย ดังนี้ 1. คุมเข้มคุณภาพสินค้านำเข้า ประกอบด้วย ปกป้องผู้บริโภคไทย สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศจำนวนมากอาจมีคุณภาพต่ำ ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าเครื่องสำอางตกมาตรฐาน โดยเฉพาะไม่มีฉลากภาษาไทย,

ภาครัฐควรปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้านำเข้าตั้งแต่ต้นทาง เช่น กรมศุลกากรเปลี่ยนจากระบบสุ่มตรวจเป็นการตรวจสอบ 100% เพิ่มการใช้เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพในการตรวจสอบให้แม่นยำ,

ปิดช่องโหว่ทางกฎหมายเกี่ยวกับการทุ่มตลาด เช่น การควบคุมราคาขั้นต่ำสำหรับสินค้านำเข้า ที่ต้องแสดงต้นทุนที่แท้จริง เพื่อป้องกันการขายตัดราคา, เร่งเครื่องบทบาทภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) และควรเข้มงวดกฎหมายการแข่งขันทางการค้าในกรณีตั้งราคาสินค้าต่ำกว่าทุน และปรับปรุงกฎให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

2. ปรับโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน โดยการจัดเก็บภาษีแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการและผลประโยชน์ของผู้บริโภคและประเทศชาติในระยะยาว

และ 3. แก้ปัญหานอมินี ปิดช่องโหว่ธุรกิจต่างชาติ ควรมีมาตรการตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทที่อาจสวมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันการเลี่ยงกฎหมายธุรกิจต่างด้าว ซึ่งกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องมีหุ้นส่วนคนไทยไม่น้อยกว่า 51% โดยธุรกิจที่เสี่ยงต่อการใช้ช่องโหว่นี้ เช่น ร้านอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ต, กำหนดมาตรฐานการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เช่น มีการจ้างแรงงานไทยในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อลดอัตราการว่างงานของคนไทยกำหนดพื้นที่หรือโซนสำหรับธุรกิจของชาวต่างชาติ

ขณะที่รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เอง ก็ทราบดีถึงสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมามีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเคาะมาตรการหลักมาตรการย่อยออกมากปกป้องภาคธุรกิจค้าปลีกของไทย มีการตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจฝ่าฝืนกฎหมาย” ขึ้นมาดำเนินการแนวทางป้องปรามอาทิ ให้หน่วยงานบังคับใช้ระเบียบ กฎหมายอย่างเข้มข้น บูรณาการตรวจเข้มสินค้า ณ ด่านศุลกากร ทั้งในส่วนของการสำแดงพิกัดสินค้า การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม การตรวจมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

หรือมาตรการภาษี โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างปรับปรุงประมวลรัษฎากรสำหรับการกำหนดให้ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ ที่จำหน่ายสินค้าในไทย ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร รวมทั้ง มาตรการช่วยเหลือ SMEs ไทย เพื่อให้แข่งขันได้ในยุคการค้าโลกใหม่ และประสานร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพื่อส่งเสริมการค้าผ่านช่องทางตลาด e-Commerce ให้เป็นอีกช่องทางในการผลักดันสินค้าไทยผ่าน e-Commerce ไปตลาดต่างประเทศ เป็นต้น โดยดำเนินมาตรการต่างๆ ควบคู่ไปกับการสร้างความสมดุลระหว่างระเบียบการค้าโลก

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการดำเนินงานระยะเร่งด่วน ในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ย. - ธ.ค. 2567 ในส่วนของสินค้านำเข้าไร้มาตรฐานนั้น หน่วยงานต่างๆ ได้เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบสินค้านำเข้าให้มากขึ้นตั้งแต่ที่หน้าด่าน ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าลดลงเหลือเฉลี่ยเดือนละ 2,200 ล้านบาท ลดลง 27% จากช่วงก่อนมีมาตรการ หรือช่วงเดือน ม.ค. - มิ.ย. 67 ที่นำเข้าเฉลี่ยเดือนละ 3,112 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีการจับกุมดำเนินคดีกับสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน กรมศุลกากร 12,145 คดี มูลค่า 529 ล้านบาท, สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) 59 คดี 33 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) 159 คดี 57 ล้านบาท, กรมทรัพย์สินทางปัญญา 177 คดี 153 ล้านบาท, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 30,393 รายการ ยังประเมินความเสียหายไม่ได้

ผลการดำเนินตามมาตรการต่างๆ ของรัฐระยะเร่งด่วนที่ผ่านมา ทำให้การนำเข้าสินค้าไร้มาตรฐานลดลงไปบ้าง ซึ่งรัฐตั้งเป้ากวาดล้างธุรกิจนอมินีให้หมดไปจากประเทศไทย เพราะครอบงำและกระทบภาคธุรกิจไทย

สถานการณ์ปัญหาสินค้าต่างชาติล้นทะลักเข้ามาตีตลาดในราคาถูกและคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะสินค้าจากจีนที่บุกถล่มจนสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยเจ๊งระนาว นอกจากนี้ รายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าไทยขาดดุลการค้ากับจีนมาโดยตลอด และมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

นับเป็นความท้าทายของรัฐบาลไทยอย่างยิ่ง.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่