ในยุคดิจิทัลที่เราอยู่ในปัจจุบัน, การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของ “dictionary” หรือ “พจนานุกรม” ที่เราใช้ในการค้นหาความหมายของคำ จากการใช้พจนานุกรมที่เป็นหนังสือที่ต้องพลิกหน้าเพื่อค้นหาคำ, เราได้เปลี่ยนไปใช้ “talking dictionary” และต่อมาก็คือแอปพลิเคชันพจนานุกรมบนมือถือ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อวิธีที่เราเรียนรู้และทำงาน
ยังจำได้ดีตอนนี้สมัยเรียนมัธยมปลาย ต้องเอาพจนานุกรมภาษาอังกฤษ (บางครั้งก็ภาษาไทย) พกใส่กระเป๋าไปตลอด เพื่อเอาไปแปลงาน หรือเขียนกลอนสำหรับพจนานุกรม ภาษาไทย แต่สมัยนั้น แยกกันเลยนะ พจนานุกรม เราจะหมายถึง พจนานุกรมภาษาไทย ส่วนคำว่า ดิก หรือ dictionary เราจะถือว่าเป็นพจนานุกรมภาษาอังกฤษเท่านั้น
แอปพลิเคชันพจนานุกรมบนมือถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการศึกษา พวกเราสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อค้นหาความหมายของคำใหม่ ๆ ที่พวกเราพบเจอในการอ่านหนังสือหรือการศึกษา นอกจากนี้ยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อฝึกการออกเสียงคำใหม่ ๆ ด้วยฟีเจอร์การอ่านคำออกเสียง และยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อศึกษาคำที่เกี่ยวข้องและการใช้คำในประโยคได้อีกด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมด dictionary แบบเดิม ๆ ที่ต้องพลิกหน้ากระดาษไปมา ไม่สามารถตอบโจทย์การศึกษาในยุคปัจจุบันได้อีกต่อไป แม้แต่ talking dictionary สมัยก่อนใครมีถือว่า เป็นคนมีเงินพอสมควรเลยทีเดียวเพราะว่า ราคาเหยียบหมื่นบาทเลย สมัยก่อนเงินหมื่นไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ค่าเงินแพงกว่าปัจจุบันมาก แถมเจ้า talking dic นี้ยังมีแบบฝึกหัดให้ทำได้ด้วย ออกเสียงให้เรารู้ว่าคำภาษาอังกฤษคำนี้ออกเสียงอย่างไร ไม่ต้องมีคำอธิบายประกอบ เหมือนแบบเล่มกระดาษ
แต่การมาของมือถือหน้าจอสัมผัส แบบไอโฟน และแอฟริเคชั่น ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแบบดอกเห็น ก็เตะเจ้า talking dic ราคาแพงตกกระป๋องไปเช่นเดียวกัน เพราะคงไม่มีใครอยากที่จะพก talking dic ที่มีน้ำหนักมากไปไหนมาไหนอีกต่อไป เพราะปัจจุบันนี้ การมีมือถือเครื่องเดียวก็สามารถทำได้หลายอย่าง (ยิ่งตอนนี้มีai ยิ่งแล้วใหญ่เลย)
การมีแอปพลิเคชันพจนานุกรมบนมือถือทำให้การค้นหาความหมายของคำเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล, การทำงานเกี่ยวกับเอกสาร, หรือการสื่อสารกับคนอื่น ๆ, พวกเราสามารถค้นหาความหมายของคำได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดทำงานเพื่อหาหนังสือพจนานุกรม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่มีประโยชน์เช่นการอ่านคำออกเสียง, การแสดงคำที่เกี่ยวข้อง, และการแสดงตัวอย่างการใช้คำในประโยค
การเปลี่ยนแปลงของการใช้พจนานุกรมจากหนังสือเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือได้ทำให้การค้นหาความหมายของคำเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานหรือนักศึกษา, ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ แต่เรายังต้องระมัดระวังเรื่องของการใช้เวลาหน้าจอและการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ในทางกลับกัน, เราควรใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเราในการเรียนรู้และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และแข่งขันกับคนอื่นๆ
บทความต้นฉบับ:
https://www.blockdit.com/posts/6519928bb1ae20fbcf14e74d
เมื่อก่อนเคยใช้พจนานุกรม หาคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ตอนนี้ไม่มีใครใช้แล้ว?
ยังจำได้ดีตอนนี้สมัยเรียนมัธยมปลาย ต้องเอาพจนานุกรมภาษาอังกฤษ (บางครั้งก็ภาษาไทย) พกใส่กระเป๋าไปตลอด เพื่อเอาไปแปลงาน หรือเขียนกลอนสำหรับพจนานุกรม ภาษาไทย แต่สมัยนั้น แยกกันเลยนะ พจนานุกรม เราจะหมายถึง พจนานุกรมภาษาไทย ส่วนคำว่า ดิก หรือ dictionary เราจะถือว่าเป็นพจนานุกรมภาษาอังกฤษเท่านั้น
แอปพลิเคชันพจนานุกรมบนมือถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการศึกษา พวกเราสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อค้นหาความหมายของคำใหม่ ๆ ที่พวกเราพบเจอในการอ่านหนังสือหรือการศึกษา นอกจากนี้ยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อฝึกการออกเสียงคำใหม่ ๆ ด้วยฟีเจอร์การอ่านคำออกเสียง และยังสามารถใช้แอปพลิเคชันเพื่อศึกษาคำที่เกี่ยวข้องและการใช้คำในประโยคได้อีกด้วย
ที่กล่าวมาทั้งหมด dictionary แบบเดิม ๆ ที่ต้องพลิกหน้ากระดาษไปมา ไม่สามารถตอบโจทย์การศึกษาในยุคปัจจุบันได้อีกต่อไป แม้แต่ talking dictionary สมัยก่อนใครมีถือว่า เป็นคนมีเงินพอสมควรเลยทีเดียวเพราะว่า ราคาเหยียบหมื่นบาทเลย สมัยก่อนเงินหมื่นไม่ได้หามาได้ง่ายๆ ค่าเงินแพงกว่าปัจจุบันมาก แถมเจ้า talking dic นี้ยังมีแบบฝึกหัดให้ทำได้ด้วย ออกเสียงให้เรารู้ว่าคำภาษาอังกฤษคำนี้ออกเสียงอย่างไร ไม่ต้องมีคำอธิบายประกอบ เหมือนแบบเล่มกระดาษ
แต่การมาของมือถือหน้าจอสัมผัส แบบไอโฟน และแอฟริเคชั่น ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแบบดอกเห็น ก็เตะเจ้า talking dic ราคาแพงตกกระป๋องไปเช่นเดียวกัน เพราะคงไม่มีใครอยากที่จะพก talking dic ที่มีน้ำหนักมากไปไหนมาไหนอีกต่อไป เพราะปัจจุบันนี้ การมีมือถือเครื่องเดียวก็สามารถทำได้หลายอย่าง (ยิ่งตอนนี้มีai ยิ่งแล้วใหญ่เลย)
การมีแอปพลิเคชันพจนานุกรมบนมือถือทำให้การค้นหาความหมายของคำเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล, การทำงานเกี่ยวกับเอกสาร, หรือการสื่อสารกับคนอื่น ๆ, พวกเราสามารถค้นหาความหมายของคำได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดทำงานเพื่อหาหนังสือพจนานุกรม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่มีประโยชน์เช่นการอ่านคำออกเสียง, การแสดงคำที่เกี่ยวข้อง, และการแสดงตัวอย่างการใช้คำในประโยค
การเปลี่ยนแปลงของการใช้พจนานุกรมจากหนังสือเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือได้ทำให้การค้นหาความหมายของคำเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานหรือนักศึกษา, ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ แต่เรายังต้องระมัดระวังเรื่องของการใช้เวลาหน้าจอและการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ในทางกลับกัน, เราควรใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเราในการเรียนรู้และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และแข่งขันกับคนอื่นๆ
บทความต้นฉบับ: https://www.blockdit.com/posts/6519928bb1ae20fbcf14e74d