JJNY : ‘วันนอร์’ อวยพรปีใหม่ 67│‘ส.ส่งออกข้าวฯ’คาดปี 67 ส่งออก 7.5 ล.ตัน│อังกฤษประเมินรัสเซีย│“เซเลนสกี”ส่งข้อความปีใหม่

‘วันนอร์’ อวยพรปีใหม่ 67 ยันจะทำให้รัฐสภาเป็นที่พึ่งของประชาชน-เป็นกลาง
https://www.dailynews.co.th/news/3044822/

"ประธานรัฐสภา" อวยพรปีใหม่ 67 ยันจะทำให้รัฐสภาเป็นที่พึ่งของประชาชน-เป็นกลาง ชี้เกมในสภานับองค์ประชุม ขอปชช.อย่าเครียด
 
 
เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 67 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวอวยพรประชาชนเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2567 โดยขอให้ประชาชนคนไทยทุกคน มีสุขภาพอนามัยที่แข็งแรง มีความสุขความเจริญตลอดไป ทั้งนี้ตนในฐานะประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรจะพยายามทำให้รัฐสภาเป็นที่พึ่งของประชาชน และทำให้รัฐสภาเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่เป็นเพียงของสมาชิกรัฐสภา ทั้งวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นประชาชนที่ต้องการติดตามงานของรัฐสภาโดยสามารถติดตามชมได้ผ่านช่องสถานีโทรทัศน์รัฐสภา ช่อง 10 และสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา FM 87.5 Mhz เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ของสภาตลอดจนกฎหมาย และการทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาทุกคน เพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์และช่วยดูแลควบคุมฝ่ายบริหารให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ภาษีที่มาจากประชาชนได้ใช้ประโยชน์มากที่สุด 

ประธานรัฐสภา กล่าวว่า รัฐสภาจะทำหน้าที่ในการดูแลเพื่อให้ระบบประชาธิปไตยของประเทศไทยเดินไปข้างหน้าและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดและตลอดไป นอกจากนี้ยังขอให้ประชาชนได้ทำหน้าที่ของตัวเองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่แค่เลือกสส. เข้ามาทำหน้าที่แล้วจบ ขอให้ติดตามบทบาทการทำงานของรัฐสภาและรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของประชาชนเองซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก พร้อมกับขอให้ติดตามการประชุมอย่างตั้งใจ และอย่าไปมีความทุกข์อะไรมากเมื่อสภาถกเถียงกัน เพราะบางทีก็มีปัญหาในเรื่องของการท้วงติง หรือนับองค์ประชุม 

อยากให้เข้าใจว่าสภาเป็นเวทีถกเถียงตัดสิน หาทางออกให้กับประชาชน บางครั้งไม่สามารถตัดสินใจได้โดยง่าย เพราะสมาชิกมีถึง 500 คน และยังมีความแตกต่างกันด้วยนโยบายของแต่ละพรรคซึ่งไม่ใช่แค่สภาไทย ต่างประเทศก็เป็นเช่นนี้ แต่อยากให้ประชาชนสบายใจที่เรามีสภามาจากการเลือกตั้งโดยรัฐธรรมนูญแล้ว เชื่อมั่นว่าสภาเองก็จะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ผมในฐานะที่เป็นประธานในที่ประชุมและในนามของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นประธานในที่ประชุมทุกครั้ง ก็ยืนยันว่าจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของการประชุม ยึดมั่นความเป็นกลางเช่นกัน” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว



ซัพพลายมาก-คนซื้อน้อย! ‘ส.ส่งออกข้าวฯ’คาดปี 67 ไทยส่งออกข้าว 7.5 ล้านตัน-ราคากลับสู่ปกติ
https://www.isranews.org/article/isranews-news/125145-TREA-forecast-rice-export-67-news.html

‘นายก ส.ผู้ส่งออกข้าวฯ’ มองปี 67 ไทยส่งออกข้าวได้เพียง 7.5 ล้านตัน จากปี 66 ที่คาดว่าจะส่งออกได้ 8.8-8.9 ล้านตัน เหตุซัพพลายมาก แต่ผู้ซื้อน้อย จับตา ‘อินเดีย’ เลิกแบนส่งออก ‘ข้าวขาว’ หลังเลือกตั้งฯ ระบุราคาข้าวปีนี้ อาจไม่ดีเท่าปีที่แล้ว
...........................................
 
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ในปี 2566 คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 8.8-8.9 ล้านตัน เทียบกับปี 2565 ที่ไทยส่งออกข้าวได้ 7.69 ล้านตัน เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่ไม่ได้ซื้อข้าวมา 3 ปีแล้ว แต่ปีนี้มีการสั่งซื้อข้าวไทยเข้ามา เพราะสต็อกหมด และอินโดนีเซียใกล้เข้าสู่ช่วงการเลือกตั้ง จึงไม่ต้องการให้ข้าวในประเทศมีราคาแพง
 
ในปี 2566 คนมาซื้อข้าวเราเยอะขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ซื้อเยอะมาก เพราะเขากำลังจะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.2567 เขาไม่อยากให้ราคาสินค้าในประเทศสูง จึงมีการนำเข้ามากกว่าปกติมาก แล้วเราก็ต้องส่งออกภายใน ก.พ.2567 ด้วย เพราะที่โน่น เขาจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน มี.ค. และช่วงที่เขาเก็บเกี่ยว เขาจะไม่มีการนำเข้าข้าว จึงต้องเร่งกัน อย่างในเดือน ธ.ค.2566 ไทยอาจส่งออกข้าวได้มากถึง 8-9 แสนตัน” ร.ต.ท.เจริญ ระบุ
 
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า การส่งออกข้าวไทยในช่วง 11 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.2566) มีปริมาณ 7,945,767 ตัน มูลค่า 159,550 ล้านบาท (4,612 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น 14.7% และมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2565 ที่มีการส่งออกปริมาณ 6,924,919 ตัน มูลค่า 123,765 ล้านบาท (3,560 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
 
ร.ต.ท.เจริญ กล่าวว่า สำหรับปี 2567 คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้เพียง 7.5 ล้านตัน เนื่องจากอินเดียอาจกลับมาส่งออกข้าวขาวอีกครั้ง เพราะอินเดียจะมีการเลือกตั้งในเดือน เม.ย.-พ.ค.2567 จึงมีความเป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบาย อีกทั้งในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงการเก็บเกี่ยว หากผลผลิตข้าวของอินเดียออกมามาก ก็ต้องส่งออก ส่วนอินโดนีเซียที่สั่งซื้อข้าวในปีที่แล้วเป็นจำนวนมากนั้น หลังผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้ว อินโดนีเซียจะนำเข้าข้าวน้อยลง
 
ขณะที่เวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวที่สำคัญของโลกนั้น เมื่อปีที่แล้วเวียดนามปลูกข้าวเร็วกว่าเดือน 1 เดือนกว่า เพราะกลัวเรื่องน้ำเค็ม ดังนั้น ในช่วงเดือน ก.พ.2567 ข้าวฤดูกาลใหม่ของเวียดนามน่าจะออกแล้ว จากปกติที่ข้าวจะเริ่มออกเดือน เม.ย.2567 ทำให้ผลผลิตออกมาในช่วงต้นปีเป็นจำนวนมาก
 
ซัพพลายในตลาดมันเยอะ แต่คนซื้อมีน้อยลง” ร.ต.ท.เจริญ กล่าวสรุปถึงสาเหตุที่ทำให้ในปี 2567 ไทยอาจส่งออกข้าวได้เพียง 7.5 ล้านตัน พร้อมทั้งระบุว่า ในปี 2567 ยังคงมีหลายปัจจัยที่ยังคาดเดาไม่ได้ เช่น ความไม่สงบในทะเลแดง เพราะหากมีการจมเรือบรรทุกสินค้าลำเดียว ก็จะส่งผลกระทบต่อค่าระวางเรือทันที หรือแม้กระทั่งความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวันที่จะกระทบต่อการส่งออก ส่วนที่มีการพูดกันว่าข้าวจะขาดแคลน เพราะเอลนีโญ ก็อาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น

สินค้าก็ยังไม่ได้ขาดแคลน เหมือนที่พูดกันว่า มีเอลนีโญๆ อย่างปีนี้ผลผลิตของเราไม่ได้น้อยลงเท่าไหร่เลย ส่วนเวียดนามก็ค่อนข้างดี แต่ถ้าเดือน มิ.ย.-ก.ค.ฝนไม่มานั่นก็อีกเรื่องนะ อันนี้เราก็ไม่รู้ การค้าข้าว ค้าพืชไร่ มีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะ จะให้ราคาข้าวตัวเอง ดีๆ สูงๆ มันทำไม่ได้ ต้องดูตลาด ดูดีมานด์-ซัพพลาย ต้องดูผลผลิตของหลายประเทศ ไม่ใช่ดูแค่เราประเทศเดียว แล้วก็ต้องดูพืชทดแทนอื่นๆ เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี ว่าถูกหรือแพง” ร.ต.ท.เจริญ ระบุ

ร.ต.ท.เจริญ ยังกล่าวว่า “ราคาข้าวในปี 2567 อาจไม่ดีเมื่อเทียบกับปี 2566 เพราะปีที่แล้วต้องถือว่าราคาข้าวไม่ปกติ และที่ชาวนาขายข้าวเปลือก (ข้าวแห้ง) ได้ตันละ 12,000 บาท ก็ไม่เคยเห็นมา 10 กว่าปีแล้ว แต่ถ้าเป็นปีปกติน่าจะขายได้ตันละ 8,000-9,000 บาท แล้วก็ต้องดูสภาพของเงินบาทด้วย เพราะเงินบาทของเราเหวี่ยงมาก ขึ้นลงผิดปกติมาก อาทิตย์เดียวขึ้น 2-3% ลงไป 2-3% ทำให้การค้าขายทำกันลำบากมาก แล้วก็ไม่เห็นว่าแบงก์ชาติทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราว
 


อังกฤษประเมิน รัสเซียอาจเสียทหารครึ่งล้าน หากสู้ยูเครนถึง 2025
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/213669
  
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
กลาโหมอังกฤษประเมิน จำนวนทหารรัสเซียบาดเจ็บล้มตายจากการสู้รบในยูเครนอาจแตะหลัก 500,000 นาย หากสงครามยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 2025
กระทรวงกลาโหมอังกฤษได้เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์สู้รบในยูเครนที่ระบุว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทหารรัสเซียทั้งการบาดเจ็บและเสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยวันละเกือบ 300 คน ในช่วงตลอดทั้งปี 2023 ที่ผ่านมา
 
โดยกระทรวงกลาโหมอังกฤษเชื่อว่าตัวเลขการสูญเสียที่เพิ่มมากขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของกองทัพรัสเซียและการเปลี่ยนผ่านไปสู่กองทัพคุณภาพต่ำที่เน้นการใช้ปริมาณเป็นหลัก ซึงรัสเซียจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี ในการสร้างกองทัพที่ได้รับการฝึกอบรบขั้นสูงและมีประสบการณ์ในการรบ

ขณะที่ แกรนต์ แชป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุว่าหากกองทัพรัสเซียยังคงเผชิญความสูญเสียด้านกำลังพลในระดับนี้ต่อไป ทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะมีจำนวนมากถึง 500,000 แสนนาย เมื่อถึงปี 2025 ซึ่งจะเป็นปีที่ 3 ของการสู้รบในยูเครน
 
สำหรับจำนวนทหารที่บาดเจ็บและล้มตายในสมรภูมิยูเครนยังไม่มีฝ่ายใดออกมาให้ข้อมูลที่แน่ชัด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัสเซียหรือฝ่ายยูเครน แต่เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา มีรายงานที่อ้างแหล่งข่าวด้านข่าวกรองของสหรัฐฯที่ประเมินว่านับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นเมื่อ เดือน ก.พ.ปี 2022 รัสเซียสูญเสียทหารประมาณ 300,000 นาย ส่วนยูเครนสญเสียทหารประมาณ 180,000 นาย
 
โดยประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนประกาศว่า ยูเครน “จะเตรียมการผลิตอาวุธให้มากขึ้น” ในปี 2024 โดยขณะนี้กำลังงารประสานกับชาติพันธมิตรเพื่อตอบโจทย์ภานกิจของทหารทุกนายในสนามรบ
 
ขณะที่ในวันสุดท้ายของปี 2023 กองทัพอากาศยูเครนเปิดเผยว่าสามารถยิงโดรนที่รัสเซียส่งเข้ามาโจมตีได้21 ลำจากทั้งหมด 49 ลำ
 
นอกจากนี้ ในวันเสาร์ที่ผ่านมา รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 2 ลูกเข้าใส่เมืองคาร์คิฟซึ่งตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 21 คน
 
นายอิฮอร์ เทเรคอฟ นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ กล่าวว่า การโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียในช่วงคืนก่อนหน้า ทำให้อาคารหลายแห่งในเมืองเสียหาย โดยเป้าหมายการโจมตีทั้งหมดไม่ใช่พื้นที่ทางทหาร แต่เป็นร้านคาเฟ่ อาคารที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงานทั้งสิ้น”
 
การเดินหน้าโจมตีโดยรัสเซียเข้าใส่คาร์คิฟเกิดขึ้น หลังยูเครนทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่เมืองเบลโกรอดของรัสเซียในช่วงเช้าวันเสาร์ โดยเมืองดังกล่าวอยู่ใกล้กับพรมแดนยูเครน
 
กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่า เหตุการณ์นี้มีประชาชนอย่างน้อย 21 คน ซึ่งรวมถึงเด็ก 3 คน เสียชีวิตและมีผู้คนอย่างน้อย 110 คนที่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศครั้งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่