เมื่อวานผมได้นั่งคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่มีลูกกำลังเข้าสู่วัยรุ่น แกบ่นว่าอยากให้ลูกเป็นเหมือนเด็กฝรั่ง รับผิดชอบตัวเองได้ ผมเลยส่งบทความนึงที่เคยอ่านให้แกลองอ่านดู ซึ่งผมอ่านแล้วชอบมาก เลยขอลองมาแบ่งปันในนี้ดูเผื่อใครจะคิดยังไง
การเลี้ยงลูกแบบสังคมตะวันตก
บทความนี้เป็นบทความนอกเรื่องนะครับ เพียงแต่เป็นการแสดงความคิดเห็น จะเรียกว่าเป็นการวิพากษ์สังคมในอีกมุมหนึ่งก็คงได้
ผมเคยเขียนแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ก็อยากหยิบมาพูดอีกครั้ง
ช่วงนี้เพื่อนผมหลายคนเพิ่งจะมีลูก ลูกเพิ่งคลอด ทำให้ผมคิดอยากเขียนเรื่องนี้ ประเด็นนี้
ผมสังเกตว่าหลายๆ ครอบครัว ชอบบ่นเรื่องการเลี้ยงลูก เอาไปเปรียบเทียบกับสังคมตะวันตก บอกว่าเด็กฝรั่งต้องทำงาน หาเงินใช้เอง รับผิดชอบตัวเอง
ผมคิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีครับ เพียงแต่พ่อแม่ที่พูดอย่างนั้น ยกมาเพียงด้านเดียว ไม่ยกมาให้ครบทุกด้าน
บริบทของสังคมตะวันตก ไม่ใช่ว่าเด็กต้องรับผิดชอบตัวเองนะครับ แต่คือ “ทุกคน” ต้องรับผิดชอบตัวเอง เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเอง
เด็กวัยรุ่นต้องทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเรียน เก็บเงินซื้อของที่อยากได้ ไม่มีการแบมือขอเงินพ่อแม่ ถูกครับ
แต่ในขณะเดียวกัน คนแก่อายุ 70-80 ก็ต้องดูแลตัวเองนะ จะมาคาดหวังว่าลูกหลานจะส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน มาเยี่ยมทุกสัปดาห์ ไม่ได้นะครับ ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน
หากคุณเป็นพ่อแม่ และต้องการจะเลี้ยงลูกเหมือนสังคมตะวันตก เลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ขอให้ตระหนักข้อนี้เอาไว้ด้วย
อีกเรื่องที่ต้องรู้ก็คือ สังคมตะวันตก เขาไม่ได้ยึดถือเรื่องบุญคุณของพ่อแม่เหมือนสังคมไทยหรือสังคมเอเชียนะครับ
ตอนเด็กๆ ในวันพ่อ วันแม่ เราจะมีงานวันพ่อ วันแม่ รำลึกบุญคุณของพ่อแม่ แต่สังคมตะวันตก ไม่มีนะครับ (อาจจะมีวันพ่อและวันแม่ แต่ไม่ได้ซาบซึ้งเท่าของไทยแน่นอนครับ)
ฝรั่งหลายๆ คน มองเรื่องบุญคุณของพ่อแม่ คือ “You have fun, then you have me” ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ พวกคุณสนุกกัน ฉันถึงเกิดมา ไม่ใช่บุญคุณ แต่คือความรับผิดชอบ
ซึ่งข้อนี้ก็ต่างจากบริบทของสังคมไทยอีก
ผมเคยพูดกับรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งชอบบ่นลูกตัวเองว่ายังแบมือขอเงินพ่อแม่ อยากให้ทำงานพิเศษ หาเงินเอง รับผิดชอบตัวเอง
ผมพูดกับพี่เขาว่า
“พี่อยากจะเลี้ยงลูกแบบฝรั่งเลย ก็ได้นะ ผมสนับสนุน แต่ก่อนอื่นนะ พี่ต้องเอาความคิดที่ว่าพี่มีบุญคุณ ลูกพี่ต้องตอบแทนบุญคุณพี่ออกจากหัว พี่ต้องเลิกคิดว่าลูกพี่ต้องมาดูแลพี่ ความคิดเหล่านี้ต้องเอาออกไปจากหัวนะ พี่ต้องทำใจว่าตอนที่พี่แก่ตัว พี่ไม่สบาย ลูกพี่ไม่ว่างมาดูแลพี่ พี่ก็จะว่าลูกพี่ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นสิทธิของเขา”
“สิ่งที่พี่ต้องทำตอนนี้คือเก็บเงินให้ได้เยอะๆ เพราะตอนพี่แก่ตัวไป ลูกพี่ไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้พี่ทุกเดือน เขามีสิทธิใช้เงินที่หามาได้อย่างเต็มที่ พี่ต้องคิดว่าตอนแก่ๆ ถ้าพี่ไม่สบายพี่จะทำยังไง เพราะถ้าลูกพี่ไม่ว่าง เขามีสิทธิไม่มาดูแลพี่ และพี่ก็ว่าอะไรเขาไม่ได้ด้วย ถ้าพี่ทำได้ตามนี้ พี่เลี้ยงลูกได้แบบฝรั่งเลยครับ ลูกพี่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะมาแบมือขอเงินพี่ไม่ได้อีกต่อไป นี่ครับ คือการเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง”
ส่วนการเลี้ยงลูกแบบสังคมเอเชียหรือสังคมไทย พ่อแม่ต้องดูแลลูก ลูกยังต้องขอเงินพ่อแม่ แต่ข้อแตกต่างจากสังคมตะวันตกคือ ค่านิยมที่ว่าลูกต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ ต่อให้เงินเดือนน้อย ก็ต้องส่งเงินให้พ่อแม่ ดูแลพ่อแม่ ใครพาพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา จะถูกนินทา อับอายทันที ซึ่งอันนี้ สังคมตะวันตก ไม่มีนะครับ ถ้าอยากเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ต้องคิดถึงข้อนี้ด้วย
ที่ผมพูดอย่างนี้ ผมไม่ได้บอกว่าการเลี้ยงลูกแบบฝรั่งนั้นดีหรือไม่ดี และไม่ได้บอกว่าการเลี้ยงลูกแบบฝรั่งหรือเลี้ยงลูกแบบไทย แบบไหนดีกว่ากันนะครับ ผมเพียงแค่บอกให้ยกมาให้ครบทุกด้าน อย่ายกมาด้านเดียว
สำหรับพ่อแม่ที่เพิ่งมีลูก หรือลูกเข้าสู่วัยรุ่น อาจจะช่วงมัธยม ก่อนจะเอาลูกไปเทียบกับเด็กฝรั่ง ก็ขอให้คิดให้ดีก่อน เปรียบให้ครบทุกด้าน
ถ้าคุณตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลี้ยงลูกแบบเด็กฝรั่งจริง งั้นลูกคุณก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้ค่าขนม หรือถึงให้ ก็ให้แค่นิดเดียว ที่เหลือ ลูกคุณต้องไปทำงานพิเศษ เก็บเงินซื้อเอง คุณไม่จำเป็นต้องซื้อให้ ลูกคุณต้องรับผิดชอบตัวเองครับ
ถัดจากนั้น ตัวคุณก็ต้องเริ่มเก็บเงินครับ เพราะตอนที่คุณแก่ไป ลูกคุณไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้คุณครับ เขามีสิทธิใช้เงินที่เขาหามาได้อย่างเต็มที่ คุณต้องดูแลตัวเอง คุณต้องคิดต่อไปอีกว่าคุณจะอยู่ยังไง เพราะลูกคุณอาจจะมาเยี่ยมคุณแค่ปีละครั้ง หรือเต็มที่ไม่เกินสองครั้ง คุณรับได้มั้ย เพราะสังคมฝรั่งเขาเป็นอย่างนี้ครับ ถ้าคุณบอกโอเค ก็ลุยเลยครับ
แต่ถ้าคุณยังคงคาดหวังว่าลูกหลานต้องมาเลี้ยงดูคุณตอนแก่ ถ้าคุณยังบ่นลูกที่ยังไม่รับผิดชอบตัวเอง ไม่ทำงานบ้าน แต่กลับเรียกร้องให้ลูกมาดูแล พาไปนู่นไปนี่
อันนั้นคุณไม่ได้เลี้ยงลูกแบบฝรั่งนะครับ คุณแค่อยากให้ลูกรับผิดชอบตัวเอง ไม่เป็นภาระ แต่อยากให้ลูกดูแลคุณแบบไทย ซึ่งผมว่ามันไม่ค่อยโอเคนะ ถ้าจะเลี้ยงแบบไทยก็แบบไทยไปเลย ถ้าจะเลี้ยงแบบฝรั่ง ก็เอาให้มันสุดไปเลย
เรื่องนี้คนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่น คงต้องคิดให้ดีครับ
การเลี้ยงลูกแบบสังคมตะวันตก
การเลี้ยงลูกแบบสังคมตะวันตก
บทความนี้เป็นบทความนอกเรื่องนะครับ เพียงแต่เป็นการแสดงความคิดเห็น จะเรียกว่าเป็นการวิพากษ์สังคมในอีกมุมหนึ่งก็คงได้
ผมเคยเขียนแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ก็อยากหยิบมาพูดอีกครั้ง
ช่วงนี้เพื่อนผมหลายคนเพิ่งจะมีลูก ลูกเพิ่งคลอด ทำให้ผมคิดอยากเขียนเรื่องนี้ ประเด็นนี้
ผมสังเกตว่าหลายๆ ครอบครัว ชอบบ่นเรื่องการเลี้ยงลูก เอาไปเปรียบเทียบกับสังคมตะวันตก บอกว่าเด็กฝรั่งต้องทำงาน หาเงินใช้เอง รับผิดชอบตัวเอง
ผมคิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีครับ เพียงแต่พ่อแม่ที่พูดอย่างนั้น ยกมาเพียงด้านเดียว ไม่ยกมาให้ครบทุกด้าน
บริบทของสังคมตะวันตก ไม่ใช่ว่าเด็กต้องรับผิดชอบตัวเองนะครับ แต่คือ “ทุกคน” ต้องรับผิดชอบตัวเอง เด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเอง
เด็กวัยรุ่นต้องทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเรียน เก็บเงินซื้อของที่อยากได้ ไม่มีการแบมือขอเงินพ่อแม่ ถูกครับ
แต่ในขณะเดียวกัน คนแก่อายุ 70-80 ก็ต้องดูแลตัวเองนะ จะมาคาดหวังว่าลูกหลานจะส่งเงินให้ใช้ทุกเดือน มาเยี่ยมทุกสัปดาห์ ไม่ได้นะครับ ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน
หากคุณเป็นพ่อแม่ และต้องการจะเลี้ยงลูกเหมือนสังคมตะวันตก เลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ขอให้ตระหนักข้อนี้เอาไว้ด้วย
อีกเรื่องที่ต้องรู้ก็คือ สังคมตะวันตก เขาไม่ได้ยึดถือเรื่องบุญคุณของพ่อแม่เหมือนสังคมไทยหรือสังคมเอเชียนะครับ
ตอนเด็กๆ ในวันพ่อ วันแม่ เราจะมีงานวันพ่อ วันแม่ รำลึกบุญคุณของพ่อแม่ แต่สังคมตะวันตก ไม่มีนะครับ (อาจจะมีวันพ่อและวันแม่ แต่ไม่ได้ซาบซึ้งเท่าของไทยแน่นอนครับ)
ฝรั่งหลายๆ คน มองเรื่องบุญคุณของพ่อแม่ คือ “You have fun, then you have me” ถ้าแปลเป็นไทยก็คือ พวกคุณสนุกกัน ฉันถึงเกิดมา ไม่ใช่บุญคุณ แต่คือความรับผิดชอบ
ซึ่งข้อนี้ก็ต่างจากบริบทของสังคมไทยอีก
ผมเคยพูดกับรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งชอบบ่นลูกตัวเองว่ายังแบมือขอเงินพ่อแม่ อยากให้ทำงานพิเศษ หาเงินเอง รับผิดชอบตัวเอง
ผมพูดกับพี่เขาว่า
“พี่อยากจะเลี้ยงลูกแบบฝรั่งเลย ก็ได้นะ ผมสนับสนุน แต่ก่อนอื่นนะ พี่ต้องเอาความคิดที่ว่าพี่มีบุญคุณ ลูกพี่ต้องตอบแทนบุญคุณพี่ออกจากหัว พี่ต้องเลิกคิดว่าลูกพี่ต้องมาดูแลพี่ ความคิดเหล่านี้ต้องเอาออกไปจากหัวนะ พี่ต้องทำใจว่าตอนที่พี่แก่ตัว พี่ไม่สบาย ลูกพี่ไม่ว่างมาดูแลพี่ พี่ก็จะว่าลูกพี่ไม่ได้นะ เพราะมันเป็นสิทธิของเขา”
“สิ่งที่พี่ต้องทำตอนนี้คือเก็บเงินให้ได้เยอะๆ เพราะตอนพี่แก่ตัวไป ลูกพี่ไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้พี่ทุกเดือน เขามีสิทธิใช้เงินที่หามาได้อย่างเต็มที่ พี่ต้องคิดว่าตอนแก่ๆ ถ้าพี่ไม่สบายพี่จะทำยังไง เพราะถ้าลูกพี่ไม่ว่าง เขามีสิทธิไม่มาดูแลพี่ และพี่ก็ว่าอะไรเขาไม่ได้ด้วย ถ้าพี่ทำได้ตามนี้ พี่เลี้ยงลูกได้แบบฝรั่งเลยครับ ลูกพี่ก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง จะมาแบมือขอเงินพี่ไม่ได้อีกต่อไป นี่ครับ คือการเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง”
ส่วนการเลี้ยงลูกแบบสังคมเอเชียหรือสังคมไทย พ่อแม่ต้องดูแลลูก ลูกยังต้องขอเงินพ่อแม่ แต่ข้อแตกต่างจากสังคมตะวันตกคือ ค่านิยมที่ว่าลูกต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ ต่อให้เงินเดือนน้อย ก็ต้องส่งเงินให้พ่อแม่ ดูแลพ่อแม่ ใครพาพ่อแม่ไปอยู่บ้านพักคนชรา จะถูกนินทา อับอายทันที ซึ่งอันนี้ สังคมตะวันตก ไม่มีนะครับ ถ้าอยากเลี้ยงลูกแบบฝรั่ง ต้องคิดถึงข้อนี้ด้วย
ที่ผมพูดอย่างนี้ ผมไม่ได้บอกว่าการเลี้ยงลูกแบบฝรั่งนั้นดีหรือไม่ดี และไม่ได้บอกว่าการเลี้ยงลูกแบบฝรั่งหรือเลี้ยงลูกแบบไทย แบบไหนดีกว่ากันนะครับ ผมเพียงแค่บอกให้ยกมาให้ครบทุกด้าน อย่ายกมาด้านเดียว
สำหรับพ่อแม่ที่เพิ่งมีลูก หรือลูกเข้าสู่วัยรุ่น อาจจะช่วงมัธยม ก่อนจะเอาลูกไปเทียบกับเด็กฝรั่ง ก็ขอให้คิดให้ดีก่อน เปรียบให้ครบทุกด้าน
ถ้าคุณตั้งใจแน่วแน่ว่าจะเลี้ยงลูกแบบเด็กฝรั่งจริง งั้นลูกคุณก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเองแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องให้ค่าขนม หรือถึงให้ ก็ให้แค่นิดเดียว ที่เหลือ ลูกคุณต้องไปทำงานพิเศษ เก็บเงินซื้อเอง คุณไม่จำเป็นต้องซื้อให้ ลูกคุณต้องรับผิดชอบตัวเองครับ
ถัดจากนั้น ตัวคุณก็ต้องเริ่มเก็บเงินครับ เพราะตอนที่คุณแก่ไป ลูกคุณไม่จำเป็นต้องส่งเงินให้คุณครับ เขามีสิทธิใช้เงินที่เขาหามาได้อย่างเต็มที่ คุณต้องดูแลตัวเอง คุณต้องคิดต่อไปอีกว่าคุณจะอยู่ยังไง เพราะลูกคุณอาจจะมาเยี่ยมคุณแค่ปีละครั้ง หรือเต็มที่ไม่เกินสองครั้ง คุณรับได้มั้ย เพราะสังคมฝรั่งเขาเป็นอย่างนี้ครับ ถ้าคุณบอกโอเค ก็ลุยเลยครับ
แต่ถ้าคุณยังคงคาดหวังว่าลูกหลานต้องมาเลี้ยงดูคุณตอนแก่ ถ้าคุณยังบ่นลูกที่ยังไม่รับผิดชอบตัวเอง ไม่ทำงานบ้าน แต่กลับเรียกร้องให้ลูกมาดูแล พาไปนู่นไปนี่
อันนั้นคุณไม่ได้เลี้ยงลูกแบบฝรั่งนะครับ คุณแค่อยากให้ลูกรับผิดชอบตัวเอง ไม่เป็นภาระ แต่อยากให้ลูกดูแลคุณแบบไทย ซึ่งผมว่ามันไม่ค่อยโอเคนะ ถ้าจะเลี้ยงแบบไทยก็แบบไทยไปเลย ถ้าจะเลี้ยงแบบฝรั่ง ก็เอาให้มันสุดไปเลย
เรื่องนี้คนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่น คงต้องคิดให้ดีครับ