สวัสดีชาวพันทิปครับ...ก่อนจะไปเที่ยวกัน รีวิวนี้เป็นรีวิวสุดท้ายในปีนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมา ปีใหม่ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง ได้เที่ยวบ่อยๆนะครับ เอาล่ะไปเที่ยวกัน...ก่อนไปทริปนี้ผมสงสัยว่า “อุทัยทิพย์” เกี่ยวอะไรกับอุทัยธานีหรือเปล่า ระหว่างทริปก็หาข้อมูลไปเรื่อยจนสรุปในเบื้องต้นได้ว่า “ไม่รู้” อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้เพราะข้อมูลทางประวัติศาสตร์ย้อนมาไม่ถึง ไม่เป็นไรในเมื่อสรุปไม่ได้เรื่อง “อุทัยทิพย์” งั้นเราก็ทำ “อุทัยทริป” ของเราเองก็ได้
กระทู้นี้รวมทั้งที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ไว้หมดในกระทู้เดียวและ “มันยาวมาก” หากอ่านก่อนนอนสามารถหลับได้ในไม่เกิน 2 บรรทัด หากอ่านตอนท้องว่างอาจทำให้หิวได้ แนะนำให้พักผ่อน ทานอาหารให้พร้อมแล้วค่อยไปเที่ยวกันครับ
เดินทางวันแรกกะว่าจะไปชม “น้ำตกผาร่มเย็น” ก่อนแล้วค่อยไปพักแถวหุบป่าตาด น้ำตกผาร่มเย็นอยู่ริมถนนสาย 4004 ก่อนถึงน้ำตกทางอาจจะชันเล็กน้อยและค่อนข้างเปลี่ยวใช้ได้ รถผ่านไปผ่านมาน้อย(มาก) ทางเข้าน้ำตกอยู่ริมถนนมีทางเดินลงไปด้านล่าง
มองทางลงน้ำตกแล้ว “ไม่กล้าเดิน” ง่ะ ดูไม่ได้รับการดูแลใบไม้เต็มไปหมด ตรงนั้นก็ไม่มีใครเสียด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นมานี่ขอความช่วยเหลือยากแน่ไม่ลงดีกว่า ใกล้ๆทางเข้ามีห้องน้ำและลานนั่งพักอยู่ซึ่งมองเห็นน้ำตกได้จากตรงนี้
ขับรถย้อนกลับออกไปนิดหนึ่งมีจุดชมวิว เห็นมีหมา 2 ตัวนอนเล่นอยู่เลยรู้สึกปลอดภัยจอดรถลงไปชมวิวเสียหน่อย วิวสวยใช้ได้เลยครับกว้าง โปร่ง เห็นทิวเขาไกลๆ แถมเห็นน้ำตกผาร่มเย็นได้จากตรงนี้ด้วย สักพักหมาเห่า หันไปเห็นกำลังเห่างูเขียวตัวน้อยที่กำลังเลื้อยหนีไป เป็นสัญญาณว่า “ไปเถอะ”
มาถึงหุบป่าตาดบ่ายๆ ไว้เข้าชมหุบป่าตาดพรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้พักผ่อนก่อนข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กิน ผมพักที่ At the Mountain ที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าหุบป่าตาดนัก
At the Mountain มีห้องพักให้เลือกหลายแบบครับมีตั้งแต่ห้องริมสนามหญ้าจนถึงห้องพูลวิลล่าวิวเขาเต็มตา แน่นอนว่าระดับอย่างผมต้อง “ห้องริมสนามหญ้า” อยู่แล้วราคาที่ผมจ่ายไป 1800 บาท ก็ไม่ได้ถูกมาก ส่วนห้องพูลวิลล่านั้นราคา 4900...ก็ไม่นะ ไม่แพงเหรอ ป่าวอ่ะไม่มีตังค์ต่างหาก
ด้านหน้าของที่พักเป็นคาเฟ่และร้านอาหาร สามารถมานั่งทานอาหารหรือจิบเครื่องดื่มช่วงเย็นๆก็ไม่เลว ข้อดีอย่างหนึ่งของที่นี่คือมีภูเขา 2 ด้านทำให้ตอนเช้าแดดมาช้า ตอนเย็นแดดไปเร็ว
ห้องพักของผมคืนนี้คือห้องกล่องสีขาวๆข้างหน้านี่แหละครับ ขนาดของห้องไม่ใหญ่โตอะไรนักตกแต่งแบบมินิมอล เรียบง่าย เตียงนอนนุ่มใช้ได้เลยครับหมอนบางไปนิดสำหรับผม แอร์เย็นฉ่ำและตัวเลขบอกอุณหภูมิสว่างมาก ตอนกลางคืนอย่างกับเปิดไฟไว้
ห้องน้ำขนาดกระทัดรัดมีม่านกันน้ำแต่กันตรงประตู ดังนั้นอาบน้ำทีก็เปียกหมดแหละ จุดที่ควรปรับปรุงของห้องน้ำนี้คือกลิ่นจากท่อที่ย้อนขึ้นมา แรงประมาณหนึ่งไม่ถึงขนาดอยู่ไม่ได้แต่มันน่ารำคาญหน่อยครับ
ห้องครัวดูจะเป็นส่วนที่ว้าวที่สุดของห้องนี้ ห้องพักขนาดไม่ใหญ่แต่ห้องครัวใหญ่เกิดตัวขาดแค่เตาแก๊สก็เป็นครัวแบบสมบูรณ์ได้เลย ตู้เย็นขนาดใหญ่ มีจานชามช้อนให้ด้วยมีทั้งอ่างล้างจานและอ่างล้างมือในห้องเดียวกัน
ยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันก็สั่งมาทานเสียหน่อย จานที่ชอบเป็นข้าวผัดต้มยำไข่ดาว ข้าวผัดรสชาติจัดจ้านใช้ได้ เปรี้ยวเผ็ดมาครบหอมเครื่องต้มยำ ส่วนอาหารอื่นๆรสชาติกลางๆไม่มีอะไรเด่นมากนักครับ
แอบมาส่องห้องพูลวิลล่าหน่อย วิวจากห้องนี่สุดยอดจริงครับเขาปลาร้าแบบไม่มีอะไรบังเลย ห้องพูลวิลล่ามี 2 ห้องนะครับมีแนวต้นไม้เตี้ยๆช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น วิวตรงนี้กลางวันก็สวยยิ่งกลางคืนฟ้าโปร่งนี่ ดาวเต็มฟ้าเลยครับ
เป็นไงครับเต็มฟ้ามั้ยครับ ดาวเต็มฟ้า สวยเต็มตา และตุ่มเต็มตัวเลยครับยุงดุจริงกว่าจะถ่ายเสร็จก็คันจนชาไปทั้งตัว ไม่แน่ใจว่าถ้ายังอยู่ในฤดูล่าทางช้างเผือกตรงนี้จะเห็นหรือเปล่า
เช้าวันต่อมา อากาศดีมากออกไปเดินเล่นตรงสนามหญ้ากะจะไปเล่นกับหมา แต่หมาไม่เล่นด้วย หมาจะนอน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเหมือนประทัดหลายนัด คุยกับคุณป้าเจ้าของที่พักได้ความว่าเขาจุดไล่ลิงที่ลงมาจากบนเขา เมื่อก่อนตรงนี้เป็นพื้นที่ทางการเกษตรมักจะมีลิงลงมาหาของกิน ชาวบ้านเลยจุดประทัดไล่ ตอนนี้ที่ดินถูกขายไปทำรีสอร์ทแล้วหลายแปลงแต่ลิงก็ยังลงมาอยู่ ก็เลยยังต้องไล่กันอยู่
ไม่นานอาหารเช้าก็มาเสริฟถึงห้องเป็นข้าวต้มกับไข่กระทะง่ายๆ รสชาติทานได้ไม่มีอะไรโดดเด่น ทานข้าวเช้าเสร็จก่อนจะเก็บของออกเดินทางกันต่อ ขอไปเที่ยวหุบป่าตาดก่อนมาถึงนี่ถ้าไม่เที่ยวหุบป่าตาดนี่น่าจะไม่ได้
เมื่อคืนฝนตกลงมาชุดใหญ่ วันนี้หุบป่าตาดเลยชื้นและแฉะเป็นพิเศษ “หุบป่าตาด” เป็นป่าที่มีลักษณะคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ ตามคำบอกเล่าจากป้ายที่อยู่ในพื้นที่บอกว่าเมื่อก่อนหุบป่าตาดเป็นถ้ำมาก่อนจนกระทั่งผนังถ้ำรับน้ำหนักไม่ไหวเลยพังลงมา มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวพื้นที่ตรงนี้เลยเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างปิดมีความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี
ที่จอดรถของอุทยานค่อนข้างกว้างเลยครับจอดรถได้เยอะมีห้องน้ำไว้บริการอย่างดี ก่อนเข้าก็เสียเงินค่าเข้าก่อนคนไทยเด็ก 20 ผู้ใหญ่ 30 กำนัน 40...แฮร่ ไม่มี ส่วนชาวต่างชาติ เด็ก 200 ผู้ใหญ่ 400 กำนัน...เอ่อ ต่างชาติไม่มีกำนันมั้ง จ่ายเงินเรียบร้อยรับไฟฉายมาคนละ 1 กระบอก และเมื่อคืนฝนตกวันนี้ยุงออกหากินแน่นอนเลยซื้อซอฟเฟลมาฉีดป้องกันไว้ก่อน
ทางเข้าต้องเดินผ่านถ้ำ ซึ่งขาเข้ามัวแต่ตื่นเต้นเลยไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เอารูปขาออกมาให้ดูแล้วกันครับ ถ้าไม่ลึกมากนักแต่มืดตื๊ดตื๋อเลยและทางเดินออกจะลื่นนิดหน่อย พอเดินออกจากถ้ำมาสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปในทันที
หุบป่าตาด ชื่อก็มาจากลักษณะพื้นที่ตรงนี้เลยครับ หุบ แปลว่า ไม่กาง...อันนั้นคนละหุบ หุบคือภูมิประเทศที่เป็นแอ่งขนาบด้วยแผ่นดินสูง ภูเขาหรือเทือกเขา ส่วนป่าตาดก็มาตามต้นตาดที่ขึ้นอยู่อย่างมากมายในบริเวณนี้ ต้นตาดหรือต๋าวเป็นพืชตระกูลปาล์ม ต้นสูงแต่ไม่สูงเท่าปาล์ม
เส้นทางศึกษาธรรมชาติมีลักษณะเดินเป็นวงกลม ทางเดินดีเลยครับแต่พอเจอฝนเมื่อคืนกันก็ลื่นใช้ได้ บรรยากาศตอนนี้คือเย็นแต่ชื้นมาก ไม่ร้อนแต่เหงื่อแตก เส้นทางสวยเลยครับป่าขึ้นเขียวครึ้มไปหมด
เดินชมความเขียวครึ้มมาครู่เดียวก็ถึงปากต้ำอีกแห่ง จริงๆไม่น่าจะเป็นถ้ำน่าจะเป็นเพดานส่วนที่เหลือของถ้ำเดิมที่ไม่พังลงมา จุดเด่นของบริเวณนี้คือ “หินย้อยตามแสง” เช่นเวลาเราฉายไฟฉายไปซ้ายหินจะย้อยไปซ้าย ฉายไปขวาหินก็ย้อยไปขวา...จะบ้าเหรอ หินย้อยตามแสงคือ หินย้อยด้านที่เป็นส่วนปลายจะเอียงเข้าหาด้านที่มีแสงสว่าง เพราะสารละลายหินปูนที่หยดลงมามีการเจือปนโคลน รา แบคทีเรียต่างๆ ทำให้ด้านที่มีแสงสว่างโตได้เร็วกว่าด้านที่อยู่ในที่อับแสง
หุบป่าตาดนอกจากมีต้นไม้ให้ชมหลายชนิดแล้วยังมี “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ให้ชมด้วยแต่ตอนขาเข้าพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้อาจจะไม่เห็นเพราะเมื่อคืนฝนตกมาหนัก แล้วผมก็ไม่เห็นจริงๆนั่นแหล ว้า...เสียดาย
แต่ไม่เป็นไร พี่เจ้าหน้าที่เขาจับใส่กระบะไว้ให้ดูตัวหนึ่งตรงด้านหน้าจุดจำหน่ายบัตร ตัวเล็กสีชมพูตัดดำน่ารักดี เป็นอันจบทริปหุบป่าตาดแบบเหงื่อแตกเพราะชื้นเหลือเกิน แต่พอมันชื้นความเขียวก็เข้มขึ้นไปด้วยทำให้บรรยากาศการเดินเหมือนกลับไปโลกดึกดำบรรพ์จริงๆเลย...ทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้ว่าโลกดึกดำบรรพ์มันหน้าตาแบบนี้หรือเปล่า ไปครับเก็บของ เช็คเอาท์แล้วไปกันต่อ
v
v
v
v
v
v
v
หากชอบการรีวิวของผม ไปดูรีวิวที่ผมทำไว้ในช่องทางอื่นๆได้นะครับ แนะนำ คอมเม้นท์ตามสบายครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Facebook:
https://www.facebook.com/followmeonearth/
Website: www.Pratuneung.com
Lemon8 Application: @Pratuneung
Blockdit page: Followmeonearth
Blockdit page: Story Behind
[CR] รีวิว...เที่ยว "อุทัยธานี" ทริปเล็กๆในเมืองน่ารัก
สวัสดีชาวพันทิปครับ...ก่อนจะไปเที่ยวกัน รีวิวนี้เป็นรีวิวสุดท้ายในปีนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันมา ปีใหม่ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุข ร่างกายแข็งแรง ได้เที่ยวบ่อยๆนะครับ เอาล่ะไปเที่ยวกัน...ก่อนไปทริปนี้ผมสงสัยว่า “อุทัยทิพย์” เกี่ยวอะไรกับอุทัยธานีหรือเปล่า ระหว่างทริปก็หาข้อมูลไปเรื่อยจนสรุปในเบื้องต้นได้ว่า “ไม่รู้” อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้เพราะข้อมูลทางประวัติศาสตร์ย้อนมาไม่ถึง ไม่เป็นไรในเมื่อสรุปไม่ได้เรื่อง “อุทัยทิพย์” งั้นเราก็ทำ “อุทัยทริป” ของเราเองก็ได้
กระทู้นี้รวมทั้งที่เที่ยว ที่พัก ที่กิน ไว้หมดในกระทู้เดียวและ “มันยาวมาก” หากอ่านก่อนนอนสามารถหลับได้ในไม่เกิน 2 บรรทัด หากอ่านตอนท้องว่างอาจทำให้หิวได้ แนะนำให้พักผ่อน ทานอาหารให้พร้อมแล้วค่อยไปเที่ยวกันครับ
เดินทางวันแรกกะว่าจะไปชม “น้ำตกผาร่มเย็น” ก่อนแล้วค่อยไปพักแถวหุบป่าตาด น้ำตกผาร่มเย็นอยู่ริมถนนสาย 4004 ก่อนถึงน้ำตกทางอาจจะชันเล็กน้อยและค่อนข้างเปลี่ยวใช้ได้ รถผ่านไปผ่านมาน้อย(มาก) ทางเข้าน้ำตกอยู่ริมถนนมีทางเดินลงไปด้านล่าง
มองทางลงน้ำตกแล้ว “ไม่กล้าเดิน” ง่ะ ดูไม่ได้รับการดูแลใบไม้เต็มไปหมด ตรงนั้นก็ไม่มีใครเสียด้วยถ้าเกิดอะไรขึ้นมานี่ขอความช่วยเหลือยากแน่ไม่ลงดีกว่า ใกล้ๆทางเข้ามีห้องน้ำและลานนั่งพักอยู่ซึ่งมองเห็นน้ำตกได้จากตรงนี้
ขับรถย้อนกลับออกไปนิดหนึ่งมีจุดชมวิว เห็นมีหมา 2 ตัวนอนเล่นอยู่เลยรู้สึกปลอดภัยจอดรถลงไปชมวิวเสียหน่อย วิวสวยใช้ได้เลยครับกว้าง โปร่ง เห็นทิวเขาไกลๆ แถมเห็นน้ำตกผาร่มเย็นได้จากตรงนี้ด้วย สักพักหมาเห่า หันไปเห็นกำลังเห่างูเขียวตัวน้อยที่กำลังเลื้อยหนีไป เป็นสัญญาณว่า “ไปเถอะ”
มาถึงหุบป่าตาดบ่ายๆ ไว้เข้าชมหุบป่าตาดพรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้พักผ่อนก่อนข้าวกลางวันก็ยังไม่ได้กิน ผมพักที่ At the Mountain ที่อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าหุบป่าตาดนัก
At the Mountain มีห้องพักให้เลือกหลายแบบครับมีตั้งแต่ห้องริมสนามหญ้าจนถึงห้องพูลวิลล่าวิวเขาเต็มตา แน่นอนว่าระดับอย่างผมต้อง “ห้องริมสนามหญ้า” อยู่แล้วราคาที่ผมจ่ายไป 1800 บาท ก็ไม่ได้ถูกมาก ส่วนห้องพูลวิลล่านั้นราคา 4900...ก็ไม่นะ ไม่แพงเหรอ ป่าวอ่ะไม่มีตังค์ต่างหาก
ด้านหน้าของที่พักเป็นคาเฟ่และร้านอาหาร สามารถมานั่งทานอาหารหรือจิบเครื่องดื่มช่วงเย็นๆก็ไม่เลว ข้อดีอย่างหนึ่งของที่นี่คือมีภูเขา 2 ด้านทำให้ตอนเช้าแดดมาช้า ตอนเย็นแดดไปเร็ว
ห้องพักของผมคืนนี้คือห้องกล่องสีขาวๆข้างหน้านี่แหละครับ ขนาดของห้องไม่ใหญ่โตอะไรนักตกแต่งแบบมินิมอล เรียบง่าย เตียงนอนนุ่มใช้ได้เลยครับหมอนบางไปนิดสำหรับผม แอร์เย็นฉ่ำและตัวเลขบอกอุณหภูมิสว่างมาก ตอนกลางคืนอย่างกับเปิดไฟไว้
ห้องน้ำขนาดกระทัดรัดมีม่านกันน้ำแต่กันตรงประตู ดังนั้นอาบน้ำทีก็เปียกหมดแหละ จุดที่ควรปรับปรุงของห้องน้ำนี้คือกลิ่นจากท่อที่ย้อนขึ้นมา แรงประมาณหนึ่งไม่ถึงขนาดอยู่ไม่ได้แต่มันน่ารำคาญหน่อยครับ
ห้องครัวดูจะเป็นส่วนที่ว้าวที่สุดของห้องนี้ ห้องพักขนาดไม่ใหญ่แต่ห้องครัวใหญ่เกิดตัวขาดแค่เตาแก๊สก็เป็นครัวแบบสมบูรณ์ได้เลย ตู้เย็นขนาดใหญ่ มีจานชามช้อนให้ด้วยมีทั้งอ่างล้างจานและอ่างล้างมือในห้องเดียวกัน
ยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันก็สั่งมาทานเสียหน่อย จานที่ชอบเป็นข้าวผัดต้มยำไข่ดาว ข้าวผัดรสชาติจัดจ้านใช้ได้ เปรี้ยวเผ็ดมาครบหอมเครื่องต้มยำ ส่วนอาหารอื่นๆรสชาติกลางๆไม่มีอะไรเด่นมากนักครับ
แอบมาส่องห้องพูลวิลล่าหน่อย วิวจากห้องนี่สุดยอดจริงครับเขาปลาร้าแบบไม่มีอะไรบังเลย ห้องพูลวิลล่ามี 2 ห้องนะครับมีแนวต้นไม้เตี้ยๆช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น วิวตรงนี้กลางวันก็สวยยิ่งกลางคืนฟ้าโปร่งนี่ ดาวเต็มฟ้าเลยครับ
เป็นไงครับเต็มฟ้ามั้ยครับ ดาวเต็มฟ้า สวยเต็มตา และตุ่มเต็มตัวเลยครับยุงดุจริงกว่าจะถ่ายเสร็จก็คันจนชาไปทั้งตัว ไม่แน่ใจว่าถ้ายังอยู่ในฤดูล่าทางช้างเผือกตรงนี้จะเห็นหรือเปล่า
เช้าวันต่อมา อากาศดีมากออกไปเดินเล่นตรงสนามหญ้ากะจะไปเล่นกับหมา แต่หมาไม่เล่นด้วย หมาจะนอน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเหมือนประทัดหลายนัด คุยกับคุณป้าเจ้าของที่พักได้ความว่าเขาจุดไล่ลิงที่ลงมาจากบนเขา เมื่อก่อนตรงนี้เป็นพื้นที่ทางการเกษตรมักจะมีลิงลงมาหาของกิน ชาวบ้านเลยจุดประทัดไล่ ตอนนี้ที่ดินถูกขายไปทำรีสอร์ทแล้วหลายแปลงแต่ลิงก็ยังลงมาอยู่ ก็เลยยังต้องไล่กันอยู่
ไม่นานอาหารเช้าก็มาเสริฟถึงห้องเป็นข้าวต้มกับไข่กระทะง่ายๆ รสชาติทานได้ไม่มีอะไรโดดเด่น ทานข้าวเช้าเสร็จก่อนจะเก็บของออกเดินทางกันต่อ ขอไปเที่ยวหุบป่าตาดก่อนมาถึงนี่ถ้าไม่เที่ยวหุบป่าตาดนี่น่าจะไม่ได้
เมื่อคืนฝนตกลงมาชุดใหญ่ วันนี้หุบป่าตาดเลยชื้นและแฉะเป็นพิเศษ “หุบป่าตาด” เป็นป่าที่มีลักษณะคล้ายป่าดึกดำบรรพ์ ตามคำบอกเล่าจากป้ายที่อยู่ในพื้นที่บอกว่าเมื่อก่อนหุบป่าตาดเป็นถ้ำมาก่อนจนกระทั่งผนังถ้ำรับน้ำหนักไม่ไหวเลยพังลงมา มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวพื้นที่ตรงนี้เลยเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างปิดมีความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี
ที่จอดรถของอุทยานค่อนข้างกว้างเลยครับจอดรถได้เยอะมีห้องน้ำไว้บริการอย่างดี ก่อนเข้าก็เสียเงินค่าเข้าก่อนคนไทยเด็ก 20 ผู้ใหญ่ 30 กำนัน 40...แฮร่ ไม่มี ส่วนชาวต่างชาติ เด็ก 200 ผู้ใหญ่ 400 กำนัน...เอ่อ ต่างชาติไม่มีกำนันมั้ง จ่ายเงินเรียบร้อยรับไฟฉายมาคนละ 1 กระบอก และเมื่อคืนฝนตกวันนี้ยุงออกหากินแน่นอนเลยซื้อซอฟเฟลมาฉีดป้องกันไว้ก่อน
ทางเข้าต้องเดินผ่านถ้ำ ซึ่งขาเข้ามัวแต่ตื่นเต้นเลยไม่ได้ถ่ายภาพไว้ เอารูปขาออกมาให้ดูแล้วกันครับ ถ้าไม่ลึกมากนักแต่มืดตื๊ดตื๋อเลยและทางเดินออกจะลื่นนิดหน่อย พอเดินออกจากถ้ำมาสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปในทันที
หุบป่าตาด ชื่อก็มาจากลักษณะพื้นที่ตรงนี้เลยครับ หุบ แปลว่า ไม่กาง...อันนั้นคนละหุบ หุบคือภูมิประเทศที่เป็นแอ่งขนาบด้วยแผ่นดินสูง ภูเขาหรือเทือกเขา ส่วนป่าตาดก็มาตามต้นตาดที่ขึ้นอยู่อย่างมากมายในบริเวณนี้ ต้นตาดหรือต๋าวเป็นพืชตระกูลปาล์ม ต้นสูงแต่ไม่สูงเท่าปาล์ม
เส้นทางศึกษาธรรมชาติมีลักษณะเดินเป็นวงกลม ทางเดินดีเลยครับแต่พอเจอฝนเมื่อคืนกันก็ลื่นใช้ได้ บรรยากาศตอนนี้คือเย็นแต่ชื้นมาก ไม่ร้อนแต่เหงื่อแตก เส้นทางสวยเลยครับป่าขึ้นเขียวครึ้มไปหมด
เดินชมความเขียวครึ้มมาครู่เดียวก็ถึงปากต้ำอีกแห่ง จริงๆไม่น่าจะเป็นถ้ำน่าจะเป็นเพดานส่วนที่เหลือของถ้ำเดิมที่ไม่พังลงมา จุดเด่นของบริเวณนี้คือ “หินย้อยตามแสง” เช่นเวลาเราฉายไฟฉายไปซ้ายหินจะย้อยไปซ้าย ฉายไปขวาหินก็ย้อยไปขวา...จะบ้าเหรอ หินย้อยตามแสงคือ หินย้อยด้านที่เป็นส่วนปลายจะเอียงเข้าหาด้านที่มีแสงสว่าง เพราะสารละลายหินปูนที่หยดลงมามีการเจือปนโคลน รา แบคทีเรียต่างๆ ทำให้ด้านที่มีแสงสว่างโตได้เร็วกว่าด้านที่อยู่ในที่อับแสง
หุบป่าตาดนอกจากมีต้นไม้ให้ชมหลายชนิดแล้วยังมี “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ให้ชมด้วยแต่ตอนขาเข้าพี่เจ้าหน้าที่บอกว่าวันนี้อาจจะไม่เห็นเพราะเมื่อคืนฝนตกมาหนัก แล้วผมก็ไม่เห็นจริงๆนั่นแหล ว้า...เสียดาย
แต่ไม่เป็นไร พี่เจ้าหน้าที่เขาจับใส่กระบะไว้ให้ดูตัวหนึ่งตรงด้านหน้าจุดจำหน่ายบัตร ตัวเล็กสีชมพูตัดดำน่ารักดี เป็นอันจบทริปหุบป่าตาดแบบเหงื่อแตกเพราะชื้นเหลือเกิน แต่พอมันชื้นความเขียวก็เข้มขึ้นไปด้วยทำให้บรรยากาศการเดินเหมือนกลับไปโลกดึกดำบรรพ์จริงๆเลย...ทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้ว่าโลกดึกดำบรรพ์มันหน้าตาแบบนี้หรือเปล่า ไปครับเก็บของ เช็คเอาท์แล้วไปกันต่อ
v
v
v
v
v
v
v
หากชอบการรีวิวของผม ไปดูรีวิวที่ผมทำไว้ในช่องทางอื่นๆได้นะครับ แนะนำ คอมเม้นท์ตามสบายครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Facebook: https://www.facebook.com/followmeonearth/
Website: www.Pratuneung.com
Lemon8 Application: @Pratuneung
Blockdit page: Followmeonearth
Blockdit page: Story Behind
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น