ทริปอุทัยธานี 3 วัน 2 คืน เมืองรองที่มีเสน่ห์เกินคาด ขับรถทางไกลครั้งแรกกับฝีมือระดับแชมป์ปีนฟุตบาท...

เป็นการเขียนกระทู้เกี่ยวกับท่องเที่ยวครั้งแรก  เกิดจากคุณพ่อ พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่าอยากไปจังหวัดนึง นั่นคือ จ.อุทัยธานี
เพราะประมาณ 10-20  ปีก่อน พ่อไปเที่ยวทางเหนือกับเพื่อนแล้วเคยแวะแป๊บนึงที่นี่  
เราเลยทำการหาข้อมูล  เบื้องต้นรู้ว่า ไม่ใช่จังหวัดท่องเที่ยว ที่เค้าเรียกว่าเป็นเมืองรอง หรือเมืองผ่าน  
เลยค้นหา ที่เที่ยวดู ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เป็นเมืองสโลว์ไลฟ์ แบบบ้าน ๆ  มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ 
เลยเลือกอ. และที่เที่ยว ที่น่าจะเหมาะสมกับผู้สูงวัย (สว.)   และเป็นไปได้สำหรับเราผู้ซึ่งแทบไม่เคยขับรถไปไกลจากตะเข็บชายแดนกรุงเทพฝั่งธนฯ 
กำหนด 3 วัน 3  อ. คือ อ.เมือง  ,ลานสัก และ บ้านไร่ 
 เลือกพิกัดแล้ว ก็ดูที่พักที่ใกล้ ๆ กับแหล่งท่องเที่ยว  และร้านอาหาร 
  
ถามว่ารู้ทางที่จะไปมั๊ย ก็ปล๊าว...วว...  ก็ต้องใช้บริการพี่ GPS เจ้าประจำแหละนะ 
พอเริ่ม ดู GPS ก้อเริ่มคิดหนัก เพราะใช้เวลา 3 ชม. กว่า  กว่าจะถึงตัวเมืองอุทัย  และบางที่ก็ต้องขึ้นเขาหน่อย ๆ  กับฝึมือการขับรถระดับแชมป์ปีนฟุตบาทอย่างเรา...
 ก็ใส่ plan ไว้ ทั้ง 3 วัน ประมาณนี้
เอาหล่ะ  ทำการบ้านแล้ว  เรามาเริ่มกันเล้ยย...
  
อ้อ !  .. ขออนุญาต ออกตัวนิดนึง  ไปกับผู้ใหญ่  อาจจะไม่สะดวกในเรื่องถ่ายรูป  รูปอาจจะไม่ค่อยสวย  และถ่ายจากมือถือ หรือแคปมาจากที่ถ่ายวิดีโอ รวมถึงขออนุญาตปิดหน้าตาที่ถ่ายติดคนอื่นแบบเห็นหน้าชัดนะคะ
 ครั้งนี้ไปกับพ่อแม่ผู้มีพระคุณ ก็ย่อมต้องรัดกุมกว่าปกติ ตั้งใจสุด ๆ   และมีความคาดหวังอยู่บ้าง ว่าน่าจะออกมา ok เป็นที่ถูกใจของผู้ใหญ่
เตรียมตัวค่อนข้างพร้อม ยกเว้นเส้นทางต่าง ๆ ที่อาจจะต้องไปคลำเอา  และอาจจะต้องมีบางสถานการณ์ที่ต้องไปดูหน้างาน
 
กำหนดวัน คือ 19-21 พย.  (ส.-จ.) ลางานวันนึง
 แต่แล้ว พยากรณ์อากาศ ก็บอกว่า ช่วง 14-21 จะมีฝนตก  !  ทำเอาวิตก ว่าจะตกหนักหรือเปล่า ประกอบกับกรุงเทพ ก็ฝนตกฟ้าคะนองจริง ๆ 
พอถึงวันเดินทาง ปรากฏว่าอากาศแจ่มใส  ฤกษ์งามยามดี ตี 6  ออกเดินทาง

ที่แรกที่แวะเอาฤกษ์เอาชัย คือปั๊ม PTT ไชโยปิโตรเลียม อ่างทอง  รับอาหารเช้าเพิ่มพลังกาย และ อาศัยพลังน้ำจาก  Amazon
และ ออกเดินทางต่อ  ผ่านชัยนาท ถึง " วัดท่าซุง " ประมาณ 9.30  ตอนแรก เกิดความลังเล เพราะถนนด้านทางขวามีป้ายและซุ้มประตูวัดท่าซุง  แต่ใน GPS ยังไม่ถึง และจุดหมายอยู่ด้านซ้าย   เลยตัดสินใจ เลี้ยวเข้าถนนด้านขวา  ซึ่งมีป้ายเล็ก  ๆ เขียนอยู่หน้าซุ้ม ว่า วังมัจฉา  พอเข้าไป ก็เอ..ใช่ป่าวหว่า เลยถามผู้ที่ใส่ชุดขาวเหมือนมาปฏิบัติธรรม  เลยถึงบางอ้อ ว่า  วัดท่าซุง มีทั้ง 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา  ฝั่งนี้ มีที่เลี้ยงปลา  ส่วนวิหารแก้ว 100 ปี ต้องวิ่งตรงไปอีก และอยู่ด้านซ้าย     เราก็เลยขับออก  แล้วตรงไปอีกหน่อย  ถึงจุดหมายของ GPS   ซุ้มประตูอยู่ด้านซ้าย
 
 
   
(Noted : วิหารแก้ว มีเวลาเปิดปิด คือ 9.00-11.45  และ 14.00-16.00 น.)
 พอเข้าไปข้างในวิหารแก้ว โอ้โห !! ..... งดงามตระการตามาก  กับเสาประดับกระจก เป็นร้อย ๆ ต้น  สะท้อนวิบวับ ๆ ..!!
 กราบสักการะสังขารหลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ ผู้สร้างวัดท่าซุงนี้  และกราบไหว้พระพุทธชินราชจำลอง
ในบริเวณวัด ยังเป็นที่ตั้งของปราสาททองคำ  ที่นี่มีบริการรถรางนำไปส่งถึงหน้าปราสาท(ค่าบริการ ไป-กลับ 10 บาท) หรือจะเอารถไปจอดที่โน่นก็ได้
ด้านในวิหารทองคำ ก็สวยงาน  มีรับบัตร (เพื่อนับจำนวนคนในแต่ละวัน)
 มีหลายชั้น  เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปน้อยใหญ่ เป็นจำนวนมาก 
นอกจากนี้ ในบริเวณวัด  ยังเห็นเหมือนจะมีการก่อสร้างอะไรอีก 
 
ใช้เวลาสักพัก  ก็ย้อนกลับไปที่วังมัจฉา เพราะแม่อยากเลี้ยงปลา
 ปลาเยอะ และตัวใหญ่มาก  และมีบริการเรือนำเที่ยว
 
 
11 โมงครึ่ง ได้เวลาอาหารกลางวัน เราเลือกร้านที่ขึ้นชื่อว่าอร่อย คือ ร้านศาลาโค้ก
 ต้องจอดรถริมถนน  ภายในร้านปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทดี
 มาถึงอุทัย แน่นอน เมนูปลาแรดต้องมา  สั่งเป็น ปลาแรดทอดน้ำปลา  ปลาเนื้ออ่อนทอดฉู่ฉี่  ยำผักบุ้งกรอบ ต้มจืดผักบุ้งสาหร่าย 
สว. ชมว่าอร่อยมาก   ok  ผ่าน !!  ^^

เข้าเมืองกันล่ะ  แต่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน  เลยไป " วัดสะแกกรัง (วัดสังกัสรัตนคีรี) "  ก่อน
 วัดนี้ อาจจะเห็นผ่านตากันมาบ้าง กับรูป ที่พระสงฆ์ เดินลงมาจากวัดเรียงเป็นแถว ตามบันได 499 ขั้น โดยมีประชาชนรอตักบาตรเทโว อยู่ด้านล่าง 
พ่อบอกตอนที่เคยมา ได้เดินบันไดขึ้นไปถึงข้างบน  และอยากเดินขึ้นไปอีก  แต่เราว่าอย่าดีกว่า สังขารน่าจะไม่ได้นะพ่อนะ
 เค้ามีอีกทางให้รถขึ้น  โดยตั้ง GPS ให้ผ่านเข้าไปในสนามกีฬากลาง  และขับขึ้นไปเลย  ทางไม่ชันมาก

ข้างบนมีที่จอด  โบสถ์สวยงาม  มีศาลเจ้า มีพิพิธภัณฑ์ ที่บอกเรื่องราว รวมถึงผังเมืองของจ.อุทัย  และด้านบนนี้เป็นจุดชมวิวเมืองอุทัยทั้งเมือง

 
กลับมาที่จอดรถ เดินผ่านมาทางหลังซุ้มพระชนกจักรี  
 เราก็จะเข้าป่าไปตามหา " หมุดโลก "  ที่เค้าว่าเป็น 1 ใน 3 ของเอเชีย (อีก 2 ที่ คืออินเดีย และเวียดนาม)
 ข้อมูลบอกว่า สร้างขึ้น เพื่อใช้คำนวณ และแบ่งแนวเขตในการลงพิกัดแผนที่โลก และเป็นหลักฐานสำคัญในการสำรวจแผนที่ทางการทหาร
 
ระยะทางประมาณ 400 ม. ทางที่เดินก็ไม่ถือว่าลำบากมากนัก  เพียงแต่ เดินไปสักพัก ก็จะเริ่มชันไต่ระดับขึ้นไป สว.อาจจะเหนื่อยหน่อย เดินไปเรื่อย ๆ ไม่เจอใครเลย    เดิน ๆ ไป ก็คิดว่า 400 ม. แน่หรือ ??  ทำไมไกลจุง..
 
และแล้ว เราก็มาถึงกันจนได้  เป็นแท่งปูนวางเด่นอยู่อันเดียว  ก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วก็เดินกลับทางเก่า
 ขาลงเจอคนกลุ่มนึง 4-5 คน มีทั้งเด็ก และ วัยก็ใกล้ สว. เหมือนกัน  ต่างก็ถามว่าอีกไกลมั๊ย เหมือนเริ่มถอดใจกันแล้ว
 เราก็บอกว่าไม่ไกล เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงค่ะ
 
 
 

 
 เดี๋ยวมาต่อนะคะ  เราจะเข้าที่พักกัน และไปเดินตลาดกับถนนคนเดินตรอกโรงยา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่