พอใกล้ถึงช่วงปีใหม่ และเห็นน้องๆ จปร. ได้ติดยศร้อยตรีกันแล้ว
ก็แอบนึกถึงสมัยตัวเองตอนจบใหม่ๆเมื่อปี 63
ตอนนั้นจำได้ว่าจบไปลงหน่วย ร.29 พัน.2 ได้ 2 วันก็ได้รับภารกิจไปลาดตระเวนชายแดนไทย-พม่า แถวสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ในช่วงวันปีใหม่
ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค 63 ถึงวันที่ 2 ม.ค. 64
ที่ต้องไปลาดตระเวนในช่วงนี้เพราะว่าช่วงปีใหม่จะเป็นช่วงที่มีความล่อแหลมต่อการหลบหนีเข้ามาในไทย เพราะว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งไม่มีการแบ่งเขตแดนชัดเจนและพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นป่าทึบ
ตอนแรกก็รู้สึกกล้าๆกลัวๆว่าเพิ่งจบมาได้ 2 วันจะไปทำหน้าที่ตรงนั้นได้หรอ แต่ทีมงานคุณภาพ และนำทีมไปด้วยพีเจมส์ (พี่รุ่นติดกัน) ซึ่งเป็นชุดหน่วยทหารขนาดเล็กของกองพัน (ก็คือตอนนั้นเราเป็นเด็กใหม่สุดของทีม) ก็เลยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากที่ได้ไปทำภารกิจนี้
ในแต่ละวันจะต้องเดินลาดตระเวน รวมแล้วประมาณวันละ 15 กม. แต่เส้นทางที่เดินลาดตระเวน ขอบอกเลยว่าโหดมากกก!!! คือจะต้องเดินบนสันเขา บางจุดก็ต้องไต่ขึ้นไป บางจุดยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ต้องไหลตามน้ำหนัก บางจุดต้องวิ่งเทคแรงเพื่อให้เดินทางไปข้างหน้าได้ (ทางชันประมาณ 80 องศา)
นอกจากเส้นทางจะโหดแล้ว ประเด็นคือต้องแบกของเข้าไปนอนในป่าด้วย ของที่แต่ละคนแบกไปก็หนักประมาณ 15 กิโล มีทั้งปืน วิทยุสื่อสาร เสบียงอาหาร แล้วก็เครื่องนอน
จำได้ว่าอากาศช่วงนั้นหนาวมาก ประมาณ 5 - 16 องศา ลมก็แรงมากๆด้วย ตอนกลางคืนก็ต้องหาไม้มาก่อกองไฟเอาไว้ป้องกันสัตว์ป่าแล้วก็เพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง ต้องแบ่งผลัดกันเข้าเวร เพราะว่าต้องฟังวิทยุกับหน่วยข้างเคียง ( พัน.1, พัน.3 และ ตชด.) แต่ละวันได้นอนกันประมาณ 3-4 ชั่วโมงแค่นั้น
ถามว่าเหนื่อยไหมกับการปฏิบัติภารกิจแบบนี้บอกเลยว่าเหนื่อยมาก (แอบคิดในใจว่ากูมาทำอะไรที่นี่5555) แต่ถ้าเราไม่ทำก็จะยิ่งเปิดโอกาสให้ขบวนการต่างๆที่ส่งผลต่อความมั่นคงไม่ว่าจะ ด้านยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ มันขยายตัวได้ไว
แต่พอเดินทางมาถึงจุดพักบริเวณหน่วย ตชด.137 ห้วยคอกหมู ที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถมากางเต็นท์รับลมหนาว และชมวิวธรรมชาติได้ มีห้องน้ำบริการประชาชนใช้งานด้วยนะ
ก็จะมีประชาชนที่มาท่องเที่ยวเอาอาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ แล้วก็พวกของใช้จำเป็นต่างๆ พวกขี้ไต้ ไม้สน เอาไว้จุดไฟ แล้วเขาก็บอกกับเราว่า "ขอบคุณนะลูก ที่ช่วยดูแลประชาชน ปีใหม่แบบนี้ ไม่ได้กลับบ้านไปเจอครอบครัวเลยสิ ขอบคุณนะลูก" จังหวะนั้นคือแบบจะร้องไห้ มัน feel good มาก (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้)
ด้วยความที่เวลาเราเปิด social media ก็จะมีแต่ข่าวลบๆด้านไม่ดีของทหารเต็มไปหมด แต่พอเราไปทำภารกิจอยู่ตรงนั้นคนที่อยู่รอบตัวเขาไม่ได้มองเราเหมือนใน social media เลย แต่เวลาเราพูดถึงเรื่องนี้กี่ครั้งก็ยังรู้สึกน้ำตาจะไหลทุกครั้งที่ได้พูดถึง ขนาดพิมพ์อยู่ตอนนี้น้ำตาจะไหลเลย
ขอขอบคุณลุงป้าน้าอาน้องๆหนูๆ ทุกๆคน ในวันนั้นที่ได้มาเติมกำลังแรงกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา แล้วผมก็เชื่อว่า การให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ไม่วาจะด้วยสิ่งของ หรือ คำพูดให้กำลังใจ กับคนที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ (เหมือนกับสิ่งที่ผมเคยทำเมื่อ 3 ปีที่แล้ว) เขาก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม
อยากเชิญชวนให้ทุกๆคนที่ได้เห็นโพสต์โพสต์นี้ มาร่วม พิมพ์ comment ให้กำลังใจ ให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ด้วยกันนะครับ
สุขสันต์ปีใหม่ 2567 และขอเป็นกำลังใจผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนด้วยครับ
#สวัสดีปีใหม่2567
#ทหารชายแดน
จบนายร้อยได้ 2 วัน ต้องไปทำงานชายแดนไทย-พม่า
ก็แอบนึกถึงสมัยตัวเองตอนจบใหม่ๆเมื่อปี 63
ตอนนั้นจำได้ว่าจบไปลงหน่วย ร.29 พัน.2 ได้ 2 วันก็ได้รับภารกิจไปลาดตระเวนชายแดนไทย-พม่า แถวสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ในช่วงวันปีใหม่
ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค 63 ถึงวันที่ 2 ม.ค. 64
ที่ต้องไปลาดตระเวนในช่วงนี้เพราะว่าช่วงปีใหม่จะเป็นช่วงที่มีความล่อแหลมต่อการหลบหนีเข้ามาในไทย เพราะว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ทับซ้อนซึ่งไม่มีการแบ่งเขตแดนชัดเจนและพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นป่าทึบ
ตอนแรกก็รู้สึกกล้าๆกลัวๆว่าเพิ่งจบมาได้ 2 วันจะไปทำหน้าที่ตรงนั้นได้หรอ แต่ทีมงานคุณภาพ และนำทีมไปด้วยพีเจมส์ (พี่รุ่นติดกัน) ซึ่งเป็นชุดหน่วยทหารขนาดเล็กของกองพัน (ก็คือตอนนั้นเราเป็นเด็กใหม่สุดของทีม) ก็เลยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมามากที่ได้ไปทำภารกิจนี้
ในแต่ละวันจะต้องเดินลาดตระเวน รวมแล้วประมาณวันละ 15 กม. แต่เส้นทางที่เดินลาดตระเวน ขอบอกเลยว่าโหดมากกก!!! คือจะต้องเดินบนสันเขา บางจุดก็ต้องไต่ขึ้นไป บางจุดยืนอยู่เฉยๆไม่ได้ต้องไหลตามน้ำหนัก บางจุดต้องวิ่งเทคแรงเพื่อให้เดินทางไปข้างหน้าได้ (ทางชันประมาณ 80 องศา)
นอกจากเส้นทางจะโหดแล้ว ประเด็นคือต้องแบกของเข้าไปนอนในป่าด้วย ของที่แต่ละคนแบกไปก็หนักประมาณ 15 กิโล มีทั้งปืน วิทยุสื่อสาร เสบียงอาหาร แล้วก็เครื่องนอน
จำได้ว่าอากาศช่วงนั้นหนาวมาก ประมาณ 5 - 16 องศา ลมก็แรงมากๆด้วย ตอนกลางคืนก็ต้องหาไม้มาก่อกองไฟเอาไว้ป้องกันสัตว์ป่าแล้วก็เพิ่มความอบอุ่นให้กับตัวเอง ต้องแบ่งผลัดกันเข้าเวร เพราะว่าต้องฟังวิทยุกับหน่วยข้างเคียง ( พัน.1, พัน.3 และ ตชด.) แต่ละวันได้นอนกันประมาณ 3-4 ชั่วโมงแค่นั้น
ถามว่าเหนื่อยไหมกับการปฏิบัติภารกิจแบบนี้บอกเลยว่าเหนื่อยมาก (แอบคิดในใจว่ากูมาทำอะไรที่นี่5555) แต่ถ้าเราไม่ทำก็จะยิ่งเปิดโอกาสให้ขบวนการต่างๆที่ส่งผลต่อความมั่นคงไม่ว่าจะ ด้านยาเสพติด การหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ มันขยายตัวได้ไว
แต่พอเดินทางมาถึงจุดพักบริเวณหน่วย ตชด.137 ห้วยคอกหมู ที่เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถมากางเต็นท์รับลมหนาว และชมวิวธรรมชาติได้ มีห้องน้ำบริการประชาชนใช้งานด้วยนะ
ก็จะมีประชาชนที่มาท่องเที่ยวเอาอาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ แล้วก็พวกของใช้จำเป็นต่างๆ พวกขี้ไต้ ไม้สน เอาไว้จุดไฟ แล้วเขาก็บอกกับเราว่า "ขอบคุณนะลูก ที่ช่วยดูแลประชาชน ปีใหม่แบบนี้ ไม่ได้กลับบ้านไปเจอครอบครัวเลยสิ ขอบคุณนะลูก" จังหวะนั้นคือแบบจะร้องไห้ มัน feel good มาก (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้)
ด้วยความที่เวลาเราเปิด social media ก็จะมีแต่ข่าวลบๆด้านไม่ดีของทหารเต็มไปหมด แต่พอเราไปทำภารกิจอยู่ตรงนั้นคนที่อยู่รอบตัวเขาไม่ได้มองเราเหมือนใน social media เลย แต่เวลาเราพูดถึงเรื่องนี้กี่ครั้งก็ยังรู้สึกน้ำตาจะไหลทุกครั้งที่ได้พูดถึง ขนาดพิมพ์อยู่ตอนนี้น้ำตาจะไหลเลย
ขอขอบคุณลุงป้าน้าอาน้องๆหนูๆ ทุกๆคน ในวันนั้นที่ได้มาเติมกำลังแรงกำลังใจ ในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา แล้วผมก็เชื่อว่า การให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆแบบนี้ ไม่วาจะด้วยสิ่งของ หรือ คำพูดให้กำลังใจ กับคนที่กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ (เหมือนกับสิ่งที่ผมเคยทำเมื่อ 3 ปีที่แล้ว) เขาก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม
อยากเชิญชวนให้ทุกๆคนที่ได้เห็นโพสต์โพสต์นี้ มาร่วม พิมพ์ comment ให้กำลังใจ ให้ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ด้วยกันนะครับ
สุขสันต์ปีใหม่ 2567 และขอเป็นกำลังใจผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนด้วยครับ
#สวัสดีปีใหม่2567
#ทหารชายแดน