เห็นหลายกระทู้เล่าเรื่องตกงานพร้อมขอคำแนะนำทางออกที่ตกงานตอนอายุ35-40+หรือตกงานแล้วไม่มีทุนสำรองเลย เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ตกงานหลายๆครั้งของผมครับ ตกงาน+ไม่มีเงินเก็บ+ตัวคนเดียวในกรุงเทพฯ วิธีแก้ปัญหาของผมอาจจะใช้ไม่ได้กับทุกคนแต่ก็อยากเล่าครับอย่างน้อยก็ให้กำลังใจว่าทุกปัญหามีทางออกขอเพียงไม่ท้อ
ผมเรียนจบเพียง ม.ต้น(กศน)ไม่ใช่เพราะครอบครัวไม่พร้อมส่งเรียนนะครับ แต่ผมเกเรมากดีใจสุดๆตอนที่รู้ว่าไม่ต้องเรียนแล้ว(ชีวิตนี้เป็นของกรู)ออกโรงเรียนตอน ม.2 แต่ก็ยังไปเรียน กศน จนจบ ม.ต้น เพราะจะได้มีเรื่องออกบ้านวันอาทิตย์และเรียนตามเพื่อน ที่จริงผมเรียนดีมากและมีพรสวรรค์ทางด้านช่างมาแต่เด็กชอบรื้อแคะแกะเกาไปทั่วดีบ้างพังบ้าง
ช่วงอายุ16-21ปีก็ทำงานไปทั่วละครับ ก่อสร้างเป็นหลักพออายุ21ก็สมัครทหารเพราะอยากเป็นอายุ23ปลดมาก็ยังวนเวียนทำงานแถวบ้านสลับกับเข้ากรุงเทพ(ไปตามญาติหรือคนรู้จัก)จุดเปลี่ยนคือได้มาทำงานร้านแอร์แถวบ้านประมาณ1-2ปีก็เลยได้ทักษะช่างมาอีกมากโขเพราะทำงานแอร์ต้องเป็นเกือบสารพัดช่างครับ
จนอายุเกือบ30แล้วก็ต้องเข้ากรุงเทพทำก่อสร้างอีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกเบื่องานก่อสร้างแต่ถ้าเลิกทำก็ต้องกลับบ้าน ใจอยากอยู่กรุงเทพหางานทำ เลยไปที่จัดหางานใกล้ๆดูประกาศว่าที่ไหนมีพักให้ฟรี+เงินเบิกบ้าง(เลยรู้ว่าถ้าที่ไหนต้องการคนด่านจริงๆเค้าจะมาแปะใบประกาศสมัครงานที่จัดหางานด้วย) เจอเลยครับงาน รปภ.มีที่พักให้ฟรี+เบิกเงินทุกวัน(ตอนนั่นค่าแรง รปภ.วันละ230-250) ไปสมัครก่อนแล้วกลับมาเก็บของซึ่งมีแค่กระเป๋าใบเดียว(ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนอื่นว่าจะไปทำไม) สรุปได้ลงแถวๆสำโรงซึ่งตรงนั้นโรงงานเยอะมาก เงินได้เบิกจริงครับพอกินได้ทุกวันที่พักฟรีจริงแต่แออัดมาก(ก็ต้องทนคนร้อยพ่อพันแม่)พอเริ่มมีเงินก็หาห้องเช่าอยู่เริ่มรู้ในวงการ รปภ.ว่าหน่วยงานที่ไหนดี,บริษัทไหนดี
พอการเงินอยู่ตัวก็เริ่มหางานอื่นทำครับ งานโรงงาน งานโกดัง,งานออฟฟิศ,งานโรงแรมที่ไหนเค้ารับช่างแอร์ผมก็สมัครจะรับวุฒิอะไรก็ไม่สนผมสมัครด้วย ม.ต้น กศน นี่แหละ ก็รับหมดทุกที่นะแต่จะโดนกดเงินเดือนเพาะผมไม่มีวุฒิมารับรองความรู้ยิ่งทำก็ยิ่งมีความรู้ได้เจองานที่เราไม่เคยทำ ไม่ถูกใจก็ออก,ไม่พอใจออก,ได้งานไกลๆก็ทนนั่งรถเมล์ไปก่อนเงินออกค่อยไปหาเช่าบ้านไกล้ๆ(ผมไม่ค่อยสะสมสมบัติมีแค่เสื้อผ้าที่ต้องความจุไม่เกินกระเป๋า1ใบ,กระติกน้ำแข็ง,ทีวีก็ซื้อมือ2ถูกๆเวลาย้ายก็ทิ้งไม่เสียดายพัดลมก็หาขายคนข้างห้องถูกๆขายไม่ออกก็แถมให้เจ้าของหอไป
จุดไคลแม็กซ์อยู่ตรงที่ช่วงตกงานแล้วต้องหางานใหม่นี่ละครับ ช่วงอายุ30-37ที่เปลี่ยนงานบ่อยมาก มีที่นึงขัดใจกับหัวหน้าเรื่องวันลาออกมันซะเลย ทำไปเบื่อๆก็ออก(เลยมารู้ตัวเองว่าไม่เหมาะกับงานที่ต้องทำอะไรซ้ำๆเดิมๆทุกวันสายช่างซ่อมบำรุงน่าจะเหมาะ)
หลังจากตกงานถ้าคำนวนแล้วมีเงินกินมีเงินจ่ายค่าหอก็หางานอื่น(ผมตกงานไม่ค่อยเกินอาทิตย์เพราะไม่เลือกงาน)แต่ถ้าหางานยังไม่ได้ทุนก็ไกล้หมด รปภ.คืองานที่ช่วยชีวิตผมได้ทุกครั้ง มีเงินกินทุกวันถ้าจะตัดค่าเช่าหอก็คืนห้องแล้วไปอยู่ห้องฟรีของบริษัท(มีแค่กระเป๋าใบเดียว)สะสมทุนไว้เช่าห้องไว้กินแล้วก็หางานอื่นทำต่อ วนเวียนย้ายจนทั่ว กทม.ยาวไปจนถึง สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม อยุธยา สระบุรี บางครั้งตกงานแล้วผมนอนยาวๆเกือบครึ่งเดือนก็มีเงินไกล้หมดค่อยไปพึ่งงาน รปภ.อีกครั้ง บางทีก็เก็บกระเป๋าไปนั่งอยู่หมอชิตบ้างหัวลำโพงบ้างว่าจะกลับบ้านดีไหมแต่ก็คิดว่าถ้ากลับบ้านเดี๊ยวก็อยากมากรุงเทพอีก
ทุกวันนี้มามีครอบครัวที่ปราจีนบุรีบริษัทปัจจุบันทำมา5ปีแล้วครับ(เลิกห้าวกับการเปลี่ยนงานแล้วครับอายุ43แล้ว)งานที่ทำก็ได้สายซ่อมบำรุงถูกใจมีความสุขครับ
แค่อยากมาเล่าให้คนที่กำลังตกงานได้รู้ว่า ถ้าเราไม่เลือกงานเราก็ไม่มีวันตกงานแน่นอนครับ เข้าใจว่าแต่ละคนก็มีเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆในการเลือกทำงานไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณตั้งธงว่าต้องมีงานทำให้ได้ก่อนเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีข้าวกินเป็นอันดับแรก ผมเชื่อเหลือเกินว่าคุณคงไม่เลือกงาน เงื่อนไขต่างๆที่คุณตั้งไว้ในการหางานจะโดนปลดออกเพื่อให้คุณอยู่รอด ยิ่งทุกวันนี้การเข้าถึงข้อมูลหางานง่ายกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเป็นพันเท่า
สำหรับคนที่ตกงานแล้วมีเงินเก็บ อยากชิลๆเป็นนายตนเอง เปิดร้าน,ขายของออนไลน์ ผมอยากบอกว่าถ้าจะทำอะไรแล้วรู้ไม่ถึงแก่น+สายป่านไม่ยาวพอโอกาสล้มเหลวสูงครับ นอกเสียจากว่าสายป่านจะยาวพร้อมที่จะล้มลุกคลุกคลานกลิ้งไปกับมันหลายๆรอบ
ปล...คนบางคนก็เหมาะกับการเป็นลูกจ้างมากกว่าเป็นนายตัวเองครับ
ตกงานอย่าตกใจแม้ไม่มีเงินเก็บ
ผมเรียนจบเพียง ม.ต้น(กศน)ไม่ใช่เพราะครอบครัวไม่พร้อมส่งเรียนนะครับ แต่ผมเกเรมากดีใจสุดๆตอนที่รู้ว่าไม่ต้องเรียนแล้ว(ชีวิตนี้เป็นของกรู)ออกโรงเรียนตอน ม.2 แต่ก็ยังไปเรียน กศน จนจบ ม.ต้น เพราะจะได้มีเรื่องออกบ้านวันอาทิตย์และเรียนตามเพื่อน ที่จริงผมเรียนดีมากและมีพรสวรรค์ทางด้านช่างมาแต่เด็กชอบรื้อแคะแกะเกาไปทั่วดีบ้างพังบ้าง
ช่วงอายุ16-21ปีก็ทำงานไปทั่วละครับ ก่อสร้างเป็นหลักพออายุ21ก็สมัครทหารเพราะอยากเป็นอายุ23ปลดมาก็ยังวนเวียนทำงานแถวบ้านสลับกับเข้ากรุงเทพ(ไปตามญาติหรือคนรู้จัก)จุดเปลี่ยนคือได้มาทำงานร้านแอร์แถวบ้านประมาณ1-2ปีก็เลยได้ทักษะช่างมาอีกมากโขเพราะทำงานแอร์ต้องเป็นเกือบสารพัดช่างครับ
จนอายุเกือบ30แล้วก็ต้องเข้ากรุงเทพทำก่อสร้างอีกครั้ง ตอนนั้นรู้สึกเบื่องานก่อสร้างแต่ถ้าเลิกทำก็ต้องกลับบ้าน ใจอยากอยู่กรุงเทพหางานทำ เลยไปที่จัดหางานใกล้ๆดูประกาศว่าที่ไหนมีพักให้ฟรี+เงินเบิกบ้าง(เลยรู้ว่าถ้าที่ไหนต้องการคนด่านจริงๆเค้าจะมาแปะใบประกาศสมัครงานที่จัดหางานด้วย) เจอเลยครับงาน รปภ.มีที่พักให้ฟรี+เบิกเงินทุกวัน(ตอนนั่นค่าแรง รปภ.วันละ230-250) ไปสมัครก่อนแล้วกลับมาเก็บของซึ่งมีแค่กระเป๋าใบเดียว(ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนอื่นว่าจะไปทำไม) สรุปได้ลงแถวๆสำโรงซึ่งตรงนั้นโรงงานเยอะมาก เงินได้เบิกจริงครับพอกินได้ทุกวันที่พักฟรีจริงแต่แออัดมาก(ก็ต้องทนคนร้อยพ่อพันแม่)พอเริ่มมีเงินก็หาห้องเช่าอยู่เริ่มรู้ในวงการ รปภ.ว่าหน่วยงานที่ไหนดี,บริษัทไหนดี
พอการเงินอยู่ตัวก็เริ่มหางานอื่นทำครับ งานโรงงาน งานโกดัง,งานออฟฟิศ,งานโรงแรมที่ไหนเค้ารับช่างแอร์ผมก็สมัครจะรับวุฒิอะไรก็ไม่สนผมสมัครด้วย ม.ต้น กศน นี่แหละ ก็รับหมดทุกที่นะแต่จะโดนกดเงินเดือนเพาะผมไม่มีวุฒิมารับรองความรู้ยิ่งทำก็ยิ่งมีความรู้ได้เจองานที่เราไม่เคยทำ ไม่ถูกใจก็ออก,ไม่พอใจออก,ได้งานไกลๆก็ทนนั่งรถเมล์ไปก่อนเงินออกค่อยไปหาเช่าบ้านไกล้ๆ(ผมไม่ค่อยสะสมสมบัติมีแค่เสื้อผ้าที่ต้องความจุไม่เกินกระเป๋า1ใบ,กระติกน้ำแข็ง,ทีวีก็ซื้อมือ2ถูกๆเวลาย้ายก็ทิ้งไม่เสียดายพัดลมก็หาขายคนข้างห้องถูกๆขายไม่ออกก็แถมให้เจ้าของหอไป
จุดไคลแม็กซ์อยู่ตรงที่ช่วงตกงานแล้วต้องหางานใหม่นี่ละครับ ช่วงอายุ30-37ที่เปลี่ยนงานบ่อยมาก มีที่นึงขัดใจกับหัวหน้าเรื่องวันลาออกมันซะเลย ทำไปเบื่อๆก็ออก(เลยมารู้ตัวเองว่าไม่เหมาะกับงานที่ต้องทำอะไรซ้ำๆเดิมๆทุกวันสายช่างซ่อมบำรุงน่าจะเหมาะ)
หลังจากตกงานถ้าคำนวนแล้วมีเงินกินมีเงินจ่ายค่าหอก็หางานอื่น(ผมตกงานไม่ค่อยเกินอาทิตย์เพราะไม่เลือกงาน)แต่ถ้าหางานยังไม่ได้ทุนก็ไกล้หมด รปภ.คืองานที่ช่วยชีวิตผมได้ทุกครั้ง มีเงินกินทุกวันถ้าจะตัดค่าเช่าหอก็คืนห้องแล้วไปอยู่ห้องฟรีของบริษัท(มีแค่กระเป๋าใบเดียว)สะสมทุนไว้เช่าห้องไว้กินแล้วก็หางานอื่นทำต่อ วนเวียนย้ายจนทั่ว กทม.ยาวไปจนถึง สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม อยุธยา สระบุรี บางครั้งตกงานแล้วผมนอนยาวๆเกือบครึ่งเดือนก็มีเงินไกล้หมดค่อยไปพึ่งงาน รปภ.อีกครั้ง บางทีก็เก็บกระเป๋าไปนั่งอยู่หมอชิตบ้างหัวลำโพงบ้างว่าจะกลับบ้านดีไหมแต่ก็คิดว่าถ้ากลับบ้านเดี๊ยวก็อยากมากรุงเทพอีก
ทุกวันนี้มามีครอบครัวที่ปราจีนบุรีบริษัทปัจจุบันทำมา5ปีแล้วครับ(เลิกห้าวกับการเปลี่ยนงานแล้วครับอายุ43แล้ว)งานที่ทำก็ได้สายซ่อมบำรุงถูกใจมีความสุขครับ
แค่อยากมาเล่าให้คนที่กำลังตกงานได้รู้ว่า ถ้าเราไม่เลือกงานเราก็ไม่มีวันตกงานแน่นอนครับ เข้าใจว่าแต่ละคนก็มีเงื่อนไขและปัจจัยต่างๆในการเลือกทำงานไม่เหมือนกัน แต่ถ้าคุณตั้งธงว่าต้องมีงานทำให้ได้ก่อนเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีข้าวกินเป็นอันดับแรก ผมเชื่อเหลือเกินว่าคุณคงไม่เลือกงาน เงื่อนไขต่างๆที่คุณตั้งไว้ในการหางานจะโดนปลดออกเพื่อให้คุณอยู่รอด ยิ่งทุกวันนี้การเข้าถึงข้อมูลหางานง่ายกว่าเมื่อก่อนเป็นร้อยเป็นพันเท่า
สำหรับคนที่ตกงานแล้วมีเงินเก็บ อยากชิลๆเป็นนายตนเอง เปิดร้าน,ขายของออนไลน์ ผมอยากบอกว่าถ้าจะทำอะไรแล้วรู้ไม่ถึงแก่น+สายป่านไม่ยาวพอโอกาสล้มเหลวสูงครับ นอกเสียจากว่าสายป่านจะยาวพร้อมที่จะล้มลุกคลุกคลานกลิ้งไปกับมันหลายๆรอบ
ปล...คนบางคนก็เหมาะกับการเป็นลูกจ้างมากกว่าเป็นนายตัวเองครับ