เพื่อนๆ สังเกตเหมือนผมไหมครับ ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นจุดต่างว่าทำไม SME ยืนระยะได้ไม่นานเหมือนพวกธุรกิจแบรนด์ใหญ่
อย่างที่ได้กล่าวไปครับ ผมเคยเจอร้านอาหารของกินที่รอต่อแถวยาวเป็นหางว่าว ผมไม่ค่อยไปซื้อเท่าไหร่ เพราะไม่อยากรอนาน และผมคิดว่าสิ่งที่เป็นปัญหามาตลอดของ SME ขายดี คือแบกรับความสำเร็จไม่ทัน ที่ยิ่งลูกค้ามาก ระบบการบริหารจัดการในร้านสำคัญมากๆ ไม่งั้นจะวุ่นวายมาก สิ่งที่ตามมาคือคนขายหรือพนักงานตึงเครียด และเป็นที่มาของการบริการที่แย่ลงโดยปริยายครับ โดยเฉพาะธุรกิจที่เจ้าของทำเองเป็นหลัก
สิ่งที่ธุรกิจรายใหญ่ต่างไป คือ เขาเอาระบบมาครอบอีกที เดินไปตามระบบ เซตระบบออกแบบมาดีตั้งแต่แรก เวลาเจอลูกค้าเยอะๆ ระบบการบริการรองรับได้ทัน ผมไม่เคยเห็นเจ้าสัว ถึงกับมาลงมือทำเอง เห็นหน้าโฆษณาสินค้าบ่อยๆ เขาใช้วิธีใช้คนเก่งมาใส่ในระบบขับเคลื่อนธุรกิจของเขาเอา
และสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือ ร้านไหนพ่อค้าแม่ขายเริ่มขายดี เริ่มจะมีอัตตาในตัวเองสูงครับ ข้านี่ยิ่งใหญ่ จากแต่ก่อนร้านลูกค้าไม่เยอะ จะดูแลลูกค้าพูดจาดีบริการดี แต่พอลูกค้าเยอะจะไม่ค่อยง้อลูกค้าละ บางคนก็บอกว่ามันเป็นสไตล์ มันเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งมาจากกระแสคอนเท้น ต้องสร้างตัวตนแบบสุดโต่งเกินไป พูดหยาบแรงคนส่วนใหญ่ชอบเพราะอาจจะเข้าถึงได้ง่าย อะไรแบบนี้
แต่ถ้าเทียบกับพวกแบรนด์ใหญ่ๆ เพื่อนๆ สังเกตไหมครับว่า ผมไม่เห็นเลยนะครับเขาจะใช้กลยุทธ์แบบนั้น แปลกมาก พวกสินค้าแบรนด์เขาจะระมัดระวังเรื่องภาพลักษณ์มาก บางที่ลูกค้าคอมเพลนนิดหน่อย ถ้าเขาตรวจสอบว่าผิดพลาดเขาก็จะออกแถลงและชดเชยให้ลูกค้า แม้ว่าจะเป็นรายเล็กๆ ก็ตาม เวลาลูกค้าวิพากวิจารณ์ เขาจะไม่โต้ตอบทุกดอก แต่จะชี้แจงเป็นเคสๆ ไปอะไรประมาณนั้น เพราะภาพลักษณ์ กว่าจะสร้างไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลา เพราะภาพลักษณ์ คือ ความเชื่อใจของลูกค้า ผมก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไม่พวกแบรนด์ถึงอยู่ได้เป็นหลายๆสิบปีเป็นทศวรรษ รุ่นสู่รุ่นมหญ่ๆ
ผมเคยหลงไปร้านข้าวแกงขายดีเจ้าหนึ่งคือร้านแกเป็นห้องแถวขายดีมาก คนเยอะ แต่บริการ อัธยาศัยไม่ดีเลย เข้าไปในร้าน "จะเอาอะไร?" น้ำเสียงห้วนเหมือนจะชวนตีชวนทะเลาะ ทำหน้าบึ้งใส่ ผมก็คงเข้าใจว่าคนเยอะ น่าจะมองลูกค้าว่าของตายอยู่แล้ว หลังจากนั้นผมก็ไม่ไปซื้อซ้ำอีกเลย แต่ช่วงหลังโควิดผ่านไปก็เห็นปิดตัวไปละครับ
แต่กลับกันครับ ถ้าร้านไหนลูกค้าไม่เยอะ หรือไม่ค่อยมีลูกค้า จะต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีครับ เพราะอาจจะเพราะต้องการลูกค้า
คือเอาจริงๆ SME จะวัดว่าใครยืนระยะได้ดีก็ต้องวัดต้องลูกค้ามหาศาลแห่ใช้บริการพร้อมกันนี่แหละครับ ว่าเขาจะมีระบบดีพอหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เป็นเส้นผมบังผู้เขาที่ SME เกิดใหม่ขายดีคือ หลงระเริงในยอดขาย จนละเลยการพัฒนาระบบ เห็นบทเรียนมาพอสมควรเลยครับ ที่พ่อค้าแม่ขายดังมาจากคอนเท้นต์โซเชี่ยต่างๆ ปัง แล้วก็ดับหายไป เพราะยืนระยะไม่ได้ครับ
สรุปแบบนี้ครับ
SME จะยึดตัวบุคคลเจ้าของทำเป็นหลัก
ส่วนธุรกิจแบรนด์ใหญ่ จะยึดระบบการจัดการเป็นหลัก ส่วนเจ้าของเจ้าสัวนั่งไขว่ห้างดูบรรทัดสรุปสุดท้ายของบัญชี มีหน้าที่มองภาพรวม วางคนให้ถูกที่ Right Man Right Job
อันนี้ เป็น ยสตน. (ย้ำความเห็นส่วนตัวนะ)
เพื่อนๆ วิเคราะห์ และมีความเห็นอย่างไร?
เพื่อนๆ เคยสังเกตุไหม ร้าน SME โดยเฉพาะร้านอาหารของกิน ถ้าเริ่มขายดีคนแห่ซื้อเยอะแล้ว มักจะเริ่มบริการแย่ลง ไม่ง้อลูกค้า
เพื่อนๆ สังเกตเหมือนผมไหมครับ ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นจุดต่างว่าทำไม SME ยืนระยะได้ไม่นานเหมือนพวกธุรกิจแบรนด์ใหญ่
อย่างที่ได้กล่าวไปครับ ผมเคยเจอร้านอาหารของกินที่รอต่อแถวยาวเป็นหางว่าว ผมไม่ค่อยไปซื้อเท่าไหร่ เพราะไม่อยากรอนาน และผมคิดว่าสิ่งที่เป็นปัญหามาตลอดของ SME ขายดี คือแบกรับความสำเร็จไม่ทัน ที่ยิ่งลูกค้ามาก ระบบการบริหารจัดการในร้านสำคัญมากๆ ไม่งั้นจะวุ่นวายมาก สิ่งที่ตามมาคือคนขายหรือพนักงานตึงเครียด และเป็นที่มาของการบริการที่แย่ลงโดยปริยายครับ โดยเฉพาะธุรกิจที่เจ้าของทำเองเป็นหลัก
สิ่งที่ธุรกิจรายใหญ่ต่างไป คือ เขาเอาระบบมาครอบอีกที เดินไปตามระบบ เซตระบบออกแบบมาดีตั้งแต่แรก เวลาเจอลูกค้าเยอะๆ ระบบการบริการรองรับได้ทัน ผมไม่เคยเห็นเจ้าสัว ถึงกับมาลงมือทำเอง เห็นหน้าโฆษณาสินค้าบ่อยๆ เขาใช้วิธีใช้คนเก่งมาใส่ในระบบขับเคลื่อนธุรกิจของเขาเอา
และสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นคือ ร้านไหนพ่อค้าแม่ขายเริ่มขายดี เริ่มจะมีอัตตาในตัวเองสูงครับ ข้านี่ยิ่งใหญ่ จากแต่ก่อนร้านลูกค้าไม่เยอะ จะดูแลลูกค้าพูดจาดีบริการดี แต่พอลูกค้าเยอะจะไม่ค่อยง้อลูกค้าละ บางคนก็บอกว่ามันเป็นสไตล์ มันเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งมาจากกระแสคอนเท้น ต้องสร้างตัวตนแบบสุดโต่งเกินไป พูดหยาบแรงคนส่วนใหญ่ชอบเพราะอาจจะเข้าถึงได้ง่าย อะไรแบบนี้
แต่ถ้าเทียบกับพวกแบรนด์ใหญ่ๆ เพื่อนๆ สังเกตไหมครับว่า ผมไม่เห็นเลยนะครับเขาจะใช้กลยุทธ์แบบนั้น แปลกมาก พวกสินค้าแบรนด์เขาจะระมัดระวังเรื่องภาพลักษณ์มาก บางที่ลูกค้าคอมเพลนนิดหน่อย ถ้าเขาตรวจสอบว่าผิดพลาดเขาก็จะออกแถลงและชดเชยให้ลูกค้า แม้ว่าจะเป็นรายเล็กๆ ก็ตาม เวลาลูกค้าวิพากวิจารณ์ เขาจะไม่โต้ตอบทุกดอก แต่จะชี้แจงเป็นเคสๆ ไปอะไรประมาณนั้น เพราะภาพลักษณ์ กว่าจะสร้างไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลา เพราะภาพลักษณ์ คือ ความเชื่อใจของลูกค้า ผมก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไม่พวกแบรนด์ถึงอยู่ได้เป็นหลายๆสิบปีเป็นทศวรรษ รุ่นสู่รุ่นมหญ่ๆ
ผมเคยหลงไปร้านข้าวแกงขายดีเจ้าหนึ่งคือร้านแกเป็นห้องแถวขายดีมาก คนเยอะ แต่บริการ อัธยาศัยไม่ดีเลย เข้าไปในร้าน "จะเอาอะไร?" น้ำเสียงห้วนเหมือนจะชวนตีชวนทะเลาะ ทำหน้าบึ้งใส่ ผมก็คงเข้าใจว่าคนเยอะ น่าจะมองลูกค้าว่าของตายอยู่แล้ว หลังจากนั้นผมก็ไม่ไปซื้อซ้ำอีกเลย แต่ช่วงหลังโควิดผ่านไปก็เห็นปิดตัวไปละครับ
แต่กลับกันครับ ถ้าร้านไหนลูกค้าไม่เยอะ หรือไม่ค่อยมีลูกค้า จะต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดีครับ เพราะอาจจะเพราะต้องการลูกค้า
คือเอาจริงๆ SME จะวัดว่าใครยืนระยะได้ดีก็ต้องวัดต้องลูกค้ามหาศาลแห่ใช้บริการพร้อมกันนี่แหละครับ ว่าเขาจะมีระบบดีพอหรือไม่
สิ่งหนึ่งที่เป็นเส้นผมบังผู้เขาที่ SME เกิดใหม่ขายดีคือ หลงระเริงในยอดขาย จนละเลยการพัฒนาระบบ เห็นบทเรียนมาพอสมควรเลยครับ ที่พ่อค้าแม่ขายดังมาจากคอนเท้นต์โซเชี่ยต่างๆ ปัง แล้วก็ดับหายไป เพราะยืนระยะไม่ได้ครับ
สรุปแบบนี้ครับ
SME จะยึดตัวบุคคลเจ้าของทำเป็นหลัก
ส่วนธุรกิจแบรนด์ใหญ่ จะยึดระบบการจัดการเป็นหลัก ส่วนเจ้าของเจ้าสัวนั่งไขว่ห้างดูบรรทัดสรุปสุดท้ายของบัญชี มีหน้าที่มองภาพรวม วางคนให้ถูกที่ Right Man Right Job
อันนี้ เป็น ยสตน. (ย้ำความเห็นส่วนตัวนะ)
เพื่อนๆ วิเคราะห์ และมีความเห็นอย่างไร?