วิโรจน์ ยันไม่ค้านทักษิณอยู่รพ. แต่เรื่องนี้ต้องมาตรฐานเดียว อย่าเจอครหา คุกมีไว้ขังคนจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4344560
วิโรจน์ ย้ำระเบียบราชทัณฑ์ เปิดช่องวิ่งเต้น นักโทษคุมขังนอกเรือนจำ ยันไม่ค้านทักษิณอยู่รพ. แต่เรื่องนี้ต้องมาตรฐานเดียว
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2566 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวิตข้อความแสดงความคิดเห็น กรณีที่ครบ 120 วัน การรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยยืนยันว่า
“ผมไม่ได้แย้ง ที่คุณทักษิณได้รับการรักษาตัวที่ รพ. ภายนอก ที่มีศักยภาพสูงกว่า รพ.ราชทัณฑ์
เพียงแต่ต้องการระเบียบหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เพื่อนักโทษทุกคน เช่น ถ้าหากเจ็บป่วยด้วยโรคที่ รพ.ราชทัณฑ์ ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง หรือไม่มีเครื่องมือรักษา ก็จะส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ภายนอก ทันที
และสำหรับ ชั้น 14 ที่ รพ.ตำรวจ หากยืนยันว่า ไม่ใช่ห้องพิเศษ อย่างที่เคยเป็นมา ก็ควรระบุให้ชัดว่า เป็นสถานพยาบาลเพื่อรักษาโรคประเภทใด
เพื่อให้ผู้ต้องหารายอื่น ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่คล้ายกัน สามารถแสดงความประสงค์ที่จะขอเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจได้
เรื่องกักขังนอกเรือนจำ ผมเห็นด้วยกับคุณภูมิธรรม เวชยชัย ในหลักการ เพียงแต่ชี้ว่า ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมา นั้นมีช่องให้เกิดการวิ่งเต้น และเรียกรับผลประโยชน์ เนื่องจากการตัดสินใจจะอยู่ที่คณะทำงาน ที่ประกอบด้วยผู้ใต้บังคับบัญชา และคนภายนอกที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง
และยังให้อำนาจแก่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ชี้ขาดว่าใครจะได้รับการกักขังนอกเรือนจำ
ถ้าปล่อยให้ระเบียบเป็นเช่นนี้ ผู้มีอิทธิพล มาเฟียข้ามชาติ ที่ร่ำรวย จะสามารถออกใบสั่งกดดัน หรือจ่ายส่วย ให้ตนเอง หรือพวกของตน ให้ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำได้
ระเบียบการกักขังนอกเรือนจำ อาจกลายเป็นระเบียบคุกมีไว้ขังคนจนได้
ผมจึงเห็นว่า ควรทำหนังสือถึง ป.ป.ช. ให้ ป.ป.ช. พิจารณาใช้อำนาจตาม ม.32 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. และทำถึงผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาใช้อำนาจตาม ม.22,32,33 ของ พ.ร.ป. ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอแนะแก้ไขระเบียบดังกล่าว เพื่อปิดช่องการทุจริต และความไม่เป็นธรรม
ต้องย้ำๆๆ ว่าผมไม่ได้คัดค้านไม่ให้คุณทักษิณได้รับการรักษาที่ รพ. ภายนอก ที่มีศักยภาพ หรือไม่ได้รับสิทธิในการถูกคุมขังภายนอก
แต่ต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน ที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้กับผู้ต้องขังรายอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
ความไม่เป็นธรรมที่เกิดกับคุณทักษิณ คือ การบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน และการเลือกปฏิบัติ ซึ่งคุณทักษิณควรได้รับความเป็นธรรม
เพื่อให้สิ่งที่คุณทักษิณได้รับ เป็น ความเป็นธรรม ไม่ใช่อภิสิทธิ์ จึงควรกำหนดระเบียบให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ได้ใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกัน
https://twitter.com/wirojlak/status/1738378787753230544
เปิดผลสำรวจ Line Today ยก ‘พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ คดีหุ้น ITV’ ที่สุดข่าวแห่งปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4344647
เปิดผลสำรวจ Line Today ยก ‘พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ คดีหุ้น ITV’ ที่สุดข่าวแห่งปี
ประกาศผลโหวตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับผลโหวตของ Line Today Poll of the Year 2023 ที่เปิดให้โหวตตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม – 20 ธันวาคมสำหรับ ข่าวแห่งปี มีผู้เข้าร่วมโหวตราวๆ 6,100 คน อันดับ 1 ได้แก่
พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ คดีหุ้น ITV หยุดปฏิบัติหน้าที่ 28.03% 2.สงครามอิสราเอล – ฮามาส 10.18% 3.เยาวชน 14 กราดยิงพารากอน 10.1% , 4.
ชูวิทย์ แฉตู้ห่าว แฉคนมีชื่อเสียง 8.94% , 5.
ทักษิณ ชินวัตร กลับไทยในรอบ 17 ปี 8.68% , 6.คดีกำนัน
นก – สารวัตร
ศิว 8.38% , 7.เพื่อไทย-พรรคร่วม ตั้งรัฐบาล –
เศรษฐา นายกฯ คนที่ 30 5.88% , 8.หมอ
กฤตไท เพจสู้ดิวะ ป่วยมะเร็ง 4.4% , 9.เสี่ย
แป้ง นาโหนด แหกคุก 3.65% และ 10.เรือดำน้ำไททันระเบิดสูญหาย 2.18%
นักการเมืองแห่งปี มีผู้ร่วมโหวตถึง 16,000 คน อันดับ 1 ได้แก่
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 5,897 คะแนน ที่ 36.35% , 2.
เศรษฐา ทวีสิน 16.5% ที่ 2,677 คะแนน ,3.
วราวุธ ศิลปอาชา 13.4% ที่ 2,173 คะแนน ,4.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา 1,983 คะแนน ที่ 12.22% , 5.
ชาดา ไทยเศรษฐ์ 890 คะแนน
ที่ 5.49%
ขณะที่ Soft Power แห่งปี มีผู้เข้าร่วมโหวตราว 2,100 คน โดย อันดับ 1 ได้แก่ กางเกงช้าง 26.94% ตามด้วยข้าวเหนียวมะม่วง 17.96% , 3.สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทย พระพรหม พระแม่ลักษมี 8.84% , 4.หมูกระทะ 8.52% และ สตรีทฟู้ด 8.43%
ผลโหวตข่าวกีฬาแห่งปี 2566 นั้น อันดับ 1 ได้แก่ วอลเลย์บอลหญิงไทย ผลงานโดดเดน ได้ใจคนทั้งประเทศ 29.15% ตามมาด้วยอันดับ 2 เทนนิส พานิภัค นักเทควันโด โดนโกงจนเกือบไม่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 17.48% และ 3.วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คว้าแชมป์ชายเดี่ยว สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก 13.76%
สำหรับข่าวบันเทิงแห่งปี 2566 มีผู้ร่วมโหวต 4,800 คน พบว่าอันดับ 1.ได้แก่
แอนโทเนีย คว้ารอง 1 มิสยูนิเวิร์ส , 2.
นนกุล-แอฟ เปิดใจกำลังคุยกันอยู่ , 3.
ต้องเต ผู้กำกับหนัง สัปเหร่อ รายได้หลายร้อยล้าน 9.34%
หมวด แฮชแท็กแห่งปี มีผู้ร่วมโหวต 7,300 ครั้ง อันดับ 1 ได้แก่ #อิงฟ้ามหาชน 43.32% อันดับ 2 ได้แก่ #นายกคนที่ 30 และ 3.ได้แก่ #เลือกตั้ง66
ด้านศิลปินแห่งปี มีผู้ร่วมโหวตมากถึง 83,000 คน อันดับ 1 ได้แก่ พีพี -กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ที่ 39.81% ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่ 36.13% ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ BUS-Because of You I Shine ที่ 5.76%
ขณะที่ ศิลปิน Pop Corner แห่งปี 2566 อันดับ 1 ได้แก่ 1.Jeff Satur 42.03% อันดับ 2 ได้แก่ LYKN 14.02% และอันดับ 3 ได้แก่ Proxie
ทุเรียนไทยเจอศึกรอบทิศ “เวียดนาม-มาเลย์” แข่งส่งออกจีน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1465733
ทุเรียนเวียดนามแรงจัด ยอดส่งออกจีนโตก้าวกระโดด แย่งตลาดทุเรียนไทย เผย 10 เดือนแรกปีนี้ทะลุ 5.4 หมื่นล้านบาท ล้ง “จีน-ไทย” แห่โยกฐานลงทุนเวียดนาม เพิ่ม 300-500 ราย เผยจุดแข็งต้นทุนต่ำ พื้นที่ใกล้จีนค่าขนส่งถูกกว่าไทยมาก แถมล่าสุดเวียดนามเตรียมยื่นขอส่งออก “ทุเรียนแช่แข็ง” เจาะตลาดจีนเพิ่ม จับตาหลายประเทศเจรจาขอส่งทุเรียนสดเข้าจีน ขณะที่มาเลเซียเตรียมส่ง “ทุเรียนมูซังคิง” บุกตลาดจีนพฤษภาคม 2567
ผู้สื่อข่าว “
ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากการเปิดเผยข้อมูลของศุลกากรจีนระบุว่า ปี 2565 จีนนำเข้าทุเรียนมากเป็นอันดับ 1 ปริมาณรวม 825,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.43 แสนล้านบาท ที่น่าสนใจคือ ผลไม้และทุเรียนเวียดนามที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 10 เดือนแรกของปี 2566 จีนนำเข้าทุเรียนเวียดนามรวมอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 5.43 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3,084%
ล้งจีน-ไทย โยกบุกเวียดนาม
นาย
ณัฐกฤษฎ์ โอฬารหิรัญรักษ์ รองนายกสมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีนและเจ้าของโรงงานคัดและบรรจุทุเรียน จ.จันทบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์ทุเรียนในเวียดนาม ที่เป็นคู่แข่งกับทุเรียนไทย ล่าสุดมีนายทุนจีน เวียดนาม รวมถึงนายทุนคนไทย ที่มีโรงคัดบรรจุในภาคตะวันออก ได้ขยายสาขาเข้าไปร่วมลงทุนกับเวียดนามเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเกษตรกรเวียดนามในจังหวัดดั๊กลักที่อยู่ตอนกลางของประเทศก็ได้มีการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนขึ้น และเป็นพื้นที่ที่ปลูกทุเรียนมากที่สุด และมีล้งรับซื้อมากกว่า 300 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่เพียง 100 กว่าแห่ง
“
ตอนนี้ทุเรียนผลสดของเวียดนามถือเป็นคู่แข่งสำคัญของทุเรียนไทยในตลาดจีน และในอนาคตทุเรียนแช่แข็งของเวียดนาม ก็จะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยด้วย เนื่องจากเวียดนามกำลังขออนุญาตนำเข้าทุเรียนแช่แข็งโดยตรงกับจีน คาดว่าจะได้รับอนุญาตในเร็ว ๆ นี้ ต่อไปเวียดนามอาจจะเป็นแชมป์ทุเรียนแช่แข็ง เพราะมีความพร้อมด้านการผลิต มีโรงงานแช่แข็งจำนวนมาก ที่สำคัญวัตถุดิบทุเรียนมีราคาต่ำกว่าไทย กก.ละ 20-30 บาท นอกจากนี้ยังมีผู้ส่งออกทุเรียนแช่แข็งรายใหญ่ 1 ใน 5 ของไทย ขยายไปทำทุเรียนแช่แข็งในเวียดนาม”
นาย
ณัฐกฤษฎ์กล่าวด้วยว่า ทุเรียนจากเวียดนาม มีข้อได้เปรียบในแง่ของต้นทุนและราคาที่ถูกกว่าทุเรียนไทย และได้รับการสนับสนุนของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ขณะที่การขนส่งใช้เวลาเพียง 2-3 วัน เพราะอยู่ใกล้จีน ทั้งนี้ ผลผลิตทุเรียนเวียดนามจะออกต่อจากทุเรียนภาคตะวันออกของไทย ทำให้ในจีนมีทุเรียนขายต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดทุเรียนภาคตะวันออกของไทยในต้นฤดูกาลหน้า ที่ผลผลิตจะเริ่มออกประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2567 ขณะนี้นายทุนชาวจีนได้เข้ามาสร้างล้งในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ๆ และคาดว่าในปี 2567 จะมีล้งจีนเพิ่มเป็น 1,000-1,200 ล้ง จากปี 2566 ที่มีประมาณ 800 ล้ง และตอนนี้ ล้งบางรายเริ่มเข้ามาออร์เดอร์ทุเรียนกับโรงคัดบรรจุบ้างแล้ว
ปี 2566 นี้ คาดว่าปริมาณรับซื้อทุเรียนส่งออกตลอดทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ตู้ หรือ 1 ล้านตัน แม้ว่าผลผลิตทุเรียนของไทยจะไม่ดีนัก แต่พื้นที่ปลูกและอายุปีของทุเรียนที่ให้ผลมีปริมาณมากขึ้น การแข่งขันราคาอาจจะสูงถึง กก.ละ 300-320 บาท และส่งผลให้ราคาทุเรียนภาคใต้มีราคาสูงตามไปด้วย
ต้นทุนต่ำ จุดแข็งเวียดนาม
นาย
สิระวิชญ จิระวัฒนเมธากุล ผู้ประกอบการธุรกิจโรงคัดบรรจุแห่งหนึ่งในเมืองดั๊กลัก ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ที่ผ่านมาล้งจีนในภาคตะวันออกของไทยหลายรายได้ขยายสาขาไปที่เวียดนาม ซึ่งทุเรียนจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน และเป็นช่วงที่ทุเรียนภาคตะวันออกของไทยหมดฤดูพอดี โดยล้งในเวียดนามส่วนใหญ่เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างคนจีนกับคนเวียดนาม ล้งเวียดนามร่วมทุนกับคนไทย ปัจจุบันเมืองดั๊กลัก มีล้งประมาณ 500 แห่ง
ที่น่าสนใจก็คือ เวียดนาม มีต้นทุนแรงงาน ค่าเช่าล้ง ค่าครองชีพ การขนส่ง ถูกกว่าไทยมาก ส่วนราคาทุเรียนแม้ไม่ถูกกว่ากันมากนัก เนื่องจากมีการแข่งขันกันสูง แต่เวียดนามเน้นพัฒนาคุณภาพทุเรียน ตัดตอนแก่ และมีทุเรียนให้คัดคุณภาพได้จำนวนมาก และแนวโน้มตลาดทุเรียนในเวียดนามน่าจะเติบโตได้ดี
ขณะที่นาย
วุฒิชัย คุณเจตน์ นายกสมาคมทุเรียนไทย กล่าวว่า ในอนาคตเวียดนามจะสามารถส่งออกทุเรียนแช่แข็งไปตลาดจีนได้ และจะได้เปรียบทุเรียนแช่แข็งของไทย เพราะได้เปรียบในแง่ของต้นทุนต่ำกว่า และการขนส่งที่ใกล้กว่า และการทำตลาดของไทยจะยากขึ้น หากไม่มีการเตรียมการรองรับที่ดีพอ
ด้านนางสาว
ลิลพัชร์ ทองโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะลิส อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ขยายสาขาไปโรงคัดบรรจุในเวียดนาม เพื่อส่งออกไปจีน แสดงความเห็นว่า ในปี 2567 ตลาดทุเรียนในเวียดนามน่าจะคึกคักน้อยลง เนื่องจากปี 2566 เป็นปีที่ตลาดทุเรียนเวียดนามเติบโตมาก
ประกอบกับผู้ประกอบการบางรายประสบภาวะขาดทุน เนื่องจากการแข่งขันแย่งซื้อทุเรียนของล้งจำนวนมาก จนมีปัญหาการเงิน ไม่กล้าลงทุนต่อ รวมทั้งกฎระเบียบของเวียดนามเข้มข้นขึ้น ไม่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน และจะเหลือเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งแนวทางของบริษัทก็จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้เป็นหลัก ไม่เน้นการขยายเพิ่ม
JJNY : วิโรจน์ไม่ค้านทักษิณอยู่รพ.แต่ต้องมาตรฐานเดียว│เปิดผลสำรวจ Line Today│ทุเรียนไทยเจอศึกรอบทิศ│ทัพยูเครนโวสอยตก 3ลำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4344560
วิโรจน์ ย้ำระเบียบราชทัณฑ์ เปิดช่องวิ่งเต้น นักโทษคุมขังนอกเรือนจำ ยันไม่ค้านทักษิณอยู่รพ. แต่เรื่องนี้ต้องมาตรฐานเดียว
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวิตข้อความแสดงความคิดเห็น กรณีที่ครบ 120 วัน การรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยยืนยันว่า
“ผมไม่ได้แย้ง ที่คุณทักษิณได้รับการรักษาตัวที่ รพ. ภายนอก ที่มีศักยภาพสูงกว่า รพ.ราชทัณฑ์
เพียงแต่ต้องการระเบียบหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เพื่อนักโทษทุกคน เช่น ถ้าหากเจ็บป่วยด้วยโรคที่ รพ.ราชทัณฑ์ ไม่มีแพทย์เฉพาะทาง หรือไม่มีเครื่องมือรักษา ก็จะส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ภายนอก ทันที
และสำหรับ ชั้น 14 ที่ รพ.ตำรวจ หากยืนยันว่า ไม่ใช่ห้องพิเศษ อย่างที่เคยเป็นมา ก็ควรระบุให้ชัดว่า เป็นสถานพยาบาลเพื่อรักษาโรคประเภทใด
เพื่อให้ผู้ต้องหารายอื่น ที่เจ็บป่วยด้วยโรคที่คล้ายกัน สามารถแสดงความประสงค์ที่จะขอเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจได้
เรื่องกักขังนอกเรือนจำ ผมเห็นด้วยกับคุณภูมิธรรม เวชยชัย ในหลักการ เพียงแต่ชี้ว่า ระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมา นั้นมีช่องให้เกิดการวิ่งเต้น และเรียกรับผลประโยชน์ เนื่องจากการตัดสินใจจะอยู่ที่คณะทำงาน ที่ประกอบด้วยผู้ใต้บังคับบัญชา และคนภายนอกที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์แต่งตั้ง
และยังให้อำนาจแก่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ชี้ขาดว่าใครจะได้รับการกักขังนอกเรือนจำ
ถ้าปล่อยให้ระเบียบเป็นเช่นนี้ ผู้มีอิทธิพล มาเฟียข้ามชาติ ที่ร่ำรวย จะสามารถออกใบสั่งกดดัน หรือจ่ายส่วย ให้ตนเอง หรือพวกของตน ให้ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำได้
ระเบียบการกักขังนอกเรือนจำ อาจกลายเป็นระเบียบคุกมีไว้ขังคนจนได้
ผมจึงเห็นว่า ควรทำหนังสือถึง ป.ป.ช. ให้ ป.ป.ช. พิจารณาใช้อำนาจตาม ม.32 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. และทำถึงผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย เพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาใช้อำนาจตาม ม.22,32,33 ของ พ.ร.ป. ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอแนะแก้ไขระเบียบดังกล่าว เพื่อปิดช่องการทุจริต และความไม่เป็นธรรม
ต้องย้ำๆๆ ว่าผมไม่ได้คัดค้านไม่ให้คุณทักษิณได้รับการรักษาที่ รพ. ภายนอก ที่มีศักยภาพ หรือไม่ได้รับสิทธิในการถูกคุมขังภายนอก
แต่ต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน ที่เป็นมาตรฐาน เพื่อใช้กับผู้ต้องขังรายอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
ความไม่เป็นธรรมที่เกิดกับคุณทักษิณ คือ การบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน และการเลือกปฏิบัติ ซึ่งคุณทักษิณควรได้รับความเป็นธรรม
เพื่อให้สิ่งที่คุณทักษิณได้รับ เป็น ความเป็นธรรม ไม่ใช่อภิสิทธิ์ จึงควรกำหนดระเบียบให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ต้องขังคนอื่นๆ ได้ใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกัน
https://twitter.com/wirojlak/status/1738378787753230544
เปิดผลสำรวจ Line Today ยก ‘พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ คดีหุ้น ITV’ ที่สุดข่าวแห่งปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4344647
เปิดผลสำรวจ Line Today ยก ‘พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ คดีหุ้น ITV’ ที่สุดข่าวแห่งปี
ประกาศผลโหวตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับผลโหวตของ Line Today Poll of the Year 2023 ที่เปิดให้โหวตตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม – 20 ธันวาคมสำหรับ ข่าวแห่งปี มีผู้เข้าร่วมโหวตราวๆ 6,100 คน อันดับ 1 ได้แก่ พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ คดีหุ้น ITV หยุดปฏิบัติหน้าที่ 28.03% 2.สงครามอิสราเอล – ฮามาส 10.18% 3.เยาวชน 14 กราดยิงพารากอน 10.1% , 4.ชูวิทย์ แฉตู้ห่าว แฉคนมีชื่อเสียง 8.94% , 5.ทักษิณ ชินวัตร กลับไทยในรอบ 17 ปี 8.68% , 6.คดีกำนันนก – สารวัตรศิว 8.38% , 7.เพื่อไทย-พรรคร่วม ตั้งรัฐบาล – เศรษฐา นายกฯ คนที่ 30 5.88% , 8.หมอกฤตไท เพจสู้ดิวะ ป่วยมะเร็ง 4.4% , 9.เสี่ยแป้ง นาโหนด แหกคุก 3.65% และ 10.เรือดำน้ำไททันระเบิดสูญหาย 2.18%
นักการเมืองแห่งปี มีผู้ร่วมโหวตถึง 16,000 คน อันดับ 1 ได้แก่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 5,897 คะแนน ที่ 36.35% , 2.เศรษฐา ทวีสิน 16.5% ที่ 2,677 คะแนน ,3. วราวุธ ศิลปอาชา 13.4% ที่ 2,173 คะแนน ,4. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 1,983 คะแนน ที่ 12.22% , 5. ชาดา ไทยเศรษฐ์ 890 คะแนน
ที่ 5.49%
ขณะที่ Soft Power แห่งปี มีผู้เข้าร่วมโหวตราว 2,100 คน โดย อันดับ 1 ได้แก่ กางเกงช้าง 26.94% ตามด้วยข้าวเหนียวมะม่วง 17.96% , 3.สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไทย พระพรหม พระแม่ลักษมี 8.84% , 4.หมูกระทะ 8.52% และ สตรีทฟู้ด 8.43%
ผลโหวตข่าวกีฬาแห่งปี 2566 นั้น อันดับ 1 ได้แก่ วอลเลย์บอลหญิงไทย ผลงานโดดเดน ได้ใจคนทั้งประเทศ 29.15% ตามมาด้วยอันดับ 2 เทนนิส พานิภัค นักเทควันโด โดนโกงจนเกือบไม่ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 17.48% และ 3.วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คว้าแชมป์ชายเดี่ยว สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชาวไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก 13.76%
สำหรับข่าวบันเทิงแห่งปี 2566 มีผู้ร่วมโหวต 4,800 คน พบว่าอันดับ 1.ได้แก่ แอนโทเนีย คว้ารอง 1 มิสยูนิเวิร์ส , 2.นนกุล-แอฟ เปิดใจกำลังคุยกันอยู่ , 3. ต้องเต ผู้กำกับหนัง สัปเหร่อ รายได้หลายร้อยล้าน 9.34%
หมวด แฮชแท็กแห่งปี มีผู้ร่วมโหวต 7,300 ครั้ง อันดับ 1 ได้แก่ #อิงฟ้ามหาชน 43.32% อันดับ 2 ได้แก่ #นายกคนที่ 30 และ 3.ได้แก่ #เลือกตั้ง66
ด้านศิลปินแห่งปี มีผู้ร่วมโหวตมากถึง 83,000 คน อันดับ 1 ได้แก่ พีพี -กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ที่ 39.81% ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่ 36.13% ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ BUS-Because of You I Shine ที่ 5.76%
ขณะที่ ศิลปิน Pop Corner แห่งปี 2566 อันดับ 1 ได้แก่ 1.Jeff Satur 42.03% อันดับ 2 ได้แก่ LYKN 14.02% และอันดับ 3 ได้แก่ Proxie
ทุเรียนไทยเจอศึกรอบทิศ “เวียดนาม-มาเลย์” แข่งส่งออกจีน
https://www.prachachat.net/local-economy/news-1465733
ทุเรียนเวียดนามแรงจัด ยอดส่งออกจีนโตก้าวกระโดด แย่งตลาดทุเรียนไทย เผย 10 เดือนแรกปีนี้ทะลุ 5.4 หมื่นล้านบาท ล้ง “จีน-ไทย” แห่โยกฐานลงทุนเวียดนาม เพิ่ม 300-500 ราย เผยจุดแข็งต้นทุนต่ำ พื้นที่ใกล้จีนค่าขนส่งถูกกว่าไทยมาก แถมล่าสุดเวียดนามเตรียมยื่นขอส่งออก “ทุเรียนแช่แข็ง” เจาะตลาดจีนเพิ่ม จับตาหลายประเทศเจรจาขอส่งทุเรียนสดเข้าจีน ขณะที่มาเลเซียเตรียมส่ง “ทุเรียนมูซังคิง” บุกตลาดจีนพฤษภาคม 2567
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากการเปิดเผยข้อมูลของศุลกากรจีนระบุว่า ปี 2565 จีนนำเข้าทุเรียนมากเป็นอันดับ 1 ปริมาณรวม 825,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.43 แสนล้านบาท ที่น่าสนใจคือ ผลไม้และทุเรียนเวียดนามที่ได้รับความนิยมจากชาวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 10 เดือนแรกของปี 2566 จีนนำเข้าทุเรียนเวียดนามรวมอยู่ที่ 1.11 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 5.43 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3,084%
ล้งจีน-ไทย โยกบุกเวียดนาม
นายณัฐกฤษฎ์ โอฬารหิรัญรักษ์ รองนายกสมาคมการค้าธุรกิจเกษตรไทย-จีนและเจ้าของโรงงานคัดและบรรจุทุเรียน จ.จันทบุรี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์ทุเรียนในเวียดนาม ที่เป็นคู่แข่งกับทุเรียนไทย ล่าสุดมีนายทุนจีน เวียดนาม รวมถึงนายทุนคนไทย ที่มีโรงคัดบรรจุในภาคตะวันออก ได้ขยายสาขาเข้าไปร่วมลงทุนกับเวียดนามเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันเกษตรกรเวียดนามในจังหวัดดั๊กลักที่อยู่ตอนกลางของประเทศก็ได้มีการขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนขึ้น และเป็นพื้นที่ที่ปลูกทุเรียนมากที่สุด และมีล้งรับซื้อมากกว่า 300 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่เพียง 100 กว่าแห่ง
“ตอนนี้ทุเรียนผลสดของเวียดนามถือเป็นคู่แข่งสำคัญของทุเรียนไทยในตลาดจีน และในอนาคตทุเรียนแช่แข็งของเวียดนาม ก็จะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยด้วย เนื่องจากเวียดนามกำลังขออนุญาตนำเข้าทุเรียนแช่แข็งโดยตรงกับจีน คาดว่าจะได้รับอนุญาตในเร็ว ๆ นี้ ต่อไปเวียดนามอาจจะเป็นแชมป์ทุเรียนแช่แข็ง เพราะมีความพร้อมด้านการผลิต มีโรงงานแช่แข็งจำนวนมาก ที่สำคัญวัตถุดิบทุเรียนมีราคาต่ำกว่าไทย กก.ละ 20-30 บาท นอกจากนี้ยังมีผู้ส่งออกทุเรียนแช่แข็งรายใหญ่ 1 ใน 5 ของไทย ขยายไปทำทุเรียนแช่แข็งในเวียดนาม”
นายณัฐกฤษฎ์กล่าวด้วยว่า ทุเรียนจากเวียดนาม มีข้อได้เปรียบในแง่ของต้นทุนและราคาที่ถูกกว่าทุเรียนไทย และได้รับการสนับสนุนของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ขณะที่การขนส่งใช้เวลาเพียง 2-3 วัน เพราะอยู่ใกล้จีน ทั้งนี้ ผลผลิตทุเรียนเวียดนามจะออกต่อจากทุเรียนภาคตะวันออกของไทย ทำให้ในจีนมีทุเรียนขายต่อเนื่องได้ตลอดทั้งปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดทุเรียนภาคตะวันออกของไทยในต้นฤดูกาลหน้า ที่ผลผลิตจะเริ่มออกประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2567 ขณะนี้นายทุนชาวจีนได้เข้ามาสร้างล้งในภาคตะวันออกเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ๆ และคาดว่าในปี 2567 จะมีล้งจีนเพิ่มเป็น 1,000-1,200 ล้ง จากปี 2566 ที่มีประมาณ 800 ล้ง และตอนนี้ ล้งบางรายเริ่มเข้ามาออร์เดอร์ทุเรียนกับโรงคัดบรรจุบ้างแล้ว
ปี 2566 นี้ คาดว่าปริมาณรับซื้อทุเรียนส่งออกตลอดทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ตู้ หรือ 1 ล้านตัน แม้ว่าผลผลิตทุเรียนของไทยจะไม่ดีนัก แต่พื้นที่ปลูกและอายุปีของทุเรียนที่ให้ผลมีปริมาณมากขึ้น การแข่งขันราคาอาจจะสูงถึง กก.ละ 300-320 บาท และส่งผลให้ราคาทุเรียนภาคใต้มีราคาสูงตามไปด้วย
ต้นทุนต่ำ จุดแข็งเวียดนาม
นายสิระวิชญ จิระวัฒนเมธากุล ผู้ประกอบการธุรกิจโรงคัดบรรจุแห่งหนึ่งในเมืองดั๊กลัก ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ที่ผ่านมาล้งจีนในภาคตะวันออกของไทยหลายรายได้ขยายสาขาไปที่เวียดนาม ซึ่งทุเรียนจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายน และเป็นช่วงที่ทุเรียนภาคตะวันออกของไทยหมดฤดูพอดี โดยล้งในเวียดนามส่วนใหญ่เป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่างคนจีนกับคนเวียดนาม ล้งเวียดนามร่วมทุนกับคนไทย ปัจจุบันเมืองดั๊กลัก มีล้งประมาณ 500 แห่ง
ที่น่าสนใจก็คือ เวียดนาม มีต้นทุนแรงงาน ค่าเช่าล้ง ค่าครองชีพ การขนส่ง ถูกกว่าไทยมาก ส่วนราคาทุเรียนแม้ไม่ถูกกว่ากันมากนัก เนื่องจากมีการแข่งขันกันสูง แต่เวียดนามเน้นพัฒนาคุณภาพทุเรียน ตัดตอนแก่ และมีทุเรียนให้คัดคุณภาพได้จำนวนมาก และแนวโน้มตลาดทุเรียนในเวียดนามน่าจะเติบโตได้ดี
ขณะที่นายวุฒิชัย คุณเจตน์ นายกสมาคมทุเรียนไทย กล่าวว่า ในอนาคตเวียดนามจะสามารถส่งออกทุเรียนแช่แข็งไปตลาดจีนได้ และจะได้เปรียบทุเรียนแช่แข็งของไทย เพราะได้เปรียบในแง่ของต้นทุนต่ำกว่า และการขนส่งที่ใกล้กว่า และการทำตลาดของไทยจะยากขึ้น หากไม่มีการเตรียมการรองรับที่ดีพอ
ด้านนางสาวลิลพัชร์ ทองโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะลิส อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่ขยายสาขาไปโรงคัดบรรจุในเวียดนาม เพื่อส่งออกไปจีน แสดงความเห็นว่า ในปี 2567 ตลาดทุเรียนในเวียดนามน่าจะคึกคักน้อยลง เนื่องจากปี 2566 เป็นปีที่ตลาดทุเรียนเวียดนามเติบโตมาก
ประกอบกับผู้ประกอบการบางรายประสบภาวะขาดทุน เนื่องจากการแข่งขันแย่งซื้อทุเรียนของล้งจำนวนมาก จนมีปัญหาการเงิน ไม่กล้าลงทุนต่อ รวมทั้งกฎระเบียบของเวียดนามเข้มข้นขึ้น ไม่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุน และจะเหลือเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งแนวทางของบริษัทก็จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้เป็นหลัก ไม่เน้นการขยายเพิ่ม