ข้าวซอยป้าบุญ เป็นร้านที่ผมได้รับคำแนะนำจากเจ้าถิ่น
หลังแจ้งว่าต้องขึ้นมาทำงานที่จังหวัด ลำปางหนา
เมื่อบอกจุดหมายที่ต้องการให้น้องคนขับรถเสร็จผมก็หลับยาวเนื่องจากมีอาการเมารถ
เพราะเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางบุกป่าไปสำรวจทางรถไฟแถว ๆ ลำพูน ลำปาง
พอตื่นมาอีกทีก็จังหวะจีพีเอสที่รถแจ้งว่าอีกสามนาทีจะถึงจุดหมาย
หลงทางหรือเปล่าว่ะเนี่ย ??
เพราะสามนาทีก่อนถึงร้านข้าวซอย
แต่น้องคนขับเลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เส้นทางไป อ. แจ้ห่ม ที่ผมต้องไปทำงานต่อ
เหลืออีก 1 นาที ก่อนถึงจุดหมาย รถก็เลี้ยวเข้ามาในซอยเล็ก ๆ ผมก็เริ่มเอะใจ
ทำไมรถมันเยอะจัง พอเลี้ยวขวาอีกทีก็เห็นร้านทางซ้ายมือและเห็นรถจอดกันเรียงราย
แม่เจ้า........ ในที่สุดผมก็เข้าถึงสัจธรรมที่ว่า
ร้านอาหารอร่อย ๆ ต่อให้ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย
ต่อให้อยู่ลึกขนาดไหน ขอให้อร่อย และราคาไม่แพงสมกับคุณภาพ
ที่นั่นย่อมเป็นที่สิ่งสถิตย์ของผู้คน
หลังจากลงรถ ยืนงงอยู่พักหนึ่ง เพราะคนเยอะเหลือเกินเนื่องจากผมไปถึงตอนเที่ยงครึ่ง
ผมก็เริ่มได้สติ จากเสียงของป้า ๆ ในร้านตะโกนบอกกันว่า ข้าวซอย ไก่ เนื้อ หมดเหลือแต่ลูกชิ้น
โอเคงั้น ข้าวซอยลูกชิ้นเนื้อแล้วกัน
ทุกคนในทีมตกลงปลงใจ ที่จะสั่งเหมือน ๆ กัน เพื่อให้ง่ายที่สุดและป้องกันเหตุการณ์
"คิด (แต่ไม่) ถึง"
"ไปถึงแต่ไม่ได้กิน"
และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องครั้งหนึ่งของชีวิตผม
เพราะหลังจากน้องในทีมยื่นกระดาษโพยข้าวซอย 4 ชาม บวกกับเกาเหลาเนื้อ 1 ที่ผมสั่งเพิ่มไป
ไม่นานนัก เสียงของป้า ๆ ในร้านก็ตะโกนบอกต่อกันอีกครั้งว่า
"ไม่รับข้าวซอยแล้วนะ"
คุณพระ !! โชคดีของผมจริง ๆ
อีกชั่วอึดใจ ข้าวซอยชามไม่ใหญ่ไม่โตก็ยกมาเสริฟให้โต๊ะผม
พร้อมเครื่องเคียง ผักดอง หอม และมะนาว
แปลก ๆ แฮะ ผมนึกประหลาดอยู่ในใจ หลังจากข้าวซอยมาอยู่ตรงหน้า
เพราะที่ผมเห็นอยู่ลอยเด่นอยู่บนชามคือ
สีขาวของน้ำกะทิตัดกับสีแดงเข้มสดใสของน้ำมันพริกเผา
รสชาติมันน่าจะข้นขลัก ๆ ละมั้ง กะทิเยอะซะขนาดนี้ แต่ผมคิดผิด
หลังจากใช้ช้อนจ้วงตักลงไปในชามเพื่อซดน้ำซุป
สิ่งที่ผมเจอกลับเป็นน้ำซุปหวานเล็ก ๆ หอมเครื่องเทศแบบ ละมุน และเคลียร์ ๆ แบบไม่หนัก
คล้าย ๆ กับรสชาติแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแห่งร้าน Hanaya ทองหล่อ
ที่ตอนนี้หายสาบสูญ และเป็นหนึ่งในแกงกะหรี่ที่ติดอยู่ในก้อนความทรงจำของผม
รสชาติเคลียร์ ๆ ของน้ำซุปข้าวซอยป้าบุญ ตัดกันได้อย่างพอดีกับน้ำกะทิที่ราดมาออนท็อปในชามข้าวซอย
แถมตัดด้วยความเปรี้ยวจากผักกาดดอง ที่ไม่ได้มีแค่รสเปรี้ยวแต่มีรสเค็มตัด พร้อมกับกลิ่น
กลิ่นที่ต้องบอกว่านี้มันผักกาดดองสมัยที่ผมกลิ่นตอนเด็ก ๆ นี้นา
ทำไมนะตอนเด็ก ๆ ผมไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เลย แต่ตอนนี้กลับชอบมัน
หรือว่า และลิ้นของผมมันเปลี่ยนไปตามอายุ
หรือว่า อาจเป็นเพราะ ผักกาดดองมันอยู่ถูกที่ และได้คู่กับสิ่งที่เกิดมาคู่กัน
ส่วนเส้นข้าวซอยที่ใส่ลงไปในชาม ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เข้าคู่กันได้ดีกับทุกสิ่งที่อยู่ในชาม
เส้นข้าวซอย กลม ใหญ่ และหนาหนึบ ไม่ใช่เส้นบะหมี่แบบบางและแบน ๆ เหมือนข้าวซอยส่วนใหญ่
จะว่าไปก็คล้ายกับรสชาติของเส้นหมี่ซั่วผสมกับเส้นบะหมี่ไข่
ในชามนี้จะเสียดายอยู่อย่างเดียวคือ การไม่ได้เห็นน่องไก่ หรือ เนื้อเปื่อย ลอยอยู่บนชาม
แม้ลูกชิ้นเนื้อที่ร้านใส่มาให้จะไม่แย่
แต่พอเห็นชามข้าวซอยไก่ที่ยกมาเสริฟให้คิวก่อนหน้าผมแล้วก็เสียใจและคิดวนเวียนอยู่ในหัวว่า
ทำไม นะ ทำไม !!
ทำไม มันหมดเร็วอย่างนี้ เพิ่งจะเที่ยงครึ่งเอง แถมยังเป็นวันทำงาน และเป็นเส้นทางที่ต้องตั้งใจมา
คนเขาไม่ทำงานกันหรือไง !!
ผมได้แต่บ่นอยู่ในใจ และอาฆาตไว้ว่า
I shall return !! ผมจะกลับมา !!
ข้าวซอยน่องไก่ ข้าวซอยเนื้อ ร้านป้าบุญเราต้องเจอกันอีก
#กินข้าวกับอาเฮีย
#เหล็กไม่เอาถ่าน
ข้าวซอยป้าบุญ
หลังแจ้งว่าต้องขึ้นมาทำงานที่จังหวัด ลำปางหนา
เมื่อบอกจุดหมายที่ต้องการให้น้องคนขับรถเสร็จผมก็หลับยาวเนื่องจากมีอาการเมารถ
เพราะเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางบุกป่าไปสำรวจทางรถไฟแถว ๆ ลำพูน ลำปาง
พอตื่นมาอีกทีก็จังหวะจีพีเอสที่รถแจ้งว่าอีกสามนาทีจะถึงจุดหมาย
หลงทางหรือเปล่าว่ะเนี่ย ??
เพราะสามนาทีก่อนถึงร้านข้าวซอย
แต่น้องคนขับเลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เส้นทางไป อ. แจ้ห่ม ที่ผมต้องไปทำงานต่อ
เหลืออีก 1 นาที ก่อนถึงจุดหมาย รถก็เลี้ยวเข้ามาในซอยเล็ก ๆ ผมก็เริ่มเอะใจ
ทำไมรถมันเยอะจัง พอเลี้ยวขวาอีกทีก็เห็นร้านทางซ้ายมือและเห็นรถจอดกันเรียงราย
แม่เจ้า........ ในที่สุดผมก็เข้าถึงสัจธรรมที่ว่า
ร้านอาหารอร่อย ๆ ต่อให้ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย
ต่อให้อยู่ลึกขนาดไหน ขอให้อร่อย และราคาไม่แพงสมกับคุณภาพ
ที่นั่นย่อมเป็นที่สิ่งสถิตย์ของผู้คน
หลังจากลงรถ ยืนงงอยู่พักหนึ่ง เพราะคนเยอะเหลือเกินเนื่องจากผมไปถึงตอนเที่ยงครึ่ง
ผมก็เริ่มได้สติ จากเสียงของป้า ๆ ในร้านตะโกนบอกกันว่า ข้าวซอย ไก่ เนื้อ หมดเหลือแต่ลูกชิ้น
โอเคงั้น ข้าวซอยลูกชิ้นเนื้อแล้วกัน
ทุกคนในทีมตกลงปลงใจ ที่จะสั่งเหมือน ๆ กัน เพื่อให้ง่ายที่สุดและป้องกันเหตุการณ์
"คิด (แต่ไม่) ถึง"
"ไปถึงแต่ไม่ได้กิน"
และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องครั้งหนึ่งของชีวิตผม
เพราะหลังจากน้องในทีมยื่นกระดาษโพยข้าวซอย 4 ชาม บวกกับเกาเหลาเนื้อ 1 ที่ผมสั่งเพิ่มไป
ไม่นานนัก เสียงของป้า ๆ ในร้านก็ตะโกนบอกต่อกันอีกครั้งว่า
"ไม่รับข้าวซอยแล้วนะ"
คุณพระ !! โชคดีของผมจริง ๆ
อีกชั่วอึดใจ ข้าวซอยชามไม่ใหญ่ไม่โตก็ยกมาเสริฟให้โต๊ะผม
พร้อมเครื่องเคียง ผักดอง หอม และมะนาว
แปลก ๆ แฮะ ผมนึกประหลาดอยู่ในใจ หลังจากข้าวซอยมาอยู่ตรงหน้า
เพราะที่ผมเห็นอยู่ลอยเด่นอยู่บนชามคือ
สีขาวของน้ำกะทิตัดกับสีแดงเข้มสดใสของน้ำมันพริกเผา
รสชาติมันน่าจะข้นขลัก ๆ ละมั้ง กะทิเยอะซะขนาดนี้ แต่ผมคิดผิด
หลังจากใช้ช้อนจ้วงตักลงไปในชามเพื่อซดน้ำซุป
สิ่งที่ผมเจอกลับเป็นน้ำซุปหวานเล็ก ๆ หอมเครื่องเทศแบบ ละมุน และเคลียร์ ๆ แบบไม่หนัก
คล้าย ๆ กับรสชาติแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแห่งร้าน Hanaya ทองหล่อ
ที่ตอนนี้หายสาบสูญ และเป็นหนึ่งในแกงกะหรี่ที่ติดอยู่ในก้อนความทรงจำของผม
รสชาติเคลียร์ ๆ ของน้ำซุปข้าวซอยป้าบุญ ตัดกันได้อย่างพอดีกับน้ำกะทิที่ราดมาออนท็อปในชามข้าวซอย
แถมตัดด้วยความเปรี้ยวจากผักกาดดอง ที่ไม่ได้มีแค่รสเปรี้ยวแต่มีรสเค็มตัด พร้อมกับกลิ่น
กลิ่นที่ต้องบอกว่านี้มันผักกาดดองสมัยที่ผมกลิ่นตอนเด็ก ๆ นี้นา
ทำไมนะตอนเด็ก ๆ ผมไม่ชอบกลิ่นแบบนี้เลย แต่ตอนนี้กลับชอบมัน
หรือว่า และลิ้นของผมมันเปลี่ยนไปตามอายุ
หรือว่า อาจเป็นเพราะ ผักกาดดองมันอยู่ถูกที่ และได้คู่กับสิ่งที่เกิดมาคู่กัน
ส่วนเส้นข้าวซอยที่ใส่ลงไปในชาม ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เข้าคู่กันได้ดีกับทุกสิ่งที่อยู่ในชาม
เส้นข้าวซอย กลม ใหญ่ และหนาหนึบ ไม่ใช่เส้นบะหมี่แบบบางและแบน ๆ เหมือนข้าวซอยส่วนใหญ่
จะว่าไปก็คล้ายกับรสชาติของเส้นหมี่ซั่วผสมกับเส้นบะหมี่ไข่
ในชามนี้จะเสียดายอยู่อย่างเดียวคือ การไม่ได้เห็นน่องไก่ หรือ เนื้อเปื่อย ลอยอยู่บนชาม
แม้ลูกชิ้นเนื้อที่ร้านใส่มาให้จะไม่แย่
แต่พอเห็นชามข้าวซอยไก่ที่ยกมาเสริฟให้คิวก่อนหน้าผมแล้วก็เสียใจและคิดวนเวียนอยู่ในหัวว่า
ทำไม นะ ทำไม !!
ทำไม มันหมดเร็วอย่างนี้ เพิ่งจะเที่ยงครึ่งเอง แถมยังเป็นวันทำงาน และเป็นเส้นทางที่ต้องตั้งใจมา
คนเขาไม่ทำงานกันหรือไง !!
ผมได้แต่บ่นอยู่ในใจ และอาฆาตไว้ว่า
I shall return !! ผมจะกลับมา !!
ข้าวซอยน่องไก่ ข้าวซอยเนื้อ ร้านป้าบุญเราต้องเจอกันอีก
#กินข้าวกับอาเฮีย
#เหล็กไม่เอาถ่าน