ผมจะอธิบายทีละจุดละกันนะครับ อย่างแรก ผมเป็นคนขี้กลัวผีมาก ตั้งแต่สมัยเด็กจำความได้ จนถึง ปวส. (18-19ปี) พึ่งมาเลิกกลัว
จะบอกนะครับว่า มีอะไรบ้าง
1) จุดเริ่มต้นที่คิดว่าทำให้ผมกลัวผีมา (ตั้งแต่จำความได้ - 18ปี)
2) จุดเปลี่ยนที่ทำให้เริ่มกล้าที่จะสู้ความกลัวผีของตัวเอง
3) ปัจจุบันรู้สึกยังไงกับ ความกลัวผี?
**ปล. เผื่อ ขก. อ่านเยอะ เลือกอ่านตามข้อที่สนใจเลยนะครับ พอดีผมคิดว่าน่าจะยาว เพราะเรื่องที่เจอจริงๆ พอรองพิมพ์แล้ว มันยาวกว่าที่คิดแฮะ**
1) จุดเริ่มต้นที่คิดว่าทำให้ผมกลัวผีมา (ตั้งแต่จำความได้ - 18ปี) : ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผมกลัวเลย เกิดจากสมัยผม (เกิดปี 1999/2542) หนังหรือภาพยนต์ส่วนใหญ่สมัยนั้น โฆษณาเยอะมากๆๆๆ ใน TV ซึ่งสมัยนั้นทำให้ผมซึมซับจากตัวอย่างหนังผี จำมาแล้วทำให้กลัวตามนั้น หรือจากหนังที่พ่อ แม่ พี่น้องคนรู้จักดู มันทำให้ผมตอนเด็กจำมาเยอะมาก ซึ่งไม่รู้สมัยเด็กผมเป็นอะไร กลัวผี แต่ก็อยากดูหนังผี แต่จะต้องมีคนอยู่ด้วย แล้วจะคอยปิดหู / ปิดตาบางฉากที่คิดว่าจะน่ากลัว แต่อย่างว่า ความเป็นเด็ก ไม่รู้เหมือนผู้ใหญ่ว่าฉากไหนจะน่ากลัว ก็ทำให้ปิดไม่ทัน โดนจัมสแกรเต็มๆ ซึ่งเหล่านี้ทำให้ผมจำมาแต่เด็ก และกลัวผีขึ้นสมอง ซึ่งทำให้ ถ้าช่วงไหนที่พึ่งดูหนังผี หรือโฆษณาผีผ่านมา ณ ตอนนั้นจะกลัวมากๆ แต่ขนาดปกติก็กลัวแบบที่ว่า ไม่กล้าลุกไปกินน้ำ - เข้าห้องน้ำคนเดียว ทั้งๆ ที่ห่างจากเตียงที่ผมอนกับแม่ แค่ไม่กี่เมตร แต่มันมืด ต้องเรียกแม่ตลอด จนแม่บ่นบ่อยมาก555 ซึ่งรู้สึกว่าเป็นจนถึง ปวช2 เลย เวลาไป ตจว อยากเข้าห้อง้นำกลางคืน ก็ยังต้องเรียกคนอื่นไปด้วย ห้องน้ำ ตจว มีทั้งอยู่ในตัวบ้านและนอกบ้าน เพราะ แม่ผมอยู่ สุรินทร์ พ่อเชียงราย และทั้งหมดนี้ ผมคิดว่า เป็นเหตุที่ทำให้ผมกลัวผีขึ้นสมอง
2) จุดเปลี่ยนที่ทำให้เริ่มกล้าที่จะสู้ความกลัวผีของตัวเอง : เกิดจากช่วง ปวช.3 (ประมาณ 18ปี) ตาผมเสีย บ้านอยู่ที่สุรินทร์ ซึ่งผมเป็นเด็ก ตจว ปิดเทอม กลับตจว.บ่อย ไปเชียงรายบาง สุรินทร์บ้าง แต่ส่วนตัว อยู่เชียงรายบ่อยกว่า พูดเหนือได้ แต่พูดภาษาสุรินทร์ไม่ได้เลย ฟังไม่ออกด้วย555 จะบอกว่าไปสุรินทร์ไม่กี่ครั้ง แต่ไปไม่รู้ทำไม ชอบโดนแกล้ง หรือเล่าจริงไม่รู้ ลุงๆ ป้าๆ เล่าให้ฟังเรื่องผีต่างๆ นาๆ จังหวัดสุรินทร์ ผีปอบ ผีกระสือ มนดำ อาคม เล่นของ ทำให้ผมกลัว และไม่ค่อยชอบสุรินทร์อยู่แล้ว และตาผมเสียที่สุรินทร์ ผมไปบวชหน้าไฟ ตอนแรกไม่อยากบวช เพราะว่าต้องโกนหัว (ไอเรามันทรงเด็กชั่งซะด้วยสิ หัวโล้นมา หมดหล่อเลย555 หลงตัวเองละ1) แต่แม่ผมบอกว่า บวชที่ สุรินทร์ เขาใส่ซองกันเยอะนะ ไอผมตอนนั้นก็หวั่นไหว ติดเกม อยากได้เงินเติมเกม ก็เลยยอมบวช แต่หารู้ไม่ ประเภณีเขายังไงไม่รู้ บวชหน้าไฟ 3วัน โอ้วว ผมต้องค้างคืน ซึ่ง มีคนบวชกับผมด้วยอีก 2 คน ญาติๆ แต่ไม่ค่อยสนิท ซึ่งปกติหมู่บ้านแม่ผมจะไม่มีวัด จะทำพิธี+บวชที่วัดอีกหมู่บ้าน แต่จังหวะดีมาก หมุ่บ้านแม่ผมกำลังทำวัดใหม่ ซึ่งเสร็จบางส่วน พอมีโบสถ์ ที่พอนอนได้คือ มีหลังคา องค์พระ ปูกระเบื้อง แค่นี้เลย แล้วก็มีไฟ แต่กำแพงโบสถ์ หรือประตู ไม่มี จะเข้าทางไหนก็ได้555 ซึ่งวัดใหม่ทำไม่เสร็จดี เวลาเผ่าทำพิธีอะไรก็ที่วัดอีกหมู่บ้านเหมือนเดิม แต่เวลาจำวัด ผมต้องมานอนที่วัดใหม่ ในโบสถ์ ที่ได้รับลมเต็มๆ จะบอกว่ามันน่ากลัวตรง รอบๆ มีแต่ป่า มีแต่สวนต้นไม้เต็มไปหมด ต้นโพธิ์ ต้นตะเคียน(ภาพจำหนังผีตะเคียนขึ้นมาเลย) โคตรน่ากลัว ผมเลยแฟลชแบค ภาพจากหนังนูนนี้นั้นมาเต็ม คิดกลัวมียืนหลังต้นไม้ หรือบนต้นไม้ แต่ผมก็พยายามอยู่กับพระ กับเณรด้วยกันไว้ มีคืนหนึ่งปวดท้องขี้มากๆ ด้วยความผมขี้เกรงใจ ขี้อายไม่สนิทกับพระ กับเณรอีก2รูป ผมจึงถามเบาๆว่า เขาห้องน้ำมั้ย ทั้งคู่บอกไปเลย ใกล้ๆ แค่นี้ ผมก็ไม่กล้าถามต่อ เพราะไม่สนิท ซึ่งมันไม่ไกลจริง แต่เข้าใจำฟิลแบบ ป่าเต็มๆ ต้นไม้เขายังตัดออกไม่หมดดีเลย กลัวจินตนาการณ์ไปทั่ว แต่ขี้ผมก็ไม่ไหวจริงๆ ผมจึง เอาละเว้ย ไปคนเดียวก็ได้ จึงถือโทรศัพท์ เปิดแฟลชไป แต่ผมค่อยๆ เดินไปนะ เพราะส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าเราวิ่ง ผีมันจะรู้ว่าเรากลัว555+ ผมคิดแบบนี้จริงๆ แหละนอกจากน้ันจะคิดถึงเรื่อง Anime ที่เคย ที่ดูไม่จบ ที่ดูค้างไว้ หรือเกมที่เล่นค้างไว้ จะเติมซื้ออะไรดี คิดไปทั่วเลย จนถึงห้องน้ำ ก็นั่งคิดแบบเดิมจนเสร็จ (ตอนแรกจะเปิดเพลง กลัวเหมือนในหนังโกยเถอะโยม ที่ผีร้องเพลงต่อเพลง555) จนเสร็จ และค่อยๆ เดินกลับเหมือนเดิม หลังจากถึงที่ ผ้าคลุมหัวนอนเลยจ้า555 และนี้คือครั้งแรกที่เริ่มกล้าทำอะไรที่คิดว่าน่ากลัวสุดๆ ในชีวิตจริงๆ และจากนั้นเป็นต้นมา ผมเวลาเจอสถานการณ์ที่มันน่ากลัวๆ ที่ต้องไปที่มืดๆ หรือเปรี่ยวๆ คนเดียว เพราะจำเป็น ผมก็กล้าที่จะไปคนเดียว แล้วหลักๆ ที่ทำให้ผมไม่ฟุ่งซ้านคือ คิดอะไรมั่วซั่วไปในหัว ไม่ให้เกี่ยวกับผี พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่ค่อยกลัวละครับ แต่ถ้าถามว่าไม่กลัว 100% เลยมั้ยบอกเลยว่าไม่ ถ้าให้ผมเดินผ่านป่าช้า ตี 1 ตี 2 คนเดียว ผมก็ว้าวุ่นเหมือนกัน555 แต่หมายถึง สิ่งที่เราอาจได้ทำปกติในชีวิตประจำวันครับ ไม่นับล่าท้าผี ถ้าผมต้องไปล่าท้าผีแบบนั้น น่าจะต้องฝึก ให้ไม่กลัวอีกขั้น555
3) ปัจจุบันรู้สึกยังไงกับ ความกลัวผี? : ปัจจุบันผมคิดว่า ถ้าเทียบกับสมัยเด็กๆ เปลี่ยนไปเยอะครับ เหมือนที่บอกว่า กล้าทำอะรคนเดียวหลายๆ อย่าง ที่ปกติไม่กล้าทำเพราะกลัวผี และปัจจุบันกลายเป็นว่า ผมดันเป็นคนชอบหนังผีซะงั้นเลย (แต่ไม่ชอบพวกหนังสยองขวัญที่แบบ ฆ่า เลือดสาส ฆ่าตัดตอน ที่เห็นแล้วจะอ้วกนะครับ) เมื่อก่อนไม่เคยเข้าโรงหนังเพื่อดูหนังผีสักเรื่อง ถ้าพูดจำได้เลยว่า ในโรงหนังที่ไปดูหนังผีมีแค่ พี่มากพระขโนง และหอแต๋วแตก เพราะพวกนี้ผีตลก จึงกล้าไปดู หนังผีจริงๆ ไม่กล้าเลย แต่หลังจากที่ผมบอกว่าลองทำอะไรคนเดียวมาบ่อยๆ แล้ว ก็กล้าขึ้น จึงลองไปดูหนังผีในโรงดู ถามว่าชิวถึงขั้นนั่งนิ่งไม่ตกใจเลยมั้ย ไม่มีทางครับ ตกใจ สะดุ้งเหมือนเดิม แต่ผมคิดในหัวสมองว่า หนังเขาอุส่าทำมาให้น่ากลัว มาดูแล้วปิดหูปิดตาไม่ดูฉากน่ากลัวทำไมวะ ผมก็คิดแบบ มาสิวะ!! (เสียงน้าค่อม555) วัดกันสักตั้ง ไม่ปิดหู ลืมตาดูทุกฉากเต็มที่ เต็มที่มันก็ทำให้เราแค่กลัวและตกใจละวะ และก็ดูหนังผีจนจบแบบนี้ทุกเรื่อง ไม่พอ เหมือนโรคจิต กลัวผีนะครับ แต่ไปพิมพ์ใน Google Pantip Top หนังผีที่น่ากลัวที่สุด แล้วก็หาดู555 ซึ่งบอกเลยว่า หลังดูหนังผีเสร็จก็มีกลัวๆ นะครับแบบอย่างดูหนังฉากผีมาในห้องน้ำ เราก็แอบกลัว แต่มันก็แค่แปปๆ เพราะผมกลับบ้านไป ก็ดูAnime เล่นเกม ลืมไปหมดทุกอย่าง แหกปากดังด้วย ผีน่าจะไม่อยู่ฟังผมเล่นเกม555 เพราะงั้น ปัจจุบันก็ต่างจากอดีตเยอะมากครับ ถามว่ากลัวผีเหมือนเดิมม้ย กลัวเหมือนเดิม แต่แค่กล้าเผชิญมากขึ้น กล้าลองมากขึ้น แล้วก็หายกลัวไวขึ้น แต่กลัวเหมือนเดิมครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กลับใครที่หาแนวทางไม่ให้กลัวผี หรือกลัวน้อยลงนะครับ (หรือทำให้ปวดหัว เพราะพิมพ์เยอะ
เลย55555) /// ใครมีวิธีแก้กลัวผี หรือประสบการณ์อะไร มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
วิธีทำให้หายกลัวผี จากเด็กที่เคยกลัวผีขึ้นสมอง
จะบอกนะครับว่า มีอะไรบ้าง
1) จุดเริ่มต้นที่คิดว่าทำให้ผมกลัวผีมา (ตั้งแต่จำความได้ - 18ปี)
2) จุดเปลี่ยนที่ทำให้เริ่มกล้าที่จะสู้ความกลัวผีของตัวเอง
3) ปัจจุบันรู้สึกยังไงกับ ความกลัวผี?
**ปล. เผื่อ ขก. อ่านเยอะ เลือกอ่านตามข้อที่สนใจเลยนะครับ พอดีผมคิดว่าน่าจะยาว เพราะเรื่องที่เจอจริงๆ พอรองพิมพ์แล้ว มันยาวกว่าที่คิดแฮะ**
1) จุดเริ่มต้นที่คิดว่าทำให้ผมกลัวผีมา (ตั้งแต่จำความได้ - 18ปี) : ผมคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผมกลัวเลย เกิดจากสมัยผม (เกิดปี 1999/2542) หนังหรือภาพยนต์ส่วนใหญ่สมัยนั้น โฆษณาเยอะมากๆๆๆ ใน TV ซึ่งสมัยนั้นทำให้ผมซึมซับจากตัวอย่างหนังผี จำมาแล้วทำให้กลัวตามนั้น หรือจากหนังที่พ่อ แม่ พี่น้องคนรู้จักดู มันทำให้ผมตอนเด็กจำมาเยอะมาก ซึ่งไม่รู้สมัยเด็กผมเป็นอะไร กลัวผี แต่ก็อยากดูหนังผี แต่จะต้องมีคนอยู่ด้วย แล้วจะคอยปิดหู / ปิดตาบางฉากที่คิดว่าจะน่ากลัว แต่อย่างว่า ความเป็นเด็ก ไม่รู้เหมือนผู้ใหญ่ว่าฉากไหนจะน่ากลัว ก็ทำให้ปิดไม่ทัน โดนจัมสแกรเต็มๆ ซึ่งเหล่านี้ทำให้ผมจำมาแต่เด็ก และกลัวผีขึ้นสมอง ซึ่งทำให้ ถ้าช่วงไหนที่พึ่งดูหนังผี หรือโฆษณาผีผ่านมา ณ ตอนนั้นจะกลัวมากๆ แต่ขนาดปกติก็กลัวแบบที่ว่า ไม่กล้าลุกไปกินน้ำ - เข้าห้องน้ำคนเดียว ทั้งๆ ที่ห่างจากเตียงที่ผมอนกับแม่ แค่ไม่กี่เมตร แต่มันมืด ต้องเรียกแม่ตลอด จนแม่บ่นบ่อยมาก555 ซึ่งรู้สึกว่าเป็นจนถึง ปวช2 เลย เวลาไป ตจว อยากเข้าห้อง้นำกลางคืน ก็ยังต้องเรียกคนอื่นไปด้วย ห้องน้ำ ตจว มีทั้งอยู่ในตัวบ้านและนอกบ้าน เพราะ แม่ผมอยู่ สุรินทร์ พ่อเชียงราย และทั้งหมดนี้ ผมคิดว่า เป็นเหตุที่ทำให้ผมกลัวผีขึ้นสมอง
2) จุดเปลี่ยนที่ทำให้เริ่มกล้าที่จะสู้ความกลัวผีของตัวเอง : เกิดจากช่วง ปวช.3 (ประมาณ 18ปี) ตาผมเสีย บ้านอยู่ที่สุรินทร์ ซึ่งผมเป็นเด็ก ตจว ปิดเทอม กลับตจว.บ่อย ไปเชียงรายบาง สุรินทร์บ้าง แต่ส่วนตัว อยู่เชียงรายบ่อยกว่า พูดเหนือได้ แต่พูดภาษาสุรินทร์ไม่ได้เลย ฟังไม่ออกด้วย555 จะบอกว่าไปสุรินทร์ไม่กี่ครั้ง แต่ไปไม่รู้ทำไม ชอบโดนแกล้ง หรือเล่าจริงไม่รู้ ลุงๆ ป้าๆ เล่าให้ฟังเรื่องผีต่างๆ นาๆ จังหวัดสุรินทร์ ผีปอบ ผีกระสือ มนดำ อาคม เล่นของ ทำให้ผมกลัว และไม่ค่อยชอบสุรินทร์อยู่แล้ว และตาผมเสียที่สุรินทร์ ผมไปบวชหน้าไฟ ตอนแรกไม่อยากบวช เพราะว่าต้องโกนหัว (ไอเรามันทรงเด็กชั่งซะด้วยสิ หัวโล้นมา หมดหล่อเลย555 หลงตัวเองละ1) แต่แม่ผมบอกว่า บวชที่ สุรินทร์ เขาใส่ซองกันเยอะนะ ไอผมตอนนั้นก็หวั่นไหว ติดเกม อยากได้เงินเติมเกม ก็เลยยอมบวช แต่หารู้ไม่ ประเภณีเขายังไงไม่รู้ บวชหน้าไฟ 3วัน โอ้วว ผมต้องค้างคืน ซึ่ง มีคนบวชกับผมด้วยอีก 2 คน ญาติๆ แต่ไม่ค่อยสนิท ซึ่งปกติหมู่บ้านแม่ผมจะไม่มีวัด จะทำพิธี+บวชที่วัดอีกหมู่บ้าน แต่จังหวะดีมาก หมุ่บ้านแม่ผมกำลังทำวัดใหม่ ซึ่งเสร็จบางส่วน พอมีโบสถ์ ที่พอนอนได้คือ มีหลังคา องค์พระ ปูกระเบื้อง แค่นี้เลย แล้วก็มีไฟ แต่กำแพงโบสถ์ หรือประตู ไม่มี จะเข้าทางไหนก็ได้555 ซึ่งวัดใหม่ทำไม่เสร็จดี เวลาเผ่าทำพิธีอะไรก็ที่วัดอีกหมู่บ้านเหมือนเดิม แต่เวลาจำวัด ผมต้องมานอนที่วัดใหม่ ในโบสถ์ ที่ได้รับลมเต็มๆ จะบอกว่ามันน่ากลัวตรง รอบๆ มีแต่ป่า มีแต่สวนต้นไม้เต็มไปหมด ต้นโพธิ์ ต้นตะเคียน(ภาพจำหนังผีตะเคียนขึ้นมาเลย) โคตรน่ากลัว ผมเลยแฟลชแบค ภาพจากหนังนูนนี้นั้นมาเต็ม คิดกลัวมียืนหลังต้นไม้ หรือบนต้นไม้ แต่ผมก็พยายามอยู่กับพระ กับเณรด้วยกันไว้ มีคืนหนึ่งปวดท้องขี้มากๆ ด้วยความผมขี้เกรงใจ ขี้อายไม่สนิทกับพระ กับเณรอีก2รูป ผมจึงถามเบาๆว่า เขาห้องน้ำมั้ย ทั้งคู่บอกไปเลย ใกล้ๆ แค่นี้ ผมก็ไม่กล้าถามต่อ เพราะไม่สนิท ซึ่งมันไม่ไกลจริง แต่เข้าใจำฟิลแบบ ป่าเต็มๆ ต้นไม้เขายังตัดออกไม่หมดดีเลย กลัวจินตนาการณ์ไปทั่ว แต่ขี้ผมก็ไม่ไหวจริงๆ ผมจึง เอาละเว้ย ไปคนเดียวก็ได้ จึงถือโทรศัพท์ เปิดแฟลชไป แต่ผมค่อยๆ เดินไปนะ เพราะส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าเราวิ่ง ผีมันจะรู้ว่าเรากลัว555+ ผมคิดแบบนี้จริงๆ แหละนอกจากน้ันจะคิดถึงเรื่อง Anime ที่เคย ที่ดูไม่จบ ที่ดูค้างไว้ หรือเกมที่เล่นค้างไว้ จะเติมซื้ออะไรดี คิดไปทั่วเลย จนถึงห้องน้ำ ก็นั่งคิดแบบเดิมจนเสร็จ (ตอนแรกจะเปิดเพลง กลัวเหมือนในหนังโกยเถอะโยม ที่ผีร้องเพลงต่อเพลง555) จนเสร็จ และค่อยๆ เดินกลับเหมือนเดิม หลังจากถึงที่ ผ้าคลุมหัวนอนเลยจ้า555 และนี้คือครั้งแรกที่เริ่มกล้าทำอะไรที่คิดว่าน่ากลัวสุดๆ ในชีวิตจริงๆ และจากนั้นเป็นต้นมา ผมเวลาเจอสถานการณ์ที่มันน่ากลัวๆ ที่ต้องไปที่มืดๆ หรือเปรี่ยวๆ คนเดียว เพราะจำเป็น ผมก็กล้าที่จะไปคนเดียว แล้วหลักๆ ที่ทำให้ผมไม่ฟุ่งซ้านคือ คิดอะไรมั่วซั่วไปในหัว ไม่ให้เกี่ยวกับผี พอทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่ค่อยกลัวละครับ แต่ถ้าถามว่าไม่กลัว 100% เลยมั้ยบอกเลยว่าไม่ ถ้าให้ผมเดินผ่านป่าช้า ตี 1 ตี 2 คนเดียว ผมก็ว้าวุ่นเหมือนกัน555 แต่หมายถึง สิ่งที่เราอาจได้ทำปกติในชีวิตประจำวันครับ ไม่นับล่าท้าผี ถ้าผมต้องไปล่าท้าผีแบบนั้น น่าจะต้องฝึก ให้ไม่กลัวอีกขั้น555
3) ปัจจุบันรู้สึกยังไงกับ ความกลัวผี? : ปัจจุบันผมคิดว่า ถ้าเทียบกับสมัยเด็กๆ เปลี่ยนไปเยอะครับ เหมือนที่บอกว่า กล้าทำอะรคนเดียวหลายๆ อย่าง ที่ปกติไม่กล้าทำเพราะกลัวผี และปัจจุบันกลายเป็นว่า ผมดันเป็นคนชอบหนังผีซะงั้นเลย (แต่ไม่ชอบพวกหนังสยองขวัญที่แบบ ฆ่า เลือดสาส ฆ่าตัดตอน ที่เห็นแล้วจะอ้วกนะครับ) เมื่อก่อนไม่เคยเข้าโรงหนังเพื่อดูหนังผีสักเรื่อง ถ้าพูดจำได้เลยว่า ในโรงหนังที่ไปดูหนังผีมีแค่ พี่มากพระขโนง และหอแต๋วแตก เพราะพวกนี้ผีตลก จึงกล้าไปดู หนังผีจริงๆ ไม่กล้าเลย แต่หลังจากที่ผมบอกว่าลองทำอะไรคนเดียวมาบ่อยๆ แล้ว ก็กล้าขึ้น จึงลองไปดูหนังผีในโรงดู ถามว่าชิวถึงขั้นนั่งนิ่งไม่ตกใจเลยมั้ย ไม่มีทางครับ ตกใจ สะดุ้งเหมือนเดิม แต่ผมคิดในหัวสมองว่า หนังเขาอุส่าทำมาให้น่ากลัว มาดูแล้วปิดหูปิดตาไม่ดูฉากน่ากลัวทำไมวะ ผมก็คิดแบบ มาสิวะ!! (เสียงน้าค่อม555) วัดกันสักตั้ง ไม่ปิดหู ลืมตาดูทุกฉากเต็มที่ เต็มที่มันก็ทำให้เราแค่กลัวและตกใจละวะ และก็ดูหนังผีจนจบแบบนี้ทุกเรื่อง ไม่พอ เหมือนโรคจิต กลัวผีนะครับ แต่ไปพิมพ์ใน Google Pantip Top หนังผีที่น่ากลัวที่สุด แล้วก็หาดู555 ซึ่งบอกเลยว่า หลังดูหนังผีเสร็จก็มีกลัวๆ นะครับแบบอย่างดูหนังฉากผีมาในห้องน้ำ เราก็แอบกลัว แต่มันก็แค่แปปๆ เพราะผมกลับบ้านไป ก็ดูAnime เล่นเกม ลืมไปหมดทุกอย่าง แหกปากดังด้วย ผีน่าจะไม่อยู่ฟังผมเล่นเกม555 เพราะงั้น ปัจจุบันก็ต่างจากอดีตเยอะมากครับ ถามว่ากลัวผีเหมือนเดิมม้ย กลัวเหมือนเดิม แต่แค่กล้าเผชิญมากขึ้น กล้าลองมากขึ้น แล้วก็หายกลัวไวขึ้น แต่กลัวเหมือนเดิมครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กลับใครที่หาแนวทางไม่ให้กลัวผี หรือกลัวน้อยลงนะครับ (หรือทำให้ปวดหัว เพราะพิมพ์เยอะเลย55555) /// ใครมีวิธีแก้กลัวผี หรือประสบการณ์อะไร มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ