แม้ชีวิตจะพัง สิ่งสุดท้ายที่เหลือคือแค่ลมหายใจ แต่ก็ยังอยากมีชีวิตต่อไป ฟังดูเห็นแก่ตัวเกินไปไหมครับ

หลังจากที่ชีวิตยังไม่พ้นปัญหาใหญ่เรื้อรัง สภาวะตกงานในอำเภอเล็กๆที่ต่างจังหวัด
ผมวิ่งรอกหาสมัครงานในอำเภอที่ตัวเองอยู่และอำเภอใกล้เคียงทุกๆที่ที่เปิดรับสมัคร 
แถมยังต้องเรียนม.รามฯที่บ้านเพื่อเตรียมสอบควบคู่กันกับการหาสมัครงานไปด้วย เพื่อให้ได้วุฒิป.ตรี เปิดโอกาสตัวเองให้มากกว่านี้
ก็ยังถูกตอกย้ำซ้ำไปซ้ำมาว่า "ทำตัวอยู่เฉยๆไม่ดิ้นรน" "ไม่มีคนจ้างก็ทำฟรีแลนซ์สิ"  "ทำยูทูปสิจะได้มีรายได้" "ไม่มีใครเขารับแกเข้าทำงานหรอก"
ผมวิ่งรอกสมัครงานจนน้ำมันเหลือแทบจะก้นถัง
ทุกที่บอกเพียงว่า "รอการติดต่อไปนะคะ" ผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ผมยังไม่ถูกติดต่อเรียกให้ไปสัมภาษณ์ที่ไหนเลย
จนเมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุสุนัขที่บ้านสำลักอาหารเสียชีวิต ผมไม่สามารถกู้ชีพได้ทันเวลา และพยายามอย่างเต็มที่และไม่สำเร็จ
ตอนนี้รู้สึกเศร้า ครอบครัวก็พัง คนในบ้านก็สภาพจิตไม่ปกติ (แม่ผมหมอรักษาแจ้งไปแค่ในอาการด้านซึมเศร้า เพราะแม่ใช้สิทธิขรก. นานๆพบหมอที ส่วนมากจะแค่ 6 เดือนครั้ง และทุกครั้งที่พบหมอ แม่มักจะแจ้งว่าอาการปกติดี ทั้งๆที่แม่มีอาการทางจิตเวชหลายอย่าง ตอนนี้อายุราวๆเลขหลักห้า) ส่วนผมก็รักษาซึมเศร้าและหรือไบโพลาร์ที่มีขั้วลบดิ่งเป็นพิเศษ ใช้สิทธิบัตรทอง รพ.นัดทุก 3 สัปดาห์
ผมคิดพยายามอยากจะออกปัญหานี้ด้วยการตายให้มันจบๆ แต่เสียง 1% ในหัวมันกลับห้าม และหรอกผมไว้ว่าให้อดทน เดี๋ยวทุกอย่างมันจะผ่านไป 
และมันจะดีขึ้น แต่ฟางเส้นสุดท้ายของผมกำลังจะขาดลง ผมกำลังอยู่ใน Episode ขั้วที่ซึมเศร้าจนถึงที่สุด และดันต้องมาเจอกับเหตุการณ์การสูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักอีก แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ผมก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปครับ ยิ่งถูกตอกย้ำว่าเป็นภาระยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากเหลือเกิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่