ชีวิตการทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเล่าการทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งในนนทบุรีนะคะ  หยอกเย้า

เราย้ายบริษัทมาใหม่ (เนื่องจากบริษัทเก่าเราปิดทำการไปแล้ว เพราะผลกระทบจากโควิดนะคะ)
เราสมัครบริษัทใหม่เน้นใกล้บ้าน เพราะไม่อยากเสียค่าเดินทางเยอะค่ะ 
ซึ่งตอนแรกที่เราสมัครบริษัทนี้นะคะ เราสมัครในตำแหน่ง  Part Time (เพราะเขายังไม่รับแบบประจำ) ^^
.........................
ลืมบอกไปว่า เป็นบริษัทขาย+กึ่งรับเหมาก่อสร้างไปในตัว 
ช่วงที่มาทำงานแรก ๆ เนี่ย เราสมัครตำแหน่งธุรการคีย์ข้อมูลและเอกสารอะไรพวกนั้น ดูภายนอกก็เหมือนบริษัทอื่น ๆ ทั่วไป 
มีผู้จัดการ มีนักศึกษาฝึกงาน มีแม่บ้าน มีพนักงานพม่า มีเจ้านาย(ที่เป็นเจ้าของบริษัท เป็นกรรมการคนเดียวในบริษัท)

ช่วงแรก ๆ เลยที่มาทำงาน มันก็เหมือนบริษัทอื่น ๆ ทั่วๆไป  เราไม่ได้คิดอะไรมาก 
ก็ทำงานตามที่สั่งปกติเลย  บังเอิญว่ามันพึ่งมีงานที่เมืองทองธานี แล้วบริษัทเรา ก็ได้ไปออกบูธ เราเลยได้ทำงานออกแบบสื่อสารๆ 
ป้ายไวนิล โปรเตอร์ โปรโมชั่น presentation ต่างๆ เหมือนเจ้านายจะถูกใจ ว่าเราสามารถออกแบบ ทำ Photoshop ได้  
ช่วงเดือนแรก ๆ อะไรๆมันค่อยข้างปกติ เรื่อย ๆ ( เราเข้างาน 8.30-17.30 หยุด เสาร์-อาทิต*เฉพาะพนักงาน  Part Time นะคะที่เข้าออกเวลานี้*)

แล้วมันต้องมีการไปออกบูธที่เมืองทอง เราได้ไปวันนึง ความรู้สึกแปลกๆ มันเริ่มต้นขึ้น ทุกคนที่ได้ไปออกบูธนะคะ 9.00-21.00
 ไม่มีค่าข้าวให้ ไม่มีค่าโอ ไม่มีค่าสองแรงให้ค่ะ  (ใช้รถบริษัทไป) เจ้านายใช้คำว่า ช่วยๆกันนะ ถ้าได้ลูกค้าจะให้ค่าคอมโน่นนี่นั่น
แต่มีพี่คนนึงเขาบ่นกับแม่บ้านคนหนึ่งในบริษัท ประมาณว่า "ที่ทำงานเก่า ถ้าได้ออกบูธนะ ทุกคนจะแย่งกันมาเลย ได้เงินสองแรง ได้ค่าล่วงเวลา"
แล้วเหมือนแม่บ้านคนนี้ จะเอาไปฟ้องเจ้านาย (เราไม่แน่ใจนะ)  เจ้านายเขาเอามาพูดที่ประชุม ประมาณว่า หาลูกค้าไม่ได้แล้วยังจะเอาเงินอีกเหรอ
(เราบอกก่อนนะคะว่าสินค้าของบริษัทหลักแสนค่ะ ไม่ใช่ว่าหลักร้อยหลักพันนะคะ ซึ่งมันไม่ใช่ว่าจะขายได้ง่ายๆ) 
และที่แปลกกว่านั้นคือ บริษัทประชุมเช้า ประชุมเย็น 08.30 และ 17.30 ทุกวัน ย้ำว่าทุกวันนะคะ (เราไม่รู้ว่าบริษัทอื่นประชุมขนาดนี้ไหม แต่ก็เพิ่งเจอ)
มีวันหนึงที่ต้องประชุม ไปออกบูธ 
ผู้จัดการ "มีสินค้า C อยู่นะคะ (สินค้าที่มีในสต็อกราคาไม่แพงหลักร้อยถึงพันต้นๆ) เจ้านายจะให้เอาไปขายที่บูธไหมคะ "
เจ้านาย " จะเอาไปขายทำไม สินค้าชิ้น1 ยังไม่พอจ่ายเงินเดือนคุณเลยด้วยซ้ำ" 

เราค่อนข้างอิหยังวะกับบทสนทนานี้มาก ๆ แบบเห้ย ได้เหรอ Facepalm 

บริษัทเราไม่มีร้านขายข้าวใกล้ ๆ เลย จะต้องสั่งไลน์แมน หรือไม่ก็ออกไปกินข้างนอก 
น้องที่เป็นนักศึกษาฝึกงาน ก็ชอบชวนออกไปกินข้าวข้างนอกตอนพักกลางวันค่ะ ก็เลยพากันไป ไม่ไกลจากบริษัทมาก 
ออกไปประมาณ 2-3 วันติดๆกันได้ เพราะไม่มีใครพกข้าวมากินที่บริษัทเลย  ซึ่งหลังจากนั้น ก็มีการสั่งห้ามไม่ให้ออกไปกินข้าวด้วยกันค่ะ 
(อิหยังวะอีกรอบ)  ให้พกข้าวมากินที่ออฟฟิศเอง หรือ ใครไม่ได้พกมาก็ต้องสั่งมากินเท่านั้น ห้ามออกไปกินข้าวด้วยกัน  (อันนี้ไม่รู้ใครฟ้องนะคะ เพราะผู้จัดการก็ไปกินด้วยกัน  เราขอเดาว่าแม่บ้านคนเดิม)  อันนี้เรามองว่าไม่ผิด บริษัทไหน ๆ เขาก็ออกไปกินข้าวข้างนอก อีกอย่างมันพักกลางวัน เราโครตไม่เข้าใจเลย

น้องนักศึกษาฝึกงานกำลังจะฝึกงานจบช่วงสิ้นเดือนตุลาคม  น้องเขาชวนพี่ที่ออฟฟิศอีกคนไปดูหนังเรื่องสัปเหร่อหลังเลิกงาน ก็คุยแบบเปิดเผย  ไม่ได้ปิดบังอะไร (มันก็คือเรื่องปกติ)  พอหลังจากนั้นอีกสองสามวัน  พี่คนนั้นโดนไล่ออกจากบริษัทค่ะ แบบงง ๆ หลังประชุมเช้าเสร็จให้กลับบ้านเลย
แล้วน้องที่จะฝึกงานจบ ไม่ได้เงินค่าจ้างเดือนสุดท้ายด้วยค่ะ  ผู้จัดการก็ลาออกจากบริษัท ตอนนี้เหลือ เรา และแม่บ้าน (จริงๆเราจะลาออก แต่เขาไม่ให้ออกค่ะ แบบขอให้อยู่ต่ออะไรแบบนั้น)   และมีน้องนักศึกษาฝึกงานใหม่เข้ามาพอดี เราใช้ชื่อย่อว่า น้อง ก นะคะ  น้อง ก มาจากเหนือ มาไกลมาก ต้องมาฝึกงานที่บริษัท 4 เดือน เราก็เป็นคนสอนงานน้อง ไม่ได้เยอะแยะอะไรมาก แต่บริษัทเราจะมีงานชิ้นนึง ที่ต้องทำเช้าและเย็นทุกวันรวมถึงวันหยุดด้วย (เราขอเรียกว่า การบันทึกข้อมูลลูกค้าละกันค่ะ  บันทึกรายวัน แล้วสรุปรายเดือนส่งให้ลูกค้า งานอันนี้มันอยู่ในระบบประกันบริษัท ) น้อง ก จะเป็นคนบันทึก

เขาให้เราเซ็นสัญญาจ้างเป็นพนักงานประจำ แล้วเราต้องเข้างาน 7.30 เลิก 17.30  6 วัน จ-ส (ไม่มีค่าโอ ไม่มีค่าอะไรทั้งนั้นนะคะ)
ในสัญญาก็ปกติเลยค่ะ กฎระเบียบการทำงาน การลา การหยุด การลาออกอะไรพวกนี้ เราก็เซ็นเอกสารไป แล้วสัญญาเนี่ยมีชุดเดียว เราไม่ได้นะคะ เซ็นเสร็จเขาก็เก็บไปเลย  ส่วนประกันสังคมเนี่ยเขาบอกจะเอามาให้เซ็นที่หลัง (ตอนนี้จะ 3 เดือนแล้ว เรายังไม่ได้เซ็นเลยค่ะ)  ต้องนี้เราทำงานเกือบทุกอย่างในบริษัท จัดซื้อ ธุรการ พี้เลี้ยงนักศึกษา สโตร์ HR ณ.ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจเลยว่าสรุปเราอยู่ตำแหน่งอะไรในบริษัท 

ส่วนน้อง ก (นึกศึกษาฝึกงานคนใหม่) ต้องบันทึกข้อมูลบริษัทเช้าเย็นทุกวัน ทำไดอารี่รีพอตของช่าง ทำใบเบิกอุปกรณ์สโตร์ ทำใบรับเข้า (เหมือนพนักงานคนนึงที่เราขาดไม่ได้)  และมีพี่คนนึงเข้ามาใหม่ พี่ ด. มารับช่วงดูแลโตร์ ทำใบเสนอราคาอะไรพวกนั้น   วันนึงเจ้านายเรียกไปคุย ยกเว้น น้อง ก.

เขาขอให้ช่วยบริษัท ช่วยๆกัน อาจจะทำหลายหน้าที่เยอะหน่อยไม่ว่ากันนะ  แต่ห้าม ไปกินข้าวด้วยกัน เขาบอกว่า คนที่กินข้าวด้วยกัน คือ คนอ่อนแอ คนแข็งแกร่งเขาไม่ไปกินข้าวด้วยกัน หรือไปไหนด้วยกันหรอก  อยู่บริษัทเดียวกัน คือ พนักงาน ไม่ใช่ เพื่อน จะมาทำตัวสนิทกันเหมือนเพื่อนไม่ได้ และไม่อนุญาตให้ไปกินข้าวหรือไปเที่ยวกันหลังเลิกงาน รวมถึงไม่อนุญาตให้สร้างกลุ่มคุยกัน (เรานี่แบบ อะไรเนี่ย เกิดมาพึ่งเคยเจอ) ตรรกะป่วยมาก บริษัทเจ้านายใครเป็นแบบนี้มั้ยคะ ?  ไม่ใช่แค่นี้นะคะ มีน้องผญ คนนึงมาขอฝึกงาน  น้องคนนี้เขาเคยพักการเรียนประมาณ เทอมนึง เพื่อทำงาน น้องเขาทำงานเป็นช่างสักค่ะ แล้วเหมือนเจ้านายเขาไม่ชอบอย่างมาก เรียกพนักงานไปคุยอีกครั้ง (ยกเว้น น้องคนนี้ และน้อง ก )  เขาพูดว่า" น้องคนนี้ดูเป็นคนแรงมากนะ ต่อรองเป็น แถมเจอคนมาเยอะแยะ คิดดูทำงานสักด้วย เจอพวกขี้ยงขี้ยา คงเห็นมาหมดแล้ว คนมาเปิดนม เปิดตูดให้สักอะไรแบบนี้ ให้ช่วยๆกันดูอย่าให้พา น้อง ก. เสียคนนะ อย่าให้ไปไหนมาไหนด้วยกัน"  แล้วเวลาประชุมเขาจะพูดใส่น้องคนนี้ทุกครั้ง จนน้องคนนี้เขาต้องหาที่ฝึกงานใหม่ค่ะ เราสงสารมากเลย แต่ทำไรไม่ได้ แต่อีกใจ ก็ดีใจที่น้องไม่ต้องมาเจออะไรแย่ ๆ อีก   แล้วเรารู้สึกอะไรมันแย่ลงมากๆ ตรรกะเจ้านาย อะไรหลาย ๆ อย่าง 

มีช่วงนึงตอนประชุม เขาบอกว่า เราทำงานทิ้ง ทำงานแล้วใช้ไม่ได้ พูดรอบเดียวยังโอเคนะคะ แต่พูดติดกันหลายวันมาก จนเราทนไม่ไหว เราเลยถามเขาตรงๆ ว่า ที่เจ้านายพูดเนี่ย หมายถึงอะไรคะ ที่ว่าใช้งานไม่ได้ งานออกแบบ ออกบูธ สื่อต่างๆ นี่ก็ทำคนเดียว ก็ใช้ได้นะ หรือยังไง  เวลาเสนอราคาคนทำเว็บคนทำอะไรไป ก็เสนอไปหมดแล้ว รอเจ้านายอนุมัติ ไหนจะพวกเฟสบุค ยิงแอด มันต้องใช้เงิน แล้วเจ้านายยังไม่ได้ใส่ข้อมูลเลขบัตรอะไรเลย มันทำได้แค่โพส อัพเดตรายวันเท่านั้นแหละค่ะ  ถ้าให้พูดตรงๆตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เพราะเสนออะไรไปหมดแล้วเขาไม่สนใจ คือเราก็พูดไปแบบนี้เลยค่ะ  เขาก็เหมือนตกใจนิดนึง แล้วก็พูดว่า เดี๋ยวค่อยไปคุยกันทีหลังละกันนะ   (เขาให้เราทำการตลาดออนไลน์ค่ะ พวกเฟสบุค พวกเว็บไซต์บริษัท เขาไม่เคยทำการตลาดออนไลน์เลย บริษัทเปิดมาเกือบ 10 ปี ซึ่งทำอะไรพวกนี้มันต้องใช้เงินมั้ย ต้องลงทุนมั้ย )  คือมันเครียดนะคะ ต้องมาประชุมทุกวัน วันนี้ทำอะไรบ้าง ตอนเย็นทำอะไรไปบ้าง แล้วเขาให้ทุกคนเขียนรายงานส่งเขาด้วยค่ะ รายงานว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง (นึกว่ามาเรียนหนังสือ)

แล้วบริษัทเรามีพนักงานพม่าหลายคน มีคนนึงที่ขาดงาน (ขาดงานครั้งแรกนะคะ ไม่เคยขาดเลย) แต่ตอนประชุมช่วงเช้า แม่บ้านเขาพูดในที่ประชุมว่า พม่าคนนี้ไม่มาทำงาน และไม่ได้แจ้งใคร ขาดงานไปเฉย ๆค่ะ (ย้ำรายรอบมาก) พออีกวัน เขาให้พนักงานคนนี้ลาออก เขาพูดไทยแทบไม่ได้เลยนะคะ 
เขางงว่าให้เขาออกเลยเหรอ ทำไมไม่เตือนก่อน เขาไม่เคยขาดงานเลย เขาไม่สบายและไม่มีมือถือค่ะ แล้วเอาจะเอาเงินที่ไหนถ้าไล่ออกแบบนี้ ดูน่าสงสารมาก เหมือนเจ้านายคนนี้จะฟังแม่บ้านมาก 

และมีช่วงที่ต้องทำเงินเดือนให้พนักงานพม่า  จะมีคนมาสายบ้าง แต่ไม่มีใครมาสายเเกิน 10 นาทีเลยนะคะ แล้วเขาก็มาพูดว่า ต้องหักเงินกี่บาทคนที่มาสาย เราเลยพูดว่า ไม่มีนะคะ ปกติ ขาด ลา มาสาย ถ้าไม่เกิน 30 นาที ไม่มีหักเงินนะคะ มีแต่ไม่ได้เบี้ยขยัน  แล้วเขาเหมือนจะไม่เชื่อค่ะ ให้เปิด google ดูการหักเงิน ซึ่งใน google เนี่ย เขาบอกเหมือนที่เราบอกเลยค่ะ  เจ้านายไม่สามารถหักเงินลูกน้องได้ ถ้าลูกน้องไม่ได้ มาสายเกิน 30 นาที ผิดกฎหมาย 
แต่เจ้านายไม่เชื่อค่ะ เขาบอก google มันมั่ว  บริษัทใหญ่ ๆ เขาก็หักเงินกันทั้งนั้น ยกตัวอย่าง ทีมฟุตบอล ถ้าเขามาซ้อมสายเขาก็ต้องมีลงโทษ ให้วิ่งรอบสนาม หรือ หักเงินกันทั้งนั้น  ..... โอ้ยอะไรเนี่ยยย  สรุปรอบนั้นไม่ได้หักเงินนะคะ เพราะหาข้อสรุปไม่ได้  แต่เขาบอกว่า ถ้ามีอีกครั้งหน้า จะหักเงินนาทีละ 5บาท ซึ่งมันเยอะมากนะคะ เขาพูดว่า "พี่ไม่ได้อยากได้เงินเลย ไม่อยากหักเงินใครเลย " บลา ๆ 

เวลาทำงานเราจะมีกินขนมกันบ้างค่ะ ลูกอมบ้าง หรือ ขนมเล็ก ๆ ไม่ได้จับกลุ่มกินกันนะคะ แล้วเหมือนมีคนไปฟ้องค่ะ เจ้านายเขาพิมเข้ามาในกลุ่มว่า ไม่อนุญาตให้กินขนมกันเวลางานนะครับ ให้กินเวลาพักเที่ยงเท่านั้น  จะเป็นใครไม่ได้ค่ะที่ฟ้อง ก็แม่บ้านคนเดิม  แล้วเขาเอามาพูดใส่ที่ประชุม ว่าพี่ไม่ให้กินขนมนะ เวลาไปเรียน เขาก็ไม่กินขนมกัน ครูเขาไล่ออกจากห้องนะ บลา ๆ  แล้วมีช่วงนึงที่เราชอบซื้อขนมมาแบ่งพี่พม่า เขามาถามว่า พี่พม่ามาขอขนมกินเหรอ  ก็เลยบอกว่า ไม่ได้ขอเลยค่ะ ให้เองค่ะ เขาไม่เคยมาขอกินค่ะ แต่ตั้งใจแบ่งให้  ซึ่งเขาก็บอกว่า อย่าไปให้ขนมพม่านะบลาๆ ไม่รู้ทำไม งงมาก 

ที่เรายังไม่ออก เพราะสงสารน้องที่ฝึกงานมาก ๆค่ะ คือเวลามีเอกสารที่มหาลัยส่งมา เจ้านายเขาไม่เซ็นค่ะ ไม่สนใจ เอาไปดอง หรือแบบ ไม่ยอมเซ็นอะไรให้ทั้งนั้น น้องจะลากลับไปสอบที่มหาลัย ก็ยังไม่เซ็นเลยค่ะ มันเป็นแบบฟอร์มของมหาลัย แต่เขาบอกว่าแบบฟอร์มไม่ถูกต้อง ไปแก้มาใหม่ ให้อาจารย์แก้ใหม่ถึงจะเซ็นให้ ซึ่งแบบฟอร์มนั้นเป็นแบบฟอร์มที่มหาลัยเขาทำไว้อยู่แล้ว สำหรับศึกษาทุกคน แล้วเขาจะให้แก้เพื่อ เพื่ออะไร แล้วน้องเขาจะมีสิทธิ์อะไรไปสั่งให้มหาลัยแก้ให้ แบบฟอร์ม อยู่มาเป็นปี ๆ  เราไม่เข้าใจเลย  เราเลยจะเป็นคนเซ็นให้ค่ะ ไม่งั้นน้องเขาจะไม่ได้ส่งเอกสารให้มหาลัย (เซ็นในฐานะพี่เลี้ยงนะคะ) แล้วน้องเขาทำงานจะสองเดือนยังไม่ได้เงินเลยค่ะ มหาลัยของน้องเขาบังคับว่า จะต้องได้เบี้ยเลี้ยง น้องเขามาจากเหนือ ต้องเช่าห้องเอง สงสารน้องมาก  เราเลยบอกน้องว่า สามารถแจ้งมหาลัยได้ไหม ขอย้ายที่ฝึกงาน ทำที่นี่สองเดือน แล้วไปต่อที่อื่นสองเดือนได้ไหม ไม่รู้จะช่วยยังไง น้องเขาทำงานเยอะมากนะคะ แต่เจ้านายก็เหมือนจะไม่ชอบ บอกน้องไม่ยอมถามอะไร คนที่มาฝึกก่อน ๆ ถามบ่อย แต่นี่ไม่ถามอะไรเลย แล้วเหมือนไม่ได้งาน ไม่มีโปรเจค ไม่มีผลงาน เรามองว่าถ้าไม่มีน้องใครจะทำงานส่วนนี้ วันหยุดก็ต้องทำงานให้  (น้องเขาแจ้งไปแล้วนะคะว่าไม่จำเป็นต้องทำโปรเจค ตั้งแต่มาฝึกงานอาทิตแรกเลย)

แล้วปีใหม่เนี่ย เราคาดหวังว่า บริษัทจะหยุด 29-2 ไม่น่าเกลียด ซึ่งพี่พม่าเขาก็ถามค่ะ  ว่าปีใหม่ออฟฟิศหยุดวันไหน แล้วพอถามไป ไม่เคยตอบตรงคำถามเลย กลับตอบว่า  เราไม่จำเป็นต้องไปหยุดตามราชการ หรือหยุดตามธนาคาร เราไม่ใช่ราชการ ใครอยากลาก็ลาได้เลย ลาเยอะ ๆ แต่ไม่ยอมบอกว่าบริษัทปิดวันไหนบ้าง  ไปๆมาๆ บอกว่า ไม่หยุดนะ 29-30 หยุดวันที่ 1 วันเดียวจ้า  

แล้วเงินเดือนเรา โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ด้วยนะคะ เรางงมาก ทำไมถึงหัก เราไม่ใช่ฟรีแลนซ์นะคะ ประสังคมก็ไม่ได้ด้วยค่ะ แล้วไม่มีเอกสารแจ้งเงินเดือนอะไรเลยค่ะ   ฃ
เพี้ยนมองบน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่