สายฝนกำลังมีความสุขกับความทรงจำในค่ำคืนอันแสนสุขระหว่างเธอกับอิงฟ้า ในฝันกำลังแลกจูบนัวเนียหวานเชื่อมบนรถอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกขัดจังหวะอย่างแรงด้วยร่างของน้องสาวสายฝนที่ทิ้งตัวลงมาทับบนเตียงเต็มแรง
แอ่ก!
“พี่ฝนตื่นได้แล้วว!”
สิ้นเสียงปลุกสะเทือนหู สายฝนเปิดผ้าห่มออกมาดวงตาเบิกกว้าง “โอ๊ยยย ยัยหนู พี่พึ่งได้นอนเมื่อเช้าเอง”
“น้องคิดถึง ลุกมาเล่นกับน้องก่อนน้าาาาา” ร่างสูงของพี่สาวพลิกหนีกการก่อกวน แต่ลมหนาวไม่ลดละคลานไปนอนเกาะแกะไม่ให้นอนต่อ
“ฮืออออ โตเป็นควายแล้วมาเล่นอารัยอีกยัยหนูวว พี่จะนอนนนนน”
ลมหนาวน้องสาวคนเล็กของบ้าน เธอใช้ชีวิตของการเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในวัยยี่สิบปี ในหนึ่งวันของเธอเต็มไปด้วยกิจกรรมเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายสัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ ถ่ายภาพนิตยสาร เล่นมินิคอนเสิร์ต ลมหนาวแทบไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย แล้วเธอเองก็คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้กับพี่สาวเป็นอย่างมาก
“หนาวว่างวันเดียวเอง ว่างอีกทีคือเดือนหน้าเลยนะพี่ฝนตื่นก่อนนนน น้าาา ตื่นเร็ว”
สายฝนลุกนั่งยิ้มแบบฝืน ๆ เธอรวบตัวน้องสาวเข้ามากอด “นี่ไงเจอแล้ว กอดแล้ว หายคิดถึงแล้ว นอนต่อแล้วนะ”
ไม่ทันได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนดังใจปรารถนา ลมหนาวก็ล็อกแขนยื้อไว้ไม่ให้เอนหลังลงไปได้อีก “เค้าจะย้ายไปอยู่คอนโดนะ!”
พอได้ฟังประโยคนี้เท่านั้นแหละ สายฝนตาลีตาเหลือกโยนผ้าห่มทิ้งลุกขึ้นนั่งตื่นเต็มตา “ทำไมอะ! ลมหนาวจะไปอยู่คอนโดคนเดียวได้ไงแล้วใครจะดูแล อยู่บ้านยังมีแม่บ้านคอยจัดแจงซักผ้าให้ ทำกับข้าวให้กินนะ ไปอยู่ไกลหูไกลตาเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำไง ไม่เอาหรอก!”
“หนาวเหนื่อยอะพี่ฝน บ้านเรามันไกลเดินทางจนร่างล้าไปหมด หนาวย้ายไปอยู่คอนโดของค่าย มีเพื่อน ๆ ในวงอยู่ด้วยกัน พี่ฝนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“พูดมาได้ ไม่ให้ห่วงน้องแล้วจะให้พี่ไปห่วงหมาที่ไหนล่ะ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายเอาแต่ห่วงงานบ้าบออะไรไม่รู้อย่างพี่หมอกนะ แล้วเราน่ะบอกไอ้พี่หมอกยังอะเรื่องนี้”
“บอกแล้ว พี่หมอกก็ไม่เห็นว่าอะไรนะ เขาบอกว่าดีแล้วหนาวจะได้นอนเยอะขึ้นด้วย”
“เหอะ!” พอได้ยินคำตอบตามคาดสายฝนถึงกับต้องเบะปากใส่พี่ชาย
“น้องสาวทั้งคนนะเห้ย จะปล่อยให้ไปตกระกำลำบากคนเดียวได้ไงอะ”
“พี่นี่ช่างแขวะ หนาวบอกแล้วไงว่าอยู่กับเพื่อนในวง ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย มีเมเนเจอร์สองคนคอยดูแลด้วย กินอิ่มนอนหลับสบายแน่นอน”
“เฮ้ออ แล้วเรื่องนี้น่ะเหรอที่บอกว่าอยากคุยกับพี่?”
“ค่ะ เรื่องนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนไกล อย่ามาทำหน้าหมาซึมนะพี่ฝน ไม่ต้องใช้มุกเศร้าซึมคอตกเลย มุกนี้ไม่ได้ผลแล้ว”
ในเมื่อน้องสาวมีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในใจ พี่สาวที่ขี้เป็นห่วงอย่างเธอคงได้แต่เป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นแหละ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สายฝนต้องยอมรับ ลมหนาวโตมากพอที่จะเดินตามความฝันของตัวเองอย่างเต็มที่ น้องไม่ต้องการสองมือคอยประคองอีกต่อไป
ลมหนาวเองก็คงไม่ต่างจากเธอ ที่ต้องการมีอิสระในการใช้ชีวิต แต่เนื่องด้วยอะไรหลายอย่างประกอบกัน ทำให้สายฝนต้องเสียสละตัวเองทำงานตามที่ม่านหมอกต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้ม่านหมอกใช้คำว่าครอบครัวบังคับลมหนาวให้มาสานต่อกิจการโรงแรมที่น้องไม่ชอบ
“ไปช้อปปิ้งกันนะ หนาวอยากเล็มผมแล้วก็อยากได้รองเท้าใหม่อ่า พี่ฝนพาไปเลี้ยงหน่อยจิ” น้องสาวคนเล็กโน้มตัวเอาหัวมาถูไถอย่างออดอ้อน ลมหนาวอยากให้วันหยุดหนึ่งวันนี้เป็นวันที่แสนมีค่าเพราะได้ใช้เวลาร่วมกับพี่สาวสุดที่รัก
“อ้าวไหงเป็นงั้นล่ะ ตัวเองทำงานหาเงินได้ตั้งเยอะก็ควรมาเลี้ยงพี่สิ” สายฝนหยิบยางรัดผมเตรียมตัวเดินเข้าห้องน้ำไปแปลงกาย ชำระล้างความง่วงออกไปสักหน่อย
“ไหนว่าน้องคนเดียวเลี้ยงได้ไง? นี่พี่จะกลืนน้ำลายตัวเองหรอพี่ฝน”
“ไม่กลืนค่าไม่กลืน ตัวเองไปรอข้างนอกเลย พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อน เอ้อ ลงไปชงกาแฟให้พี่สักแก้วสิ ง่วงจริงนะ กลัวไม่ไหว”
“รับทราบคับพ้ม! เค้ารักพี่ฝนน้าา” ลมหนาวกระโจนเข้ามากอดพี่สาวอย่างเต็มรัก เธอดีใจมากที่สายฝนตอบรับลูกอ้อนในวันนี้
.
.
ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนฟิวชั่นแห่งหนึ่ง
บรรยากาศสไตล์คลาสสิกอบอุ่นและแสงอันนุ่มนวลสะท้อนกับสภาพแวดล้อมที่หรูหรา อิงฟ้าและสายฝนนั่งตรงข้ามกัน โดยมีอาหารน่ารับประทานคั่นกลางระหว่างพวกเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเอาแต่เหม่อล่ะคุณ” อิงฟ้าถาม ดวงตาคู่สวยฉายแววสงสัย “ชวนเรามาลองเดทแท้ ๆ แต่มานั่งเขี่ยเส้นสปาเกตตีเล่นแบบนี้อะนะ” มันน่าตีจริงเลย อุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวเพื่อให้สวยฉ่ำจำไม่ลืมนานเป็นชั่วโมง แต่กลับต้องมานั่งมองสายฝนทำตัวหม่นหมองเสียอย่างนั้น
“อ่าขอโทษค่ะ พอดีน้องเรามาขอแยกไปอยู่คอนโดน่ะ มันเลยหวิว ๆ นิดนึง” สายฝนถอนหายใจบางเบา หมุนส้อมในชามสปาเกตตีอย่างเนือย ๆ
บังเอิญในบังเอิญจริง ๆ น้องสาวที่สายฝนพูดถึงดันเป็นเพื่อนกับอิงดาวน้องสาวของอิงฟ้า นึกถึงวันนั้นที่ต้องลากสังขารออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปเก็บกวาดพวกเด็กเมาเรื้อนที่ผับหลังมหาวิทยาลัย อิงฟ้าก็เป็นคนแบกลมหนาวขึ้นรถเองกับมือ
“อืมม ดูจากรูปที่คุณส่งมาในแชทน้องคุณก็น่าจะอายุสัก 20 ไหมนะ? เราว่าน้องน่าจะดูแลตัวเองได้ดีเลยล่ะ คุณไม่ต้องห่วงหรอก” อิงฟ้าหั่นแซลมอนอย่างประณีตให้เป็นชิ้นพอดีคำแล้วใช้ส้อมจิ้มยื่นไปยังเจ้าหมาหน้าหงอยด้วยรอยยิ้มเชื้อเชิญ “อาา อ้าปากเร็ว”
การกระทำที่น่ารักเกินคาดแบบนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงข้าม สายฝนอมยิ้มขยับริมฝีปากงับแซลมอนที่คุณคนสวยตั้งใจหั่นเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมจากเนื้อปลาแซลมอนหอมนิดเค็มหน่อยเต้นอยู่บนลิ้น ส่งผลให้เธอผ่อนคลายและกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากขึ้น
“ในสายตาเราอะคุณ เรายังเห็นน้องเป็นเบบี๋ตัวจิ๋วที่ต้องคอยป้อนน้ำป้อนขนมอยู่เลย แต่วันนี้ตอนที่เดินช้อปปิ้ง เราเห็นน้องตัวสูงเท่ากันแล้วอะ แถมยังหาเงินใช้เองไม่ต้องพึ่งพาใครอีก โตไวขนาดนี้ได้ไงไม่รู้”
“น้องโตแล้วคุณก็ต้องดีใจกับน้องสิ มาเศร้าซึมใช้ได้ที่ไหนละเนี่ย”
อิงฟ้าเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปทาบไว้บนมือสายฝนเบา ๆ เธอไม่ถนัดใช้คำหวานปลอบใจใคร แต่ก็หวังว่าไออุ่นหย่อมเล็กจากมือเธอจะพอช่วยบรรเทาความวุ่นวายในใจสายฝนได้บ้าง
“โถ่คุณ เราโตมากับน้องเลยนะ อยู่เคียงข้างกันตลอด ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ใครจะคอยปกป้องดูแลล่ะ”
“พูดเหมือนกับน้องจะไปออกรบอย่างนั้นแหละ นี่ ทำไมไม่ลองคิดอีกมุมหนึ่งละ เราว่าลมหนาวน่าจะอยากทำให้คุณภูมิใจนะ น้องเลยอยากเต็มที่กับเส้นทางที่เลือก คุณก็ต้องช่วยเป็นกองเชียร์คอยส่งยิ้มให้สิ ไม่ใช่หงอยแบบนี้”
อิงฟ้าอยากให้สายฝนได้ลองมองอีกมุม บางครั้งการได้เห็นคนที่เรารักแยกกันไปเติบโตขึ้นมันอาจเป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจเหมือนกัน
“ทำไมคุณดูเข้าใจโลกจัง?”
“เราไม่ได้เข้าใจโลกเส็งเคร็งนี่หรอก แต่เราไว้ใจ น้องเราก็รุ่นเดียวกับลมหนาวนี่แหละ เรารู้สึกสนุกมากกว่าถ้าปล่อยให้น้องไปลุยเอง เรานั่งสวย ๆ อยู่บ้านรอให้น้องวิ่งมาฟ้องว่าโดนแกล้ง ถึงตอนนั้นเราค่อยกางปีกปกป้องก็ไม่สายไปหรอก”
“ดีจังที่เราได้คุยกับคุณ” ประกายในดวงตาสายฝนวาววับไปด้วยความพึงพอใจ
“จะดีกว่านี้มาก ถ้าคุณยอมกินข้าวสักที ดูสิ เรากินหมดไปครึ่งจานแล้วเนี่ย”
“แหะ ๆ ซอรี่นะคุณ มาเรามาเอ็นจอยกับอาหารกันเถอะ เรานี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ น้า ชวนคุณมาเดทแต่เกือบทำคุณเซ็งซะแล้ว”
“รู้ตัวก็ดี วันนี้ให้คะแนนติดลบดีมั้ยนะ? ปกติเราไม่ยอมเดทกับใครง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้” คนสวยขู่ฟ่อ คนสวยจะไม่อ่อนโยนอีกแล้ว แต่สายฝนยังยิ้มได้ถึงแม้โดนตำหนิเล็กน้อย มือเรียวคว้าขวดไวน์ขาวจากองุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc มาบรรจงรินลงแก้ว
“ดื่มนี่นะคุณ มันหอมละมุนเข้ากับแซลมอนมากเลย”
กลิ่นหอมและรสชาติของผลไม้รสเปรี้ยวหวานผสานกันอย่างลงตัว เมื่อรสชาติแตกซ่านฉาบไปทั่วลิ้นยิ่งกระตุ้นความอยากอาหารเพิ่มขึ้นอีก อิงฟ้าพบว่าหลังจากดื่มเจ้านี่ไปตัวเองสนุกกับการทานอาหารมื้อนี้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ฮือ คาโบนาร่าจานนี้อร่อยมากอะ กินหมดนี่เราอ้วนตายแน่ ๆ ”
“กินจุมื้อเดียวไม่ทำให้คุณอ้วนหรอกน่า อะ กินอีกนะ” สายฝนหัวเราะคิกคักม้วนเส้นคาโบนาร่าป้อนคนที่กำลังกังวลว่าตัวเองอาจตัวแตกได้หลังจากจบอาหารมื้อนี้ “เวลาคุณเคี้ยวแก้มตุ้ยๆ มันโคตรน่ารักเลยนะเนี่ย”
อิงฟ้าชะลอการเคี้ยวลงเพราะสะดุดกับคำชมที่ทำให้ใจวูบวาบ เธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแอที่ใจสั่นกับคำพูดเรียบง่ายเช่นนี้ “โนชม โนจีบ ไม่ให้จีบ! ย้ำ ไม่ให้จีบค่ะ!”
“อะไรอ่า ไม่ได้จีบสักหน่อย คุณหวั่นไหวเองอย่ามาโทษเราสิ”
ยิ่งห้าม เหมือนยิ่งยุ ยัยคนแววตาเจ้าเล่ห์ถือโอกาสใช้ปลายนิ้วโป้งปาดซอสครีมที่เลอะริมฝีปากคุณคนสวยที่พยายามขู่ฟ่อให้เกรงกลัวอย่างไม่สนใจ อีกทั้งสายฝนยังเพิ่มเลเวลคันยุบยิบในอกด้วยการส่งปลายนิ้วที่เปื้อนซอสเข้าปากตัวเองอีก
อิงฟ้าเบิกตากว้าง “ไอ้บ้า! กินทำไม มันสกปรก”
“ซอสครีมมันมาจากปากคุณมันจะสกปรกได้ไง ไม่ได้หล่นลงพื้นสักหน่อย เหย คุณแก้มแดงอ่า เราแค่เช็ดนิ้วเราเองนะ”
“แล้วมันใช่วิธีเช็ดที่ถูกต้องมั้ยเนี่ย!” อิงฟ้าพยายามคีพคูลโดยการโต้กลับ แต่รู้สึกว่าไม่เข้าใกล้ชัยชนะเลยสักนิด ขาหนึ่งข้างก้าวไปอยู่ในเขตคนแพ้เรียบร้อย
“วิธีที่ถูกต้องมันคืออะไรอะ ไหนคุณลองเฉลยสิ้”
“ไม่รู้แล้ว กินไปเลยนะ! ของตัวเองในจานยังไม่หมดเลยมัวแต่มาป้อนมาบังคับคนอื่นเขากิน”
“เรียกว่าบังคับไม่ได้มั้งคะ คุณกินที่เราป้อนหมดทุกอันเลย ดูสิ เกลี้ยงเลยในจานน่ะ”
“ถ้าพูดอีกเราจะคายคืนเดี๋ยวนี้แหละ”
“โหดจังเลย โหดกว่านี้ได้อีกมั้ยคะ?”
“จิ้! ส า ย ฝ น กินข้าว อย่าเล่น” ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ฉายแววดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อิงฟ้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการพบเจอกันคราวนี้เป็นการลองเดทอย่างที่หวังหรือโดนหลอกมาแกล้งกันแน่
“โอเค โหดมาก กลัวแล้วค่า” คนขี้แกล้งตอบด้วยการขยิบตาอย่างขี้เล่นแล้วลงมือจัดการอาหารในจานตัวเอง สงบความป่วนลงเล็กน้อยพลางชวนคุยเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยไปด้วย
สายฝนเคยคิดว่าโลกนี้แสนน่าเบื่อวนเวียนอยู่แต่ความผิดหวังซ้ำไปซ้ำมา แต่กลับต้องดีดความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อได้เจอคนที่เหมือนจะเชิ่ดหยิ่งไม่สนโลกอย่างอิงฟ้า แต่กลับเข้าใจชีวิตในหลากหลายมุม คนที่ดูเหมือนจะดุร้าย แต่ข้างในกลับนุ่มนวลน่าเข้าไปขอนอนซบชาร์จพลัง
เธอชอบเสียงหัวเราะที่ปล่อยออกมาสุดเสียงอย่างไม่เคอะเขิน กินอาหารเคี้ยวเต็มแก้มแบบไม่ห่วงสวย สายฝนสามารถปล่อยใจให้สบายโดยไม่ต้องมีพิธีรีตองให้มากความเมื่อใช้เวลาอยู่กับอิงฟ้า แถมยังได้แกล้งอย่างสนุกสนานด้วย
พูดได้ไหมว่า… กับคนนี้คือแหกโค้ง ไม่ใช่แค่เซ็กส์ที่รสชาติถูกปาก แต่รวมไปถึงทัศนคติที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ตกหลุมอากาศอย่างแรง
มีใครเคยมีประสบการณ์แหกโค้งบ้างไหมคะ?
แบบคนนี้ไม่ได้ตรงสเปคเลย แต่กลับมาทำให้ใจน้วยแพ้แบบราบคาบ
ถ้ามีแชร์ได้นะคะ 555 เราเองก็เคยเจอมากับตัวแต่จบไม่สมหวังสักเท่าไร ฮือ
นิยายยูริ Tangled Desires #ฟ้าพ่ายฝน ตอนที่ 6 : เดทซ้อน
แอ่ก!
“พี่ฝนตื่นได้แล้วว!”
สิ้นเสียงปลุกสะเทือนหู สายฝนเปิดผ้าห่มออกมาดวงตาเบิกกว้าง “โอ๊ยยย ยัยหนู พี่พึ่งได้นอนเมื่อเช้าเอง”
“น้องคิดถึง ลุกมาเล่นกับน้องก่อนน้าาาาา” ร่างสูงของพี่สาวพลิกหนีกการก่อกวน แต่ลมหนาวไม่ลดละคลานไปนอนเกาะแกะไม่ให้นอนต่อ
“ฮืออออ โตเป็นควายแล้วมาเล่นอารัยอีกยัยหนูวว พี่จะนอนนนนน”
ลมหนาวน้องสาวคนเล็กของบ้าน เธอใช้ชีวิตของการเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในวัยยี่สิบปี ในหนึ่งวันของเธอเต็มไปด้วยกิจกรรมเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายสัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ ถ่ายภาพนิตยสาร เล่นมินิคอนเสิร์ต ลมหนาวแทบไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย แล้วเธอเองก็คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้กับพี่สาวเป็นอย่างมาก
“หนาวว่างวันเดียวเอง ว่างอีกทีคือเดือนหน้าเลยนะพี่ฝนตื่นก่อนนนน น้าาา ตื่นเร็ว”
สายฝนลุกนั่งยิ้มแบบฝืน ๆ เธอรวบตัวน้องสาวเข้ามากอด “นี่ไงเจอแล้ว กอดแล้ว หายคิดถึงแล้ว นอนต่อแล้วนะ”
ไม่ทันได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนดังใจปรารถนา ลมหนาวก็ล็อกแขนยื้อไว้ไม่ให้เอนหลังลงไปได้อีก “เค้าจะย้ายไปอยู่คอนโดนะ!”
พอได้ฟังประโยคนี้เท่านั้นแหละ สายฝนตาลีตาเหลือกโยนผ้าห่มทิ้งลุกขึ้นนั่งตื่นเต็มตา “ทำไมอะ! ลมหนาวจะไปอยู่คอนโดคนเดียวได้ไงแล้วใครจะดูแล อยู่บ้านยังมีแม่บ้านคอยจัดแจงซักผ้าให้ ทำกับข้าวให้กินนะ ไปอยู่ไกลหูไกลตาเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำไง ไม่เอาหรอก!”
“หนาวเหนื่อยอะพี่ฝน บ้านเรามันไกลเดินทางจนร่างล้าไปหมด หนาวย้ายไปอยู่คอนโดของค่าย มีเพื่อน ๆ ในวงอยู่ด้วยกัน พี่ฝนไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“พูดมาได้ ไม่ให้ห่วงน้องแล้วจะให้พี่ไปห่วงหมาที่ไหนล่ะ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายเอาแต่ห่วงงานบ้าบออะไรไม่รู้อย่างพี่หมอกนะ แล้วเราน่ะบอกไอ้พี่หมอกยังอะเรื่องนี้”
“บอกแล้ว พี่หมอกก็ไม่เห็นว่าอะไรนะ เขาบอกว่าดีแล้วหนาวจะได้นอนเยอะขึ้นด้วย”
“เหอะ!” พอได้ยินคำตอบตามคาดสายฝนถึงกับต้องเบะปากใส่พี่ชาย
“น้องสาวทั้งคนนะเห้ย จะปล่อยให้ไปตกระกำลำบากคนเดียวได้ไงอะ”
“พี่นี่ช่างแขวะ หนาวบอกแล้วไงว่าอยู่กับเพื่อนในวง ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย มีเมเนเจอร์สองคนคอยดูแลด้วย กินอิ่มนอนหลับสบายแน่นอน”
“เฮ้ออ แล้วเรื่องนี้น่ะเหรอที่บอกว่าอยากคุยกับพี่?”
“ค่ะ เรื่องนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนไกล อย่ามาทำหน้าหมาซึมนะพี่ฝน ไม่ต้องใช้มุกเศร้าซึมคอตกเลย มุกนี้ไม่ได้ผลแล้ว”
ในเมื่อน้องสาวมีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในใจ พี่สาวที่ขี้เป็นห่วงอย่างเธอคงได้แต่เป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นแหละ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สายฝนต้องยอมรับ ลมหนาวโตมากพอที่จะเดินตามความฝันของตัวเองอย่างเต็มที่ น้องไม่ต้องการสองมือคอยประคองอีกต่อไป
ลมหนาวเองก็คงไม่ต่างจากเธอ ที่ต้องการมีอิสระในการใช้ชีวิต แต่เนื่องด้วยอะไรหลายอย่างประกอบกัน ทำให้สายฝนต้องเสียสละตัวเองทำงานตามที่ม่านหมอกต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้ม่านหมอกใช้คำว่าครอบครัวบังคับลมหนาวให้มาสานต่อกิจการโรงแรมที่น้องไม่ชอบ
“ไปช้อปปิ้งกันนะ หนาวอยากเล็มผมแล้วก็อยากได้รองเท้าใหม่อ่า พี่ฝนพาไปเลี้ยงหน่อยจิ” น้องสาวคนเล็กโน้มตัวเอาหัวมาถูไถอย่างออดอ้อน ลมหนาวอยากให้วันหยุดหนึ่งวันนี้เป็นวันที่แสนมีค่าเพราะได้ใช้เวลาร่วมกับพี่สาวสุดที่รัก
“อ้าวไหงเป็นงั้นล่ะ ตัวเองทำงานหาเงินได้ตั้งเยอะก็ควรมาเลี้ยงพี่สิ” สายฝนหยิบยางรัดผมเตรียมตัวเดินเข้าห้องน้ำไปแปลงกาย ชำระล้างความง่วงออกไปสักหน่อย
“ไหนว่าน้องคนเดียวเลี้ยงได้ไง? นี่พี่จะกลืนน้ำลายตัวเองหรอพี่ฝน”
“ไม่กลืนค่าไม่กลืน ตัวเองไปรอข้างนอกเลย พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อน เอ้อ ลงไปชงกาแฟให้พี่สักแก้วสิ ง่วงจริงนะ กลัวไม่ไหว”
“รับทราบคับพ้ม! เค้ารักพี่ฝนน้าา” ลมหนาวกระโจนเข้ามากอดพี่สาวอย่างเต็มรัก เธอดีใจมากที่สายฝนตอบรับลูกอ้อนในวันนี้
.
.
ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนฟิวชั่นแห่งหนึ่ง
บรรยากาศสไตล์คลาสสิกอบอุ่นและแสงอันนุ่มนวลสะท้อนกับสภาพแวดล้อมที่หรูหรา อิงฟ้าและสายฝนนั่งตรงข้ามกัน โดยมีอาหารน่ารับประทานคั่นกลางระหว่างพวกเธอ
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเอาแต่เหม่อล่ะคุณ” อิงฟ้าถาม ดวงตาคู่สวยฉายแววสงสัย “ชวนเรามาลองเดทแท้ ๆ แต่มานั่งเขี่ยเส้นสปาเกตตีเล่นแบบนี้อะนะ” มันน่าตีจริงเลย อุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวเพื่อให้สวยฉ่ำจำไม่ลืมนานเป็นชั่วโมง แต่กลับต้องมานั่งมองสายฝนทำตัวหม่นหมองเสียอย่างนั้น
“อ่าขอโทษค่ะ พอดีน้องเรามาขอแยกไปอยู่คอนโดน่ะ มันเลยหวิว ๆ นิดนึง” สายฝนถอนหายใจบางเบา หมุนส้อมในชามสปาเกตตีอย่างเนือย ๆ
บังเอิญในบังเอิญจริง ๆ น้องสาวที่สายฝนพูดถึงดันเป็นเพื่อนกับอิงดาวน้องสาวของอิงฟ้า นึกถึงวันนั้นที่ต้องลากสังขารออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปเก็บกวาดพวกเด็กเมาเรื้อนที่ผับหลังมหาวิทยาลัย อิงฟ้าก็เป็นคนแบกลมหนาวขึ้นรถเองกับมือ
“อืมม ดูจากรูปที่คุณส่งมาในแชทน้องคุณก็น่าจะอายุสัก 20 ไหมนะ? เราว่าน้องน่าจะดูแลตัวเองได้ดีเลยล่ะ คุณไม่ต้องห่วงหรอก” อิงฟ้าหั่นแซลมอนอย่างประณีตให้เป็นชิ้นพอดีคำแล้วใช้ส้อมจิ้มยื่นไปยังเจ้าหมาหน้าหงอยด้วยรอยยิ้มเชื้อเชิญ “อาา อ้าปากเร็ว”
การกระทำที่น่ารักเกินคาดแบบนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงข้าม สายฝนอมยิ้มขยับริมฝีปากงับแซลมอนที่คุณคนสวยตั้งใจหั่นเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมจากเนื้อปลาแซลมอนหอมนิดเค็มหน่อยเต้นอยู่บนลิ้น ส่งผลให้เธอผ่อนคลายและกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากขึ้น
“ในสายตาเราอะคุณ เรายังเห็นน้องเป็นเบบี๋ตัวจิ๋วที่ต้องคอยป้อนน้ำป้อนขนมอยู่เลย แต่วันนี้ตอนที่เดินช้อปปิ้ง เราเห็นน้องตัวสูงเท่ากันแล้วอะ แถมยังหาเงินใช้เองไม่ต้องพึ่งพาใครอีก โตไวขนาดนี้ได้ไงไม่รู้”
“น้องโตแล้วคุณก็ต้องดีใจกับน้องสิ มาเศร้าซึมใช้ได้ที่ไหนละเนี่ย”
อิงฟ้าเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปทาบไว้บนมือสายฝนเบา ๆ เธอไม่ถนัดใช้คำหวานปลอบใจใคร แต่ก็หวังว่าไออุ่นหย่อมเล็กจากมือเธอจะพอช่วยบรรเทาความวุ่นวายในใจสายฝนได้บ้าง
“โถ่คุณ เราโตมากับน้องเลยนะ อยู่เคียงข้างกันตลอด ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ใครจะคอยปกป้องดูแลล่ะ”
“พูดเหมือนกับน้องจะไปออกรบอย่างนั้นแหละ นี่ ทำไมไม่ลองคิดอีกมุมหนึ่งละ เราว่าลมหนาวน่าจะอยากทำให้คุณภูมิใจนะ น้องเลยอยากเต็มที่กับเส้นทางที่เลือก คุณก็ต้องช่วยเป็นกองเชียร์คอยส่งยิ้มให้สิ ไม่ใช่หงอยแบบนี้”
อิงฟ้าอยากให้สายฝนได้ลองมองอีกมุม บางครั้งการได้เห็นคนที่เรารักแยกกันไปเติบโตขึ้นมันอาจเป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจเหมือนกัน
“ทำไมคุณดูเข้าใจโลกจัง?”
“เราไม่ได้เข้าใจโลกเส็งเคร็งนี่หรอก แต่เราไว้ใจ น้องเราก็รุ่นเดียวกับลมหนาวนี่แหละ เรารู้สึกสนุกมากกว่าถ้าปล่อยให้น้องไปลุยเอง เรานั่งสวย ๆ อยู่บ้านรอให้น้องวิ่งมาฟ้องว่าโดนแกล้ง ถึงตอนนั้นเราค่อยกางปีกปกป้องก็ไม่สายไปหรอก”
“ดีจังที่เราได้คุยกับคุณ” ประกายในดวงตาสายฝนวาววับไปด้วยความพึงพอใจ
“จะดีกว่านี้มาก ถ้าคุณยอมกินข้าวสักที ดูสิ เรากินหมดไปครึ่งจานแล้วเนี่ย”
“แหะ ๆ ซอรี่นะคุณ มาเรามาเอ็นจอยกับอาหารกันเถอะ เรานี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ น้า ชวนคุณมาเดทแต่เกือบทำคุณเซ็งซะแล้ว”
“รู้ตัวก็ดี วันนี้ให้คะแนนติดลบดีมั้ยนะ? ปกติเราไม่ยอมเดทกับใครง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้” คนสวยขู่ฟ่อ คนสวยจะไม่อ่อนโยนอีกแล้ว แต่สายฝนยังยิ้มได้ถึงแม้โดนตำหนิเล็กน้อย มือเรียวคว้าขวดไวน์ขาวจากองุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc มาบรรจงรินลงแก้ว
“ดื่มนี่นะคุณ มันหอมละมุนเข้ากับแซลมอนมากเลย”
กลิ่นหอมและรสชาติของผลไม้รสเปรี้ยวหวานผสานกันอย่างลงตัว เมื่อรสชาติแตกซ่านฉาบไปทั่วลิ้นยิ่งกระตุ้นความอยากอาหารเพิ่มขึ้นอีก อิงฟ้าพบว่าหลังจากดื่มเจ้านี่ไปตัวเองสนุกกับการทานอาหารมื้อนี้มากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ฮือ คาโบนาร่าจานนี้อร่อยมากอะ กินหมดนี่เราอ้วนตายแน่ ๆ ”
“กินจุมื้อเดียวไม่ทำให้คุณอ้วนหรอกน่า อะ กินอีกนะ” สายฝนหัวเราะคิกคักม้วนเส้นคาโบนาร่าป้อนคนที่กำลังกังวลว่าตัวเองอาจตัวแตกได้หลังจากจบอาหารมื้อนี้ “เวลาคุณเคี้ยวแก้มตุ้ยๆ มันโคตรน่ารักเลยนะเนี่ย”
อิงฟ้าชะลอการเคี้ยวลงเพราะสะดุดกับคำชมที่ทำให้ใจวูบวาบ เธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแอที่ใจสั่นกับคำพูดเรียบง่ายเช่นนี้ “โนชม โนจีบ ไม่ให้จีบ! ย้ำ ไม่ให้จีบค่ะ!”
“อะไรอ่า ไม่ได้จีบสักหน่อย คุณหวั่นไหวเองอย่ามาโทษเราสิ”
ยิ่งห้าม เหมือนยิ่งยุ ยัยคนแววตาเจ้าเล่ห์ถือโอกาสใช้ปลายนิ้วโป้งปาดซอสครีมที่เลอะริมฝีปากคุณคนสวยที่พยายามขู่ฟ่อให้เกรงกลัวอย่างไม่สนใจ อีกทั้งสายฝนยังเพิ่มเลเวลคันยุบยิบในอกด้วยการส่งปลายนิ้วที่เปื้อนซอสเข้าปากตัวเองอีก
อิงฟ้าเบิกตากว้าง “ไอ้บ้า! กินทำไม มันสกปรก”
“ซอสครีมมันมาจากปากคุณมันจะสกปรกได้ไง ไม่ได้หล่นลงพื้นสักหน่อย เหย คุณแก้มแดงอ่า เราแค่เช็ดนิ้วเราเองนะ”
“แล้วมันใช่วิธีเช็ดที่ถูกต้องมั้ยเนี่ย!” อิงฟ้าพยายามคีพคูลโดยการโต้กลับ แต่รู้สึกว่าไม่เข้าใกล้ชัยชนะเลยสักนิด ขาหนึ่งข้างก้าวไปอยู่ในเขตคนแพ้เรียบร้อย
“วิธีที่ถูกต้องมันคืออะไรอะ ไหนคุณลองเฉลยสิ้”
“ไม่รู้แล้ว กินไปเลยนะ! ของตัวเองในจานยังไม่หมดเลยมัวแต่มาป้อนมาบังคับคนอื่นเขากิน”
“เรียกว่าบังคับไม่ได้มั้งคะ คุณกินที่เราป้อนหมดทุกอันเลย ดูสิ เกลี้ยงเลยในจานน่ะ”
“ถ้าพูดอีกเราจะคายคืนเดี๋ยวนี้แหละ”
“โหดจังเลย โหดกว่านี้ได้อีกมั้ยคะ?”
“จิ้! ส า ย ฝ น กินข้าว อย่าเล่น” ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ฉายแววดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อิงฟ้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการพบเจอกันคราวนี้เป็นการลองเดทอย่างที่หวังหรือโดนหลอกมาแกล้งกันแน่
“โอเค โหดมาก กลัวแล้วค่า” คนขี้แกล้งตอบด้วยการขยิบตาอย่างขี้เล่นแล้วลงมือจัดการอาหารในจานตัวเอง สงบความป่วนลงเล็กน้อยพลางชวนคุยเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยไปด้วย
สายฝนเคยคิดว่าโลกนี้แสนน่าเบื่อวนเวียนอยู่แต่ความผิดหวังซ้ำไปซ้ำมา แต่กลับต้องดีดความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อได้เจอคนที่เหมือนจะเชิ่ดหยิ่งไม่สนโลกอย่างอิงฟ้า แต่กลับเข้าใจชีวิตในหลากหลายมุม คนที่ดูเหมือนจะดุร้าย แต่ข้างในกลับนุ่มนวลน่าเข้าไปขอนอนซบชาร์จพลัง
เธอชอบเสียงหัวเราะที่ปล่อยออกมาสุดเสียงอย่างไม่เคอะเขิน กินอาหารเคี้ยวเต็มแก้มแบบไม่ห่วงสวย สายฝนสามารถปล่อยใจให้สบายโดยไม่ต้องมีพิธีรีตองให้มากความเมื่อใช้เวลาอยู่กับอิงฟ้า แถมยังได้แกล้งอย่างสนุกสนานด้วย
พูดได้ไหมว่า… กับคนนี้คือแหกโค้ง ไม่ใช่แค่เซ็กส์ที่รสชาติถูกปาก แต่รวมไปถึงทัศนคติที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ตกหลุมอากาศอย่างแรง
มีใครเคยมีประสบการณ์แหกโค้งบ้างไหมคะ?
แบบคนนี้ไม่ได้ตรงสเปคเลย แต่กลับมาทำให้ใจน้วยแพ้แบบราบคาบ
ถ้ามีแชร์ได้นะคะ 555 เราเองก็เคยเจอมากับตัวแต่จบไม่สมหวังสักเท่าไร ฮือ