นิยายยูริ Tangled Desires #ฟ้าพ่ายฝน ตอนที่ 6 : เดทซ้อน

สายฝนกำลังมีความสุขกับความทรงจำในค่ำคืนอันแสนสุขระหว่างเธอกับอิงฟ้า ในฝันกำลังแลกจูบนัวเนียหวานเชื่อมบนรถอย่างเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกขัดจังหวะอย่างแรงด้วยร่างของน้องสาวสายฝนที่ทิ้งตัวลงมาทับบนเตียงเต็มแรง 

แอ่ก!

“พี่ฝนตื่นได้แล้วว!” 

สิ้นเสียงปลุกสะเทือนหู สายฝนเปิดผ้าห่มออกมาดวงตาเบิกกว้าง “โอ๊ยยย ยัยหนู พี่พึ่งได้นอนเมื่อเช้าเอง” 

“น้องคิดถึง ลุกมาเล่นกับน้องก่อนน้าาาาา” ร่างสูงของพี่สาวพลิกหนีกการก่อกวน แต่ลมหนาวไม่ลดละคลานไปนอนเกาะแกะไม่ให้นอนต่อ 

“ฮืออออ โตเป็นควายแล้วมาเล่นอารัยอีกยัยหนูวว พี่จะนอนนนนน” 

ลมหนาวน้องสาวคนเล็กของบ้าน เธอใช้ชีวิตของการเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในวัยยี่สิบปี ในหนึ่งวันของเธอเต็มไปด้วยกิจกรรมเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายสัมภาษณ์ในรายการต่าง ๆ ถ่ายภาพนิตยสาร เล่นมินิคอนเสิร์ต ลมหนาวแทบไม่มีเวลาให้ตัวเองเลย แล้วเธอเองก็คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้กับพี่สาวเป็นอย่างมาก

“หนาวว่างวันเดียวเอง ว่างอีกทีคือเดือนหน้าเลยนะพี่ฝนตื่นก่อนนนน น้าาา ตื่นเร็ว” 

สายฝนลุกนั่งยิ้มแบบฝืน ๆ เธอรวบตัวน้องสาวเข้ามากอด “นี่ไงเจอแล้ว กอดแล้ว หายคิดถึงแล้ว นอนต่อแล้วนะ” 

ไม่ทันได้ทิ้งตัวลงบนที่นอนดังใจปรารถนา ลมหนาวก็ล็อกแขนยื้อไว้ไม่ให้เอนหลังลงไปได้อีก “เค้าจะย้ายไปอยู่คอนโดนะ!” 

พอได้ฟังประโยคนี้เท่านั้นแหละ สายฝนตาลีตาเหลือกโยนผ้าห่มทิ้งลุกขึ้นนั่งตื่นเต็มตา “ทำไมอะ! ลมหนาวจะไปอยู่คอนโดคนเดียวได้ไงแล้วใครจะดูแล อยู่บ้านยังมีแม่บ้านคอยจัดแจงซักผ้าให้ ทำกับข้าวให้กินนะ ไปอยู่ไกลหูไกลตาเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำไง ไม่เอาหรอก!” 

“หนาวเหนื่อยอะพี่ฝน บ้านเรามันไกลเดินทางจนร่างล้าไปหมด หนาวย้ายไปอยู่คอนโดของค่าย มีเพื่อน ๆ ในวงอยู่ด้วยกัน พี่ฝนไม่ต้องเป็นห่วงนะ” 

“พูดมาได้ ไม่ให้ห่วงน้องแล้วจะให้พี่ไปห่วงหมาที่ไหนล่ะ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายเอาแต่ห่วงงานบ้าบออะไรไม่รู้อย่างพี่หมอกนะ แล้วเราน่ะบอกไอ้พี่หมอกยังอะเรื่องนี้” 

“บอกแล้ว พี่หมอกก็ไม่เห็นว่าอะไรนะ เขาบอกว่าดีแล้วหนาวจะได้นอนเยอะขึ้นด้วย” 

“เหอะ!”  พอได้ยินคำตอบตามคาดสายฝนถึงกับต้องเบะปากใส่พี่ชาย 

“น้องสาวทั้งคนนะเห้ย จะปล่อยให้ไปตกระกำลำบากคนเดียวได้ไงอะ” 

“พี่นี่ช่างแขวะ หนาวบอกแล้วไงว่าอยู่กับเพื่อนในวง ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย มีเมเนเจอร์สองคนคอยดูแลด้วย กินอิ่มนอนหลับสบายแน่นอน” 

“เฮ้ออ แล้วเรื่องนี้น่ะเหรอที่บอกว่าอยากคุยกับพี่?” 

“ค่ะ เรื่องนี้แหละ ไม่ได้ไปไหนไกล อย่ามาทำหน้าหมาซึมนะพี่ฝน ไม่ต้องใช้มุกเศร้าซึมคอตกเลย มุกนี้ไม่ได้ผลแล้ว” 

ในเมื่อน้องสาวมีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในใจ พี่สาวที่ขี้เป็นห่วงอย่างเธอคงได้แต่เป็นห่วงอยู่ห่าง ๆ เท่านั้นแหละ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สายฝนต้องยอมรับ ลมหนาวโตมากพอที่จะเดินตามความฝันของตัวเองอย่างเต็มที่ น้องไม่ต้องการสองมือคอยประคองอีกต่อไป

ลมหนาวเองก็คงไม่ต่างจากเธอ ที่ต้องการมีอิสระในการใช้ชีวิต แต่เนื่องด้วยอะไรหลายอย่างประกอบกัน ทำให้สายฝนต้องเสียสละตัวเองทำงานตามที่ม่านหมอกต้องการ เพื่อป้องกันไม่ให้ม่านหมอกใช้คำว่าครอบครัวบังคับลมหนาวให้มาสานต่อกิจการโรงแรมที่น้องไม่ชอบ 

“ไปช้อปปิ้งกันนะ หนาวอยากเล็มผมแล้วก็อยากได้รองเท้าใหม่อ่า พี่ฝนพาไปเลี้ยงหน่อยจิ” น้องสาวคนเล็กโน้มตัวเอาหัวมาถูไถอย่างออดอ้อน ลมหนาวอยากให้วันหยุดหนึ่งวันนี้เป็นวันที่แสนมีค่าเพราะได้ใช้เวลาร่วมกับพี่สาวสุดที่รัก

“อ้าวไหงเป็นงั้นล่ะ ตัวเองทำงานหาเงินได้ตั้งเยอะก็ควรมาเลี้ยงพี่สิ” สายฝนหยิบยางรัดผมเตรียมตัวเดินเข้าห้องน้ำไปแปลงกาย ชำระล้างความง่วงออกไปสักหน่อย

“ไหนว่าน้องคนเดียวเลี้ยงได้ไง? นี่พี่จะกลืนน้ำลายตัวเองหรอพี่ฝน” 

“ไม่กลืนค่าไม่กลืน ตัวเองไปรอข้างนอกเลย พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อน เอ้อ ลงไปชงกาแฟให้พี่สักแก้วสิ ง่วงจริงนะ กลัวไม่ไหว” 

“รับทราบคับพ้ม! เค้ารักพี่ฝนน้าา” ลมหนาวกระโจนเข้ามากอดพี่สาวอย่างเต็มรัก เธอดีใจมากที่สายฝนตอบรับลูกอ้อนในวันนี้

.
.

ณ ร้านอาหารอิตาเลี่ยนฟิวชั่นแห่งหนึ่ง

บรรยากาศสไตล์คลาสสิกอบอุ่นและแสงอันนุ่มนวลสะท้อนกับสภาพแวดล้อมที่หรูหรา อิงฟ้าและสายฝนนั่งตรงข้ามกัน โดยมีอาหารน่ารับประทานคั่นกลางระหว่างพวกเธอ

“เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมเอาแต่เหม่อล่ะคุณ” อิงฟ้าถาม ดวงตาคู่สวยฉายแววสงสัย “ชวนเรามาลองเดทแท้ ๆ แต่มานั่งเขี่ยเส้นสปาเกตตีเล่นแบบนี้อะนะ” มันน่าตีจริงเลย อุตส่าห์แต่งหน้าแต่งตัวเพื่อให้สวยฉ่ำจำไม่ลืมนานเป็นชั่วโมง แต่กลับต้องมานั่งมองสายฝนทำตัวหม่นหมองเสียอย่างนั้น

“อ่าขอโทษค่ะ พอดีน้องเรามาขอแยกไปอยู่คอนโดน่ะ มันเลยหวิว ๆ นิดนึง” สายฝนถอนหายใจบางเบา หมุนส้อมในชามสปาเกตตีอย่างเนือย ๆ

บังเอิญในบังเอิญจริง ๆ น้องสาวที่สายฝนพูดถึงดันเป็นเพื่อนกับอิงดาวน้องสาวของอิงฟ้า นึกถึงวันนั้นที่ต้องลากสังขารออกจากบ้านกลางดึกเพื่อไปเก็บกวาดพวกเด็กเมาเรื้อนที่ผับหลังมหาวิทยาลัย อิงฟ้าก็เป็นคนแบกลมหนาวขึ้นรถเองกับมือ

“อืมม ดูจากรูปที่คุณส่งมาในแชทน้องคุณก็น่าจะอายุสัก 20 ไหมนะ? เราว่าน้องน่าจะดูแลตัวเองได้ดีเลยล่ะ คุณไม่ต้องห่วงหรอก” อิงฟ้าหั่นแซลมอนอย่างประณีตให้เป็นชิ้นพอดีคำแล้วใช้ส้อมจิ้มยื่นไปยังเจ้าหมาหน้าหงอยด้วยรอยยิ้มเชื้อเชิญ “อาา อ้าปากเร็ว” 

การกระทำที่น่ารักเกินคาดแบบนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนตรงข้าม สายฝนอมยิ้มขยับริมฝีปากงับแซลมอนที่คุณคนสวยตั้งใจหั่นเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมจากเนื้อปลาแซลมอนหอมนิดเค็มหน่อยเต้นอยู่บนลิ้น ส่งผลให้เธอผ่อนคลายและกล้าพูดสิ่งที่อยู่ในใจมากขึ้น

“ในสายตาเราอะคุณ เรายังเห็นน้องเป็นเบบี๋ตัวจิ๋วที่ต้องคอยป้อนน้ำป้อนขนมอยู่เลย แต่วันนี้ตอนที่เดินช้อปปิ้ง เราเห็นน้องตัวสูงเท่ากันแล้วอะ แถมยังหาเงินใช้เองไม่ต้องพึ่งพาใครอีก โตไวขนาดนี้ได้ไงไม่รู้” 
 
“น้องโตแล้วคุณก็ต้องดีใจกับน้องสิ มาเศร้าซึมใช้ได้ที่ไหนละเนี่ย” 

อิงฟ้าเอื้อมมือข้ามโต๊ะไปทาบไว้บนมือสายฝนเบา ๆ เธอไม่ถนัดใช้คำหวานปลอบใจใคร แต่ก็หวังว่าไออุ่นหย่อมเล็กจากมือเธอจะพอช่วยบรรเทาความวุ่นวายในใจสายฝนได้บ้าง 

“โถ่คุณ เราโตมากับน้องเลยนะ อยู่เคียงข้างกันตลอด ถ้าไปอยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ใครจะคอยปกป้องดูแลล่ะ” 

“พูดเหมือนกับน้องจะไปออกรบอย่างนั้นแหละ นี่ ทำไมไม่ลองคิดอีกมุมหนึ่งละ เราว่าลมหนาวน่าจะอยากทำให้คุณภูมิใจนะ น้องเลยอยากเต็มที่กับเส้นทางที่เลือก คุณก็ต้องช่วยเป็นกองเชียร์คอยส่งยิ้มให้สิ ไม่ใช่หงอยแบบนี้” 

อิงฟ้าอยากให้สายฝนได้ลองมองอีกมุม บางครั้งการได้เห็นคนที่เรารักแยกกันไปเติบโตขึ้นมันอาจเป็นเรื่องที่ขมขื่น แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจเหมือนกัน 

“ทำไมคุณดูเข้าใจโลกจัง?” 

“เราไม่ได้เข้าใจโลกเส็งเคร็งนี่หรอก แต่เราไว้ใจ น้องเราก็รุ่นเดียวกับลมหนาวนี่แหละ เรารู้สึกสนุกมากกว่าถ้าปล่อยให้น้องไปลุยเอง เรานั่งสวย ๆ อยู่บ้านรอให้น้องวิ่งมาฟ้องว่าโดนแกล้ง ถึงตอนนั้นเราค่อยกางปีกปกป้องก็ไม่สายไปหรอก” 

“ดีจังที่เราได้คุยกับคุณ” ประกายในดวงตาสายฝนวาววับไปด้วยความพึงพอใจ

“จะดีกว่านี้มาก ถ้าคุณยอมกินข้าวสักที ดูสิ เรากินหมดไปครึ่งจานแล้วเนี่ย” 

“แหะ ๆ ซอรี่นะคุณ มาเรามาเอ็นจอยกับอาหารกันเถอะ เรานี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ น้า ชวนคุณมาเดทแต่เกือบทำคุณเซ็งซะแล้ว” 

“รู้ตัวก็ดี วันนี้ให้คะแนนติดลบดีมั้ยนะ? ปกติเราไม่ยอมเดทกับใครง่ายๆ หรอกนะจะบอกให้” คนสวยขู่ฟ่อ คนสวยจะไม่อ่อนโยนอีกแล้ว แต่สายฝนยังยิ้มได้ถึงแม้โดนตำหนิเล็กน้อย มือเรียวคว้าขวดไวน์ขาวจากองุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc มาบรรจงรินลงแก้ว 

“ดื่มนี่นะคุณ มันหอมละมุนเข้ากับแซลมอนมากเลย” 

กลิ่นหอมและรสชาติของผลไม้รสเปรี้ยวหวานผสานกันอย่างลงตัว เมื่อรสชาติแตกซ่านฉาบไปทั่วลิ้นยิ่งกระตุ้นความอยากอาหารเพิ่มขึ้นอีก อิงฟ้าพบว่าหลังจากดื่มเจ้านี่ไปตัวเองสนุกกับการทานอาหารมื้อนี้มากขึ้นเป็นเท่าตัว 

“ฮือ คาโบนาร่าจานนี้อร่อยมากอะ กินหมดนี่เราอ้วนตายแน่ ๆ ” 

“กินจุมื้อเดียวไม่ทำให้คุณอ้วนหรอกน่า อะ กินอีกนะ” สายฝนหัวเราะคิกคักม้วนเส้นคาโบนาร่าป้อนคนที่กำลังกังวลว่าตัวเองอาจตัวแตกได้หลังจากจบอาหารมื้อนี้  “เวลาคุณเคี้ยวแก้มตุ้ยๆ มันโคตรน่ารักเลยนะเนี่ย” 

อิงฟ้าชะลอการเคี้ยวลงเพราะสะดุดกับคำชมที่ทำให้ใจวูบวาบ เธอไม่อยากเป็นคนอ่อนแอที่ใจสั่นกับคำพูดเรียบง่ายเช่นนี้ “โนชม โนจีบ ไม่ให้จีบ! ย้ำ ไม่ให้จีบค่ะ!” 

“อะไรอ่า ไม่ได้จีบสักหน่อย  คุณหวั่นไหวเองอย่ามาโทษเราสิ” 

ยิ่งห้าม เหมือนยิ่งยุ ยัยคนแววตาเจ้าเล่ห์ถือโอกาสใช้ปลายนิ้วโป้งปาดซอสครีมที่เลอะริมฝีปากคุณคนสวยที่พยายามขู่ฟ่อให้เกรงกลัวอย่างไม่สนใจ อีกทั้งสายฝนยังเพิ่มเลเวลคันยุบยิบในอกด้วยการส่งปลายนิ้วที่เปื้อนซอสเข้าปากตัวเองอีก

อิงฟ้าเบิกตากว้าง “ไอ้บ้า! กินทำไม มันสกปรก” 

“ซอสครีมมันมาจากปากคุณมันจะสกปรกได้ไง ไม่ได้หล่นลงพื้นสักหน่อย เหย คุณแก้มแดงอ่า เราแค่เช็ดนิ้วเราเองนะ” 

“แล้วมันใช่วิธีเช็ดที่ถูกต้องมั้ยเนี่ย!” อิงฟ้าพยายามคีพคูลโดยการโต้กลับ แต่รู้สึกว่าไม่เข้าใกล้ชัยชนะเลยสักนิด ขาหนึ่งข้างก้าวไปอยู่ในเขตคนแพ้เรียบร้อย

“วิธีที่ถูกต้องมันคืออะไรอะ ไหนคุณลองเฉลยสิ้” 

“ไม่รู้แล้ว กินไปเลยนะ! ของตัวเองในจานยังไม่หมดเลยมัวแต่มาป้อนมาบังคับคนอื่นเขากิน” 

“เรียกว่าบังคับไม่ได้มั้งคะ คุณกินที่เราป้อนหมดทุกอันเลย ดูสิ เกลี้ยงเลยในจานน่ะ” 

“ถ้าพูดอีกเราจะคายคืนเดี๋ยวนี้แหละ” 

“โหดจังเลย โหดกว่านี้ได้อีกมั้ยคะ?” 

“จิ้! ส า ย ฝ น กินข้าว อย่าเล่น” ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ฉายแววดุร้ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ อิงฟ้าเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าการพบเจอกันคราวนี้เป็นการลองเดทอย่างที่หวังหรือโดนหลอกมาแกล้งกันแน่

“โอเค โหดมาก กลัวแล้วค่า” คนขี้แกล้งตอบด้วยการขยิบตาอย่างขี้เล่นแล้วลงมือจัดการอาหารในจานตัวเอง สงบความป่วนลงเล็กน้อยพลางชวนคุยเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยไปด้วย

สายฝนเคยคิดว่าโลกนี้แสนน่าเบื่อวนเวียนอยู่แต่ความผิดหวังซ้ำไปซ้ำมา แต่กลับต้องดีดความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อได้เจอคนที่เหมือนจะเชิ่ดหยิ่งไม่สนโลกอย่างอิงฟ้า แต่กลับเข้าใจชีวิตในหลากหลายมุม คนที่ดูเหมือนจะดุร้าย แต่ข้างในกลับนุ่มนวลน่าเข้าไปขอนอนซบชาร์จพลัง

เธอชอบเสียงหัวเราะที่ปล่อยออกมาสุดเสียงอย่างไม่เคอะเขิน กินอาหารเคี้ยวเต็มแก้มแบบไม่ห่วงสวย สายฝนสามารถปล่อยใจให้สบายโดยไม่ต้องมีพิธีรีตองให้มากความเมื่อใช้เวลาอยู่กับอิงฟ้า แถมยังได้แกล้งอย่างสนุกสนานด้วย

พูดได้ไหมว่า… กับคนนี้คือแหกโค้ง ไม่ใช่แค่เซ็กส์ที่รสชาติถูกปาก แต่รวมไปถึงทัศนคติที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ตกหลุมอากาศอย่างแรง 

 



มีใครเคยมีประสบการณ์แหกโค้งบ้างไหมคะ?
แบบคนนี้ไม่ได้ตรงสเปคเลย แต่กลับมาทำให้ใจน้วยแพ้แบบราบคาบ
ถ้ามีแชร์ได้นะคะ 555 เราเองก็เคยเจอมากับตัวแต่จบไม่สมหวังสักเท่าไร ฮือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่