JJNY : บีบทหารเมียนมามอบตัว│'นิติพล' ผิดหวังรัฐบาล แก้ปัญหาฝุ่นพิษ│ครัวเรือน-โรงแรมใช้ไฟเยอะ│โคราช PM 2.5 เกินต่อเนื่อง

กองทัพกะเหรี่ยงคะยา บีบทหารเมียนมามอบตัว-วางอาวุธ ขู่โจมตีอย่างหนัก
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/212629
 
แนวโน้มเดือด! กองทัพกะเหรี่ยงคะยา KA ส่งโดรนปล่อยหนังสือเตือนทหารเมียนมาที่อยู่ติดชายแดนแม่ฮ่องสอน มอบตัว-วางอาวุธ ขู่หากไม่ยินยอมจะโจมตีอย่างหนัก
 
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของ กองกำลังกะเหรี่ยงคะยา กะยา กะเหรี่ยงแดง Karenni Army หรือ KA เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า ในห้วง 3 วันที่ผ่านมา ทางกองกำลังกะเหรี่ยงคะยา ได้มีการส่งโดรนไปทิ้งหนังสือ ที่บรรจุในขวดน้ำพลาสติก ให้แก่ทหารเมียนมาที่ประจำตามฐานที่มั่นต่าง ๆ ตรงข้าม ช่องทางบ้านดอยแสง ต.ปางหมู และ บ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ได้แก่ ฐานดอว์ตะแค , ฐานหนี่หล่ากง , ฐานแม่ลายู , ฐานดอยไม้ตีง , ฐานผาห่มน้ำ , ฐานห้วยอื้น และ ฐานเนิน1441
 
โดยในจดหมายดังกล่าว ระบุว่า จดหมายแจ้งเตือนจาก กองทัพกะเหรี่ยงคะยา/คาเรนนี KA เพื่อเป็นการปลดปล่อยกำลังพล ทหารเมียนมา ที่อยู่ภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส มินอ่องไหล่ (ผบ.สส.ทมม. และนายรัฐมนตรี) ผู้ที่บ้าอำนาจ และเพื่อมิให้ผู้ที่บ้าอำนาจเพียงคนเดียวมาชักจูงได้ จากปัญหาการสู้รบที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าเป็นการร่วมมือของประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสันติภาพ ขณะเดียวกันก็มีกำลังพล ทหารเมียนมาเสียชีวิต จากการสู้รบเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนในพื้นที่รัฐฉานเหนือนั้นสามารถพูดได้ว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตร 3 ฝ่าย (กกล.MNDAA/TNLA/AA) ได้เข้ายึดครองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพวกเราชาว กะเหรี่ยงคะยา กำลังจะขยายพื้นที่การสู้รบไปยังพื้นที่ รัฐชิน,กะฉิ่น,สะกาย ต่อไป ในการสู้รบเพียงเท่านี้ก็ทำให้กำลังพลของพวกท่านสูญเสียนับไม่ถ้วน และยังมีบางส่วนที่เข้ามามอบตัวเพื่อวางอาวุธอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้จะยังคงมีเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
 
ตอนนี้กองทัพ กะเหรี่ยงคะยา ก็สามารถเข้ายึดพื้นที่ใน จ.ลอยก่อ  ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ผู้นำของท่านกลับมองไม่เห็นและคอยใช้คำสั่งบีบบังคับพวกท่านตลอดมา อีกทั้งประชาชนทั้งประเทศก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้นำของท่าน ที่ส่งพวกท่านมาพบกับจุดจบของชีวิตเช่นนี้ จึงเป็นสาเหตุให้ประชาชนต้องลุกขึ้นมาต่อสู้แบบไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกท่านจะยอมตายเพื่อ พล.อ.อาวุโส มินอ่องไหล่ ผู้บ้าอำนาจเพียงคนเดียว หรือจะเข้าร่วมกับประชาชนเพื่อร่วมกันต่อสู้ ถึงยังอย่างไรพวกเรา กองทัพกะเหรี่ยงคะยา ก็ไม่มีความคิดที่จะอยากเข่นฆ่าพวกท่านอยู่แล้ว แต่หากพวกท่านยังคงดื้อรั้นและยืนยันว่าจะสู้รบต่อไป พวกเรา ก็จำเป็นที่จะต้องทำในสิ่งที่สมควรทำเช่นกัน โดยการบีบให้กองทัพถอนกำลังออกไปจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด หรือยอมมอบตัวและวางอาวุธ กับ กองทัพกะเหรี่ยงคะยา ทันที จึงแจ้งเตือนมาเพื่อทราบ ทั้งนี้หากพวกท่านไม่ยอมถอนกำลังออกไปก็จะต้องพบกับการถูก กองทัพกะเหรี่ยงคะยา จะเข้าปิดล้อมหน่วยที่ตั้งของท่านอย่างแน่นอน

โดยในขณะนี้พวกเรา  ได้เข้าวางกำลังอยู่ในพื้นที่ อ.ชาดอว์ จ.ลอยก่อ ไว้หมดแล้ว และอยากจะบอกว่าพวกเราพร้อมที่จะไปเยือนของพวกท่าน  อย่างดีที่สุด ดังนั้นขอแจ้งเตือนให้พวกท่านยอมจำนนและเข้ามอบตัวกับเรา ซึ่งเราเชื่อว่าครอบครัว,ลูกเมีย,พ่อแม่ ของพวกท่านรอการกลับมาของพวกท่านแบบมีชีวิต หากพวกท่านจะยอมจำนนขอให้ท่านติดตั้งธงขาวไว้บนอาคารสำนักงานของท่านให้เห็นเด่นชัดด้วย พวกท่านยังมีเวลาในการตัดสินใจ
 
สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดลอยก่อว์ แหล่งข่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องยุ่งยากในการรบ เนื่องจากทหารเมียนมา ได้อาศัยแฝงตัวอาศัยในบ้านเรือนของประชาชน และจับประชาชนเป็นตัวประกัน และคอยยิงรบกวนกองกำลังผสมกะเหรี่ยงคะยาที่กำลังพยายามกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม โดยล่าสุดทางกองกำลังผสม ต้องส่งทหารเข้าไปเคลียร์บ้านเรือนราษฎรทุกหลังที่คาดว่ามีทหารเมียนมาอาศัยอยู่
 
ส่วนทหารเมียนมาที่อาศัยหลบซ่อนตัวในเรือนจำเมืองลอยก่อว์ และ ที่ทำการรัฐบาล ยังคงถูกปิดล้อม โดยทางฝ่ายกองกำลังผสม ได้ปิดล้อมทางเข้าออกและตัดน้ำรวมไปถึงเสบียงอาหารที่จะถูกส่งเข้าไปให้ทหารเมียนมา คาดว่า อีกไม่นานทหารเมียนมาจะต้องยอมวางอาวุธอย่างแน่นอน
 
ในส่วนของ กองกำลัง KNDF ล่าสุดได้มีการฝึกทหารรุ่นใหม่ขึ้นมาอีก รวมกว่า 100 นาย ซึ่งได้รับการฝึกอบรมการรบขั้นพื้นฐาน การซุ่มโจมตี การลาดตระเวน การใช้ระเบิดชนิดต่าง ๆ รวมไปถึงการวางกับระเบิดเพื่อสกัดกั้นฝ่ายตรงข้าม ในการล่าถอยออกจากพื้นที่คับขัน โดยทุกนายที่จบการฝึกอบรม ได้ถูกส่งไปยัง เมืองลอยก่อว์ เพื่อเข้าร่วมกับกองกำลังผสมที่อยู่ระหว่างการกวาดล้างทหารเมียนมาในพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น
 
ล่าสุดทางกองกำลังกะเหรี่ยงคะยา ได้ขุดพบอาวุธทหารเมียนมา ใกล้ชายแดนไทยด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน  ที่หนีออกจากฐานไปแล้ว พบอาวุธจำนวนมาก อาทิจรวดอาร์พีจี และกระสุนปืนเล็กยาว โดยการค้นพบดังกล่าว มาจากการเข้าไปตรวจสอบฐานที่มั่นของทหารเมียนมา ที่ถูกยึดมาก่อนหน้านี้ จึงพบอาวุธดังกล่าว ซึ่งทางกองกำลังกะเหรี่ยงคะยา กำลังจะทำการหวนกลับไปตรวจค้นฐานต่าง ๆ ของทหารเมียนมาที่ยึดได้ คาดว่าจะมีคลังอาวุธหลงเหลืออีกเป็นจำนวนมาก



'นิติพล' ผิดหวังรัฐบาล แก้ปัญหาฝุ่นพิษ ชี้มีแต่คำแก้ตัว หาข้ออ้างให้นายทุน
https://voicetv.co.th/read/G6d1NaqMm

'นิติพล' ผิดหวังรัฐบาล แก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ไม่ควิกวิน ชี้มีแต่คำแก้ตัว หาข้ออ้างให้นายทุน รัฐบาลออกมาตรการห้ามเผา ช่วยได้แน่
 
วันที่ 16 ธ.ค. นิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า หลังได้ฟังคำชี้แจงของ นภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตอบกระทู้ถามสดของ ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคก้าวไกล ถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 แล้วรู้สึกผิดหวังในคำตอบ และสะท้อนว่าปัญหานี้อาจไม่ถูกแก้ในรัฐบาลชุดนี้
 
นิติพล กล่าวว่า ประเด็นสำคัญคือ ท่านทราบดีแก่ใจว่า ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ สาเหตุใหญ่มาจากฝุ่นข้ามพรมแดนอันเนื่องมาจากการเผาไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อป้อนบริษัทการเกษตรยักษ์ใหญ่ของไทย แต่ท่านก็ยังพยายามปิดหูปิดตาหาคำตอบให้ตัวเอง บอกให้ไปพิสูจน์นั่นนี่เพื่อไม่ดำเนินการใดๆ ในการแก้ปัญหาเร่งด่วนของพี่น้องประชาชน
 
นิติพล กล่าวต่อว่า เมื่อเรามีข้อเสนอให้ใช้เทคโนโลยีตรวจจับจัดจุดความร้อน เพื่อออกมาตรการไม่รับซื้อสินค้าการเกษตรที่มาจากพื้นที่ที่มีการเผา เพราะกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยวของไทยอย่างรุนแรง ท่านกลับอ้างว่า ทำไม่ได้ เพราะแม้แต่ไทยเองยังไม่มีมาตรการห้ามเผา มีเพียงการขอความร่วมมือเกษตรกร จะไปออกมาตรการห้ามซื้อในสิ่งที่ไทยเองก็ไม่มีมาตรการไม่ได้ และการออกมาตรการห้ามเผาเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์

นอกจากนี้ ท่านยังบอกอีกว่า หากจะห้ามไม่ให้ซื้อยังจะต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า ฝุ่น PM2.5 จากการเผาเป็นเพียงปัจจัยเดียว ไม่ใช่มาจากปัจจัยอื่น และฝุ่นดังกล่าวต้องพิสูจน์อีกเช่นกันว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพจริง แต่รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดมาแก้ปัญหาแล้ว
 
"คำตอบแบบนี้แค่หาข้ออ้างให้นายทุนสร้างมลพิษและทำลายสุขภาพคนไทยต่อไปได้ ทั้งที่ในประเทศไทยต้องแสดงพื้นที่เพาะปลูกโดยละเอียดว่ามาจากแหล่งใด แต่ในกรณีข้าวโพดนอกพรมแดนแค่บอกกว้างๆว่ามาจากประเทศใดเท่านั้น ผมเชื่อว่ากระทรวงพาณิชย์สามารถกำหนดรายละเอียดเหล่านี้ได้เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจรับซื้อข้าวโพดข้ามพรมแดนหรือไม่ได้" นิติพล กล่าว
 
นอกจากนี้ นิติพล ระบุว่า ตนเชื่อว่าการออกมาตรการห้ามเผาในไทยเพื่อให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการต่อสามารถทำได้แน่ หากนายกรัฐมนตรีไม่ลืมที่จะควิกวิน เพื่อทำตามนโยบายที่เพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ว่าจะแก้ที่ต้นตอ ซึ่งต้นตอปัญหาอยู่ตรงไหนท่านเห็นอยู่แล้ว กระทบสุขภาพหรือไม่ ท่านแค่ลองย้ายตัวเอง โดยเอาปอดท่านไปสูดอากาศเชียงใหม่ทุกๆเช้าจากวันนี้ไปจนจบเดือนกุมภาพันธ์ วันละชั่วโมงก็พอ ท่านจะได้คำตอบด้วยตัวท่านเองว่ากระทบสุขภาพหรือไม่
 
"ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ทันที แค่ นายกฯ กล้าขยับเหมือนที่ชอบเรียกหน่วยงานต่างๆมาคุยก่อนขึ้นเครื่องบินไปประเทศต่างๆ การเอากระทรวงพาณิชกับเกษตรมาคุยกันและเคาะมาตรการเร่งด่วนออกมาแก้ปัญหาแบบควิกวินที่ท่านชอบพูดคงไม่ยากเกินไปอย่างแน่นอน สำหรับชายที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ส่วนการตั้งคณะกรรมการนั่นนี่ขึ้นมานั้น สำหรับผมมองไม่ต่างจากการซื้อเวลาหาข้อแก้ตัวว่ามีการขยับแล้ว สมัยรัฐบาลก่อน พลเอกประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานคณะกรรมการเป็นร้อยชุด ผมก็ไม่เห็นจะขับเคลื่อนประเทศไปไหนได้” นิติพล กล่าว
 
นิติพล ยังกล่างต่อว่า หรือที่ท่านบอกว่าจะผลักดัน ร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นเรื่องดี ผมก็เห็นด้วย แต่พวกท่านย่อมรู้ดีว่ากฎหมายแต่ละฉบับกว่าจะผ่านมันใช้เวลานานเป็นปีๆ แต่ตอนนี้เขากำลังเผชิญปัญหาอยู่ตรงหน้า จึงต้องพึ่งอำนาจฝ่ายบริหารให้ทำอะไรเป็นรูปธรรมสักอย่าง ถ้าไม่ทำอะไรเลยเขาก็ไม่รู้จะมีฝ่ายบริหารไว้ทำไม
 
"อันดับแรกพวกท่านต้องหยุดแก้ปัญหาแบบซื้อเวลา แล้วกล้าที่จะแก้ที่ต้นตอ เพราะสุขภาพประชาชนเจอวิกฤตนี้มาเป็นสิบปีแล้ว มีคนตายจริงป่วยจริงหลายคนแล้วเช่นกัน อย่าให้เขาต้องรอเพราะมัวแต่เกรงใจนายทุนเลยนิติพล กล่าว



ครัวเรือน-โรงแรมใช้ไฟเยอะ ดัน 9 เดือนโต 2.6% สวนทางภาคผลิตร่วง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4333872

ครัวเรือน-โรงแรมใช้ไฟเยอะ ดัน 9 เดือนโต 2.6% สวนทางภาคผลิตร่วง
 
วันที่ 16 ธันวาคม นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงยอดการใช้พลังงานไทยช่วง 9 เดือน(มกราคม-กันยายน2566) ว่า ยอดใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 2.2% หลังจากสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว คาดการณ์ใช้พลังงานขั้นต้นทั้งปี 66 อยู่ที่ 1.3%
 
แบ่งเป็น การใช้ไฟฟ้า 153,932 กิกะวัตต์ชั่วโมง เพิ่มขึ้น 2.6% โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนโต 6.2% จากสัดส่วนการใช้ 29%ของทั้งระบบ และธุรกิจ โดยเฉพาะภาคโรงแรม อพาร์ทเมนท์และเกสเฮาส์โต 8.4% จากสัดส่วนการใช้ 24% ของทั้งระบบ ที่น่าจับตาคือภาคอุตสาหกรรมลดลง 3.3% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุดถึง 42%
 
ด้านการใช้น้ำมันสำเร็จรูป 9 เดือน 139 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.3% แบ่งเป็นน้ำมันเบนซิน 30 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 4.9% ดีเซล 62 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 4.5% ผลจากราคาน้ำมันที่สูง ตลอดจนการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนหดตัว ขณะที่การใช้น้ำมันเครื่องบิน 13.4 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 65.1% ผลจากการเดินทางภายในและระหว่างประเทศฟื้นตัว ด้านน้ำมันเตา 5.7 ล้านลิตรต่อวัน ลดลง 11.4%
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่