สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาวพันทิป
จากกระทู้ ชวนเที่ยว Hiraizumi ครับ
https://ppantip.com/topic/42379933
วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเดินทางครับ จริงๆ วางแผน เที่ยวอยู่ที่ Morioka ครับ
แต่เนื่องจาก Morioka มีฝนตกค่อนข้างเยอะ เลยวางแผนหนีฝนไปเที่ยว Kakunodate แทนครับ
แต่เหมือนหนีเสือปะจระเข้ครับ เพราะ Kakunodate ก็ฝนตกเหมือนกัน
รอบนี้เป็นการกลับมาเที่ยวคาคุโนะดาเตะ
เป็นรอบที่ 4 ครับ
สงสัยว่าชาติที่แล้วจะเกิดเป็น ซามูไรครับ
เพราะมากี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย
เป็นอีกเมืองที่ชอบมากๆ ในญี่ปุ่นครับ
จริงๆ เห็นกระทู้พันทิป เกี่ยวกับเมืองนี้ในพันทิป
เยอะพอสมควร
วันนี้เลยอยากจะรีวิวเน้น เฉพาะ Aoyagi Samurai Manor Museum ครับ
ที่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงกล้องถ่ายรูป ที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนชอบถ่ายภาพและสะสมกล้องโบราณรุ่นแรกๆ ของโลกนะครับ
ก่อนอื่นเรามาศึกษา ประวัติของเมือง คาคุโนะดาเตะ ซักเล็กน้อยนะครับ
คาคุโนะดาเตะ หรือที่มักเรียกกันว่า 'เกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ' ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ
ย่านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และ มีถนนที่มีดอกซากุระเรียงรายอย่างสวยงาม
ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ
โดยเฉพาะช่วงฤดู ชมดอกซากุระ ที่เป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีซากุระสวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ
เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1620 โดยโยชิคัตสึ อาชินะ
ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ปกครองพื้นที่คาคุโนะดาเตะ
ทางตอนเหนือของที่ราบเซ็มโบกุอันอุดมสมบูรณ์
และมีภูเขาปกคลุมสามด้าน
โดยมีแม่น้ำฮิโนะคิไนทางทิศตะวันตกและทามากาวะทางทิศตะวันออก
นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของบ้านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี
ซึ่งรู้จักกันในชื่อ 'บุเคะ ยาชิกิ'"
โดยปัจจุบันมีบ้านซามูไร แบบดังเดิมแท้ๆ
เปิดให้เข้าชม ประมาณ 6 หลังครับ
(ข้อมูล Update ถึง 1 November 2023 นะครับ )
ในอนาคต อาจจะมีเปลี่ยนแปลงและ
อาจจะมีบางหลังปิดเพื่อปรับปรุงบ้าง
ในบางช่วงเวลาครับ
1. Ishiguro House: City-Designated Historic Site - ค่าเข้าชม: 400 เยน
2. Aoyagi House: Prefecture-Designated Historic Site - ค่าเข้าชม: 500 เยน
ส่วนอีก 4 หลัง ต่อไปนี้ สามารถเข้าชมได้ฟรีครับ
3. Matsumoto House
4. Iwahashi House
5. Kawarada House
6. Odano House
หลังจากปูพื้นมาเยอะแล้ว >> ไปครับ ไปเที่ยวกันเลย
1. ตอนเช้าออกเดินทางด้วยรถ Akita Shinkansen จาก Morioka to Kakunodate ครับ
2. อาหารเช้าวันนี้ ครับ
อาหารเช้าจากร้าน Vie De France ครับ
ถือว่าอร่อยเลยครับ ถ้าจำไม่ผิดคือ ราคา 600 เยนครับ
3. นั่งรถไฟเพียง 50 นาที ก็ถึงที่สถานีรถไฟคาคุโนดาเดะครับ
4. ก่อนอื่นแวะที่ การท่องเที่ยว Kakunodate
เพื่อรับโบชัวร์ และอัพเดตข้อมูล
การท่องเที่ยวของปีนี้ ก่อนครับ
เพื่อนๆ สามารถเลือกการเดินทางจาก สถานีรถไฟ ไปถนน บุเคะยาชิกิ ได้หลายวิธีครับ
4.1. นั่งรถบัส จากหน้าสถานีใช้เวลา 11 นาที ค่าโดยสารประมาณ 160 -200 เยน ขึ้นอยู่กับ สายรถที่เดินทางครับ
4.2. นั่งแทกซี่ 6 นาที ( 1.6km ) ค่าโดยสาร น่าจะประมาณ 1000 -1500 เยน ถ้ามากันหลายคน นั่งแทกซี่ น่าจะสะดวกอยู่ครับ
4.3. ผมก็เลือกเดินเหมือนเดิมครับ
ประหยัดเงินเล็กน้อย และได้ออกกำลังกาย
เดินดูวิว 2 ข้างทางไปด้วยครับ ระยะทาง 1.6 กิโล
เดินได้สบายมากครับ
เดินมาซักพัก ก็ถึงที่ทำการไปรษณีย์ของคาคุโนดาเตะ ครับ
5. หลังจากนั้นเลี้ยวซ้าย และเดินมาอีกนิด
เราก็จะเจอกับ Tatetsu Museum ครับ
ใครอยากมีประสบการณ์ ใส่กิโมโน เดินชมเมืองเก่า
สามารถแวะเช่า กิโมโน หรือ ยูกาตะ ได้ที่นี่เลยครับ
ผมว่าที่นี่ มีกิโมโน สวยๆ ให้เลือก มากกว่าใน
ร้านอื่นๆ ที่มีบริการให้เช่าครับ
** ค่าเช่ากิโมโนเริ่มตั้งแต่ 3,000 to 30,000 เยน ต่อวันครับ
**** แต่ใครมาในช่วงฤดูหนาว ราคาอาจจะแพงขึ้น เป็นประมาณ 5,000 - 35,000 เยน ต่อวันครับ
6. หลังจากนั้น เดินมาอีกนิด ก็จะเริ่มถึงช่วงต้นๆ ถนน
ของเมืองเก่าของ Kakunodate แล้วครับ
สังเกตว่า เราจะเห็น Lawson อยู่ด้านซ้ายมือครับ
7. เนื่องจากผมมาถึงยังเช้าอยู่ครับ เลยเดินไป ถ่ายรูปตามบ้านซามูไรเก่าๆ ก่อนครับ
8. หลังแรกที่เราเดินผ่านหลังจาก ข้ามถนนมาจาก
หอนาฬิกากลางหมู่บ้านครับ
8.1 Odano House
แต่วันที่ไปถึง น่าจะเป็นวันที่มีใบไม้สีแดงที่บ้านนี้
มากที่สุดครับ
ทำให้นักท่องเที่ยว มาต่อคิว ชมบ้านหลังนี้
พอสมควรครับ
ผมเลยเดินข้ามไปก่อน เพราะเคยเข้าเยี่ยมชมแล้ว
จากการมาที่คาคุโนดาเตะ ในครั้งก่อนๆครับ
8.2 Kawarada Samurai House
ใครมาถึงที่นี่ช่วงเที่ยงสามารถแวะทานอาหาร
ที่ร้านเก่าแก่ของ Kakunodate ได้ครับ
ร้านชื่อ Sakura no Sato ครับ
ที่ร้านมีหลายเมนูอร่อยๆ ให้ลองครับ
ร้านอยู่ติดกับ Kawarada House เลยครับ
8.3 Iwahashi Samurai House
พอเดินมาอีกซักพัก เราจะเจอกับ
อีกหนึ่งบ้านซามูไรดังเดิม ของที่นี่ครับชื่อ อิวาฮาชิ
9. หลังจากนั้นเราจะเดินผ่าน ร้านอุด้งร้านดัง
ดังเดิม ของเมืองนี้อีกร้านครับ
ชื่อร้าน Marukawa ใครชอบ ทานอุด้งเส้นสด แนะนำ ลองทานร้านนี้ดูครับ
10. หลังจากนั้นเราเดินเลี้ยวซ้าย จากถนนเส้นหลัก
จะพบกับ Heritage Center
11. หลังจากนั้น เราจะเจอกับถนนสายหลักของ
บุเคะยาชิกิ
ที่ตั้งของ Aoyagi Samurai Museum
ที่เป็นคฤหาสน์ซามูไร ที่ใหญ่ที่สุด
และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด ในปัจจุบันครับ
ซึ่งคฤหาสน์อาโอยากิ เพิ่งเปิดให้คนทั่วไป
เข้าชมเป็นครั้งแรกในปี 2019
ซึ่งพิพิธภัณฑ์เป็นคฤหาสน์ซามูไรที่มี
บ้านโบราณที่มีอายุมากกว่า 200 ปี
และมีประตูแบบโบราณของญี่ปุ่นที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1860 ( The Yakui Mon Gate) ที่สวยมากๆ เลยครับ
นอกจากนั้น ยังมีอาคารสำคัญอื่นๆ เช่น
1. The Armory Museum
2. The Kaitaishinsho Gallery
3. The Akita Folk Museum
4. The Samurai Tools and Utensils Museum
5. The Antique Museum
ที่ซึ่งมีการจัดแสดง กล้องถ่ายภาพและ Gramophone
ที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่นครับ
พร้อมแล้วเรา ก็ไปชมภายในคฤหาสน์ และ The Antique Musuem
และกล้องถ่ายรูปยุคโบราณ ที่เราจะหาดูของจริง
ได้ยากมากๆ ในปัจจุบันครับ
ใครที่ชอบถ่ายรูปและสะสมกล้องถ่ายภาพโบราณ
ไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ
ไปครับ ไปชมคฤหาสน์ อาโอยากิ กันเลยครับ
1. The Yakui Mon Gate
หลังจากเดินเข้าประตู เข้ามาจะพบกับ The main house ครับ
3. หลังจากนั้น เราจะพบกับ พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงชุดเกราะ ดาบซามูไร และอุปกรณ์ที่ใข้ในการทำสงครามต่างๆ ครับ
4. หลังจากนั้นจะพบกับอาคารที่จัดแสดง
หนังสือกายวิภาคศาสตร์ของญี่ปุ่นเล่มแรก
ที่แปลจากหนังสือกายวิภาคศาสตร์จากภาษาดัตช์
ซึ่งแปลโดย Odano Naotake
ที่เป็นหนึ่งในซามูไรจากตระกูลอาโอยากิ ครับ
5. เราสามารถพบกับ รูปปั้น ของ Odano Naotake
ได้ในสวน ครับ
6. หลังจากนั้น เราจะพบกับอาคาร The Akita Folk Musuem ครับ
ซึ่งจัดแสดงที่พักแบบโบราณในสมัยเอโดะ
7. หลังจากเราจะเดินผ่านอาคารจัดแสดง The Samurai Tools and Utensils Museum ครับ
ชึ่งจัดแสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ของครอบครัวซามูไร ครับ
8. หลังจากนั้น เราจะพบกับอาคารหลัก ที่เราจะมาเยี่ยมชมในครั้งนี้ คือ อาคาร The Antique Museum Cafe ครับ
โดยด้านล่างจะเป็นคาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกครับ
และชั้น 2 ของอาคารนี้ คือ สวรรค์ของคนรักกล้องถ่ายภาพและเครื่องเล่นแผ่นเสียง รุ่นแรกๆ ของโลก ที่มีจัดแสดงที่ญี่ปุ่น ครับ
ไปชมภาพตัวอย่างของ กล้องถ่ายภาพดังเดิม
รุ่นแรกๆ ของโลก กันเลยครับ
หวังว่าคนชอบถ่ายภาพ และสะสมกล้องโบราณจะชอบนะครับ
ได้ดูกล้อง Contaflex รุ่นแรกๆ ฟินไปเลยครับ
สำหรับคนไม่ได้ชอบดูกล้อง
อาจจะใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีครับ
แต่สำหรับคนชอบกล้องโบราณ
น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงครับ
หลังจากดูกล้องเสร็จ ก็ออกมาดูสวน
และอาคารส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ หลังนี้ครับ
มาถึงบ้านประมาณบ่ายโมง เดินอยู่ภายในจนถึงประมาณ 4 โมงเย็น จนฝนหยุดตกเลยครับ
บรรยากาศหลังฝนตก ช่วงเย็นๆ ก่อนตะวันตกดินครับ
ต่อกระทู้ที่ข้อความนะครับ กำลังจะเกิน 10,000 ตัวอักษร แล้วครับ
[CR] พาชม Aoyagi Samurai Manor Museum ที่ Kakunodate และหนึ่งในพิพิธภัณฑ์กล่องถ่ายภาพที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น
จากกระทู้ ชวนเที่ยว Hiraizumi ครับ
https://ppantip.com/topic/42379933
วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเดินทางครับ จริงๆ วางแผน เที่ยวอยู่ที่ Morioka ครับ
แต่เนื่องจาก Morioka มีฝนตกค่อนข้างเยอะ เลยวางแผนหนีฝนไปเที่ยว Kakunodate แทนครับ
แต่เหมือนหนีเสือปะจระเข้ครับ เพราะ Kakunodate ก็ฝนตกเหมือนกัน
รอบนี้เป็นการกลับมาเที่ยวคาคุโนะดาเตะ
เป็นรอบที่ 4 ครับ
สงสัยว่าชาติที่แล้วจะเกิดเป็น ซามูไรครับ
เพราะมากี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อเลย
เป็นอีกเมืองที่ชอบมากๆ ในญี่ปุ่นครับ
จริงๆ เห็นกระทู้พันทิป เกี่ยวกับเมืองนี้ในพันทิป
เยอะพอสมควร
วันนี้เลยอยากจะรีวิวเน้น เฉพาะ Aoyagi Samurai Manor Museum ครับ
ที่เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงกล้องถ่ายรูป ที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนชอบถ่ายภาพและสะสมกล้องโบราณรุ่นแรกๆ ของโลกนะครับ
ก่อนอื่นเรามาศึกษา ประวัติของเมือง คาคุโนะดาเตะ ซักเล็กน้อยนะครับ
คาคุโนะดาเตะ หรือที่มักเรียกกันว่า 'เกียวโตน้อยแห่งโทโฮคุ' ตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะ
ย่านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี และ มีถนนที่มีดอกซากุระเรียงรายอย่างสวยงาม
ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ต้องไปเยี่ยมชมสำหรับผู้ที่แสวงหาประสบการณ์แบบญี่ปุ่นแท้ๆ
โดยเฉพาะช่วงฤดู ชมดอกซากุระ ที่เป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีซากุระสวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ
เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1620 โดยโยชิคัตสึ อาชินะ
ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้ปกครองพื้นที่คาคุโนะดาเตะ
ทางตอนเหนือของที่ราบเซ็มโบกุอันอุดมสมบูรณ์
และมีภูเขาปกคลุมสามด้าน
โดยมีแม่น้ำฮิโนะคิไนทางทิศตะวันตกและทามากาวะทางทิศตะวันออก
นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของบ้านซามูไรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี
ซึ่งรู้จักกันในชื่อ 'บุเคะ ยาชิกิ'"
โดยปัจจุบันมีบ้านซามูไร แบบดังเดิมแท้ๆ
เปิดให้เข้าชม ประมาณ 6 หลังครับ
(ข้อมูล Update ถึง 1 November 2023 นะครับ )
ในอนาคต อาจจะมีเปลี่ยนแปลงและ
อาจจะมีบางหลังปิดเพื่อปรับปรุงบ้าง
ในบางช่วงเวลาครับ
1. Ishiguro House: City-Designated Historic Site - ค่าเข้าชม: 400 เยน
2. Aoyagi House: Prefecture-Designated Historic Site - ค่าเข้าชม: 500 เยน
ส่วนอีก 4 หลัง ต่อไปนี้ สามารถเข้าชมได้ฟรีครับ
3. Matsumoto House
4. Iwahashi House
5. Kawarada House
6. Odano House
หลังจากปูพื้นมาเยอะแล้ว >> ไปครับ ไปเที่ยวกันเลย
1. ตอนเช้าออกเดินทางด้วยรถ Akita Shinkansen จาก Morioka to Kakunodate ครับ
2. อาหารเช้าวันนี้ ครับ
อาหารเช้าจากร้าน Vie De France ครับ
ถือว่าอร่อยเลยครับ ถ้าจำไม่ผิดคือ ราคา 600 เยนครับ
3. นั่งรถไฟเพียง 50 นาที ก็ถึงที่สถานีรถไฟคาคุโนดาเดะครับ
4. ก่อนอื่นแวะที่ การท่องเที่ยว Kakunodate
เพื่อรับโบชัวร์ และอัพเดตข้อมูล
การท่องเที่ยวของปีนี้ ก่อนครับ
เพื่อนๆ สามารถเลือกการเดินทางจาก สถานีรถไฟ ไปถนน บุเคะยาชิกิ ได้หลายวิธีครับ
4.1. นั่งรถบัส จากหน้าสถานีใช้เวลา 11 นาที ค่าโดยสารประมาณ 160 -200 เยน ขึ้นอยู่กับ สายรถที่เดินทางครับ
4.2. นั่งแทกซี่ 6 นาที ( 1.6km ) ค่าโดยสาร น่าจะประมาณ 1000 -1500 เยน ถ้ามากันหลายคน นั่งแทกซี่ น่าจะสะดวกอยู่ครับ
4.3. ผมก็เลือกเดินเหมือนเดิมครับ
ประหยัดเงินเล็กน้อย และได้ออกกำลังกาย
เดินดูวิว 2 ข้างทางไปด้วยครับ ระยะทาง 1.6 กิโล
เดินได้สบายมากครับ
เดินมาซักพัก ก็ถึงที่ทำการไปรษณีย์ของคาคุโนดาเตะ ครับ
5. หลังจากนั้นเลี้ยวซ้าย และเดินมาอีกนิด
เราก็จะเจอกับ Tatetsu Museum ครับ
ใครอยากมีประสบการณ์ ใส่กิโมโน เดินชมเมืองเก่า
สามารถแวะเช่า กิโมโน หรือ ยูกาตะ ได้ที่นี่เลยครับ
ผมว่าที่นี่ มีกิโมโน สวยๆ ให้เลือก มากกว่าใน
ร้านอื่นๆ ที่มีบริการให้เช่าครับ
** ค่าเช่ากิโมโนเริ่มตั้งแต่ 3,000 to 30,000 เยน ต่อวันครับ
**** แต่ใครมาในช่วงฤดูหนาว ราคาอาจจะแพงขึ้น เป็นประมาณ 5,000 - 35,000 เยน ต่อวันครับ
6. หลังจากนั้น เดินมาอีกนิด ก็จะเริ่มถึงช่วงต้นๆ ถนน
ของเมืองเก่าของ Kakunodate แล้วครับ
สังเกตว่า เราจะเห็น Lawson อยู่ด้านซ้ายมือครับ
7. เนื่องจากผมมาถึงยังเช้าอยู่ครับ เลยเดินไป ถ่ายรูปตามบ้านซามูไรเก่าๆ ก่อนครับ
8. หลังแรกที่เราเดินผ่านหลังจาก ข้ามถนนมาจาก
หอนาฬิกากลางหมู่บ้านครับ
8.1 Odano House
แต่วันที่ไปถึง น่าจะเป็นวันที่มีใบไม้สีแดงที่บ้านนี้
มากที่สุดครับ
ทำให้นักท่องเที่ยว มาต่อคิว ชมบ้านหลังนี้
พอสมควรครับ
ผมเลยเดินข้ามไปก่อน เพราะเคยเข้าเยี่ยมชมแล้ว
จากการมาที่คาคุโนดาเตะ ในครั้งก่อนๆครับ
8.2 Kawarada Samurai House
ใครมาถึงที่นี่ช่วงเที่ยงสามารถแวะทานอาหาร
ที่ร้านเก่าแก่ของ Kakunodate ได้ครับ
ร้านชื่อ Sakura no Sato ครับ
ที่ร้านมีหลายเมนูอร่อยๆ ให้ลองครับ
ร้านอยู่ติดกับ Kawarada House เลยครับ
8.3 Iwahashi Samurai House
พอเดินมาอีกซักพัก เราจะเจอกับ
อีกหนึ่งบ้านซามูไรดังเดิม ของที่นี่ครับชื่อ อิวาฮาชิ
9. หลังจากนั้นเราจะเดินผ่าน ร้านอุด้งร้านดัง
ดังเดิม ของเมืองนี้อีกร้านครับ
ชื่อร้าน Marukawa ใครชอบ ทานอุด้งเส้นสด แนะนำ ลองทานร้านนี้ดูครับ
10. หลังจากนั้นเราเดินเลี้ยวซ้าย จากถนนเส้นหลัก
จะพบกับ Heritage Center
11. หลังจากนั้น เราจะเจอกับถนนสายหลักของ
บุเคะยาชิกิ
ที่ตั้งของ Aoyagi Samurai Museum
ที่เป็นคฤหาสน์ซามูไร ที่ใหญ่ที่สุด
และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุด ในปัจจุบันครับ
ซึ่งคฤหาสน์อาโอยากิ เพิ่งเปิดให้คนทั่วไป
เข้าชมเป็นครั้งแรกในปี 2019
ซึ่งพิพิธภัณฑ์เป็นคฤหาสน์ซามูไรที่มี
บ้านโบราณที่มีอายุมากกว่า 200 ปี
และมีประตูแบบโบราณของญี่ปุ่นที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1860 ( The Yakui Mon Gate) ที่สวยมากๆ เลยครับ
นอกจากนั้น ยังมีอาคารสำคัญอื่นๆ เช่น
1. The Armory Museum
2. The Kaitaishinsho Gallery
3. The Akita Folk Museum
4. The Samurai Tools and Utensils Museum
5. The Antique Museum
ที่ซึ่งมีการจัดแสดง กล้องถ่ายภาพและ Gramophone
ที่สมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่นครับ
พร้อมแล้วเรา ก็ไปชมภายในคฤหาสน์ และ The Antique Musuem
และกล้องถ่ายรูปยุคโบราณ ที่เราจะหาดูของจริง
ได้ยากมากๆ ในปัจจุบันครับ
ใครที่ชอบถ่ายรูปและสะสมกล้องถ่ายภาพโบราณ
ไม่ควรพลาดจริงๆ ครับ
ไปครับ ไปชมคฤหาสน์ อาโอยากิ กันเลยครับ
1. The Yakui Mon Gate
หลังจากเดินเข้าประตู เข้ามาจะพบกับ The main house ครับ
3. หลังจากนั้น เราจะพบกับ พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงชุดเกราะ ดาบซามูไร และอุปกรณ์ที่ใข้ในการทำสงครามต่างๆ ครับ
4. หลังจากนั้นจะพบกับอาคารที่จัดแสดง
หนังสือกายวิภาคศาสตร์ของญี่ปุ่นเล่มแรก
ที่แปลจากหนังสือกายวิภาคศาสตร์จากภาษาดัตช์
ซึ่งแปลโดย Odano Naotake
ที่เป็นหนึ่งในซามูไรจากตระกูลอาโอยากิ ครับ
5. เราสามารถพบกับ รูปปั้น ของ Odano Naotake
ได้ในสวน ครับ
6. หลังจากนั้น เราจะพบกับอาคาร The Akita Folk Musuem ครับ
ซึ่งจัดแสดงที่พักแบบโบราณในสมัยเอโดะ
7. หลังจากเราจะเดินผ่านอาคารจัดแสดง The Samurai Tools and Utensils Museum ครับ
ชึ่งจัดแสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ของครอบครัวซามูไร ครับ
8. หลังจากนั้น เราจะพบกับอาคารหลัก ที่เราจะมาเยี่ยมชมในครั้งนี้ คือ อาคาร The Antique Museum Cafe ครับ
โดยด้านล่างจะเป็นคาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกครับ
และชั้น 2 ของอาคารนี้ คือ สวรรค์ของคนรักกล้องถ่ายภาพและเครื่องเล่นแผ่นเสียง รุ่นแรกๆ ของโลก ที่มีจัดแสดงที่ญี่ปุ่น ครับ
ไปชมภาพตัวอย่างของ กล้องถ่ายภาพดังเดิม
รุ่นแรกๆ ของโลก กันเลยครับ
หวังว่าคนชอบถ่ายภาพ และสะสมกล้องโบราณจะชอบนะครับ
ได้ดูกล้อง Contaflex รุ่นแรกๆ ฟินไปเลยครับ
สำหรับคนไม่ได้ชอบดูกล้อง
อาจจะใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีครับ
แต่สำหรับคนชอบกล้องโบราณ
น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงครับ
หลังจากดูกล้องเสร็จ ก็ออกมาดูสวน
และอาคารส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ หลังนี้ครับ
มาถึงบ้านประมาณบ่ายโมง เดินอยู่ภายในจนถึงประมาณ 4 โมงเย็น จนฝนหยุดตกเลยครับ
บรรยากาศหลังฝนตก ช่วงเย็นๆ ก่อนตะวันตกดินครับ
ต่อกระทู้ที่ข้อความนะครับ กำลังจะเกิน 10,000 ตัวอักษร แล้วครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น