ปิดฉากลงไปเรียบร้อยแล้ววำหรับงาน Motor Expo 2023 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566 โดยพบว่าภาพรวมมียอดจองซื้อทั้งหมด 53,248 คัน
.
ความน่าสนใจของปีนี้คือแม้ค่ายรถญี่ปุ่นอย่าง “โตโยต้า” จะยังครองอันดับ 1 ค่ายที่มียอดจองซื้อสูงสุดไปด้วยจำนวน 7,245 คัน ตามมาด้วย “ฮอนด้า” ในอันดับ 2 ที่ 6,149 คัน แต่ค่ายรถยนต์จาก “จีน” โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้นเรียกได้ว่ามาแรงจนเบียดแซงแบรนด์รถญี่ปุ่นหลายแบรนด์ได้แล้ว
.
โดยหากดูใน 10 อันดับแรกของแบรนด์ที่มียอดจองซื้อมากที่สุด จะพบว่าเป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนถึงครึ่งหนึ่ง และถ้าดูจำนวนใน 10 อันดับแรก เป็นแบรนด์จีนถึง 20,664 คัน มี BYD อยู่ในอันดับ 3 ที่ 5,455 คัน ขณะที่จำนวนยอดจองรถแบรนด์ญี่ปุ่นใน 10 อันดับแรกอยู่ที่ 20,274 คัน
.
ภาพเหล่านี้สะท้อนว่าการแข่งขันในตลาดรถยนต์ในประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้น รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะแบรนด์ที่ไม่ใช่เจ้าตลาดกำลังเผชิญกับความท้าทาย เมื่อตัวเลือกในตลาดเริ่มมากขึ้น และผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ประโยชน์ใช้สอย และเทคโนโลยี มากกว่าความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ จึงมีส่วนให้รถยนต์แบรนด์ใหม่ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น
.
มองไปในอนาคตยังเป็นเรื่องที่น่าจับตา ภาพตลาดรถยนต์ในไทยจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แม้ยังไม่เห็นตัวเลขเป๊ะๆ ว่าถ้าเทียบกันแล้วในงาน Motor Expo 2023 นี้ยอดจองรถยนต์ EV ครองสัดส่วนอยู่เท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ หลายคนก็ประเมินว่าสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2023 นี้น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2022 แน่นอน
.
เห็นได้จาก ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศช่วง 10 เดือนหากแบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง รถยนต์สันดาปลดลง 19.15% รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 702% รถ PHEV ลดลง 13.66% และรถ HEV เพิ่มขึ้น 44.67%
.
นอกจากนี้ ปัจจุบันยอดผลิตรถยนต์สันดาปคิดเป็นสัดส่วน 77% จากตลาดรถยนต์รวม ลดลงอย่างมากจากปี 2565 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 85% และแนวโน้มปี 2567 ยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น ตามมาตรการ EV 3 ที่กำหนดให้ค่ายรถยนต์ที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายต้องผลิตภายในประเทศ
.
#ForbesThailand
สรุปยอดจอง Motor Expo 2023 โตโยต้าเบอร์ 1 แต่ EV จีนมาแรงมาก
.
ความน่าสนใจของปีนี้คือแม้ค่ายรถญี่ปุ่นอย่าง “โตโยต้า” จะยังครองอันดับ 1 ค่ายที่มียอดจองซื้อสูงสุดไปด้วยจำนวน 7,245 คัน ตามมาด้วย “ฮอนด้า” ในอันดับ 2 ที่ 6,149 คัน แต่ค่ายรถยนต์จาก “จีน” โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้นเรียกได้ว่ามาแรงจนเบียดแซงแบรนด์รถญี่ปุ่นหลายแบรนด์ได้แล้ว
.
โดยหากดูใน 10 อันดับแรกของแบรนด์ที่มียอดจองซื้อมากที่สุด จะพบว่าเป็นแบรนด์รถยนต์จากจีนถึงครึ่งหนึ่ง และถ้าดูจำนวนใน 10 อันดับแรก เป็นแบรนด์จีนถึง 20,664 คัน มี BYD อยู่ในอันดับ 3 ที่ 5,455 คัน ขณะที่จำนวนยอดจองรถแบรนด์ญี่ปุ่นใน 10 อันดับแรกอยู่ที่ 20,274 คัน
.
ภาพเหล่านี้สะท้อนว่าการแข่งขันในตลาดรถยนต์ในประเทศไทยกำลังทวีความรุนแรงขึ้น รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะแบรนด์ที่ไม่ใช่เจ้าตลาดกำลังเผชิญกับความท้าทาย เมื่อตัวเลือกในตลาดเริ่มมากขึ้น และผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า ประโยชน์ใช้สอย และเทคโนโลยี มากกว่าความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ จึงมีส่วนให้รถยนต์แบรนด์ใหม่ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น
.
มองไปในอนาคตยังเป็นเรื่องที่น่าจับตา ภาพตลาดรถยนต์ในไทยจะเปลี่ยนไปขนาดไหน แม้ยังไม่เห็นตัวเลขเป๊ะๆ ว่าถ้าเทียบกันแล้วในงาน Motor Expo 2023 นี้ยอดจองรถยนต์ EV ครองสัดส่วนอยู่เท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ หลายคนก็ประเมินว่าสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2023 นี้น่าจะเพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2022 แน่นอน
.
เห็นได้จาก ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศช่วง 10 เดือนหากแบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง รถยนต์สันดาปลดลง 19.15% รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 702% รถ PHEV ลดลง 13.66% และรถ HEV เพิ่มขึ้น 44.67%
.
นอกจากนี้ ปัจจุบันยอดผลิตรถยนต์สันดาปคิดเป็นสัดส่วน 77% จากตลาดรถยนต์รวม ลดลงอย่างมากจากปี 2565 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 85% และแนวโน้มปี 2567 ยอดผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น ตามมาตรการ EV 3 ที่กำหนดให้ค่ายรถยนต์ที่นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายต้องผลิตภายในประเทศ
.
#ForbesThailand