BYD ยังลดราคาได้อีกเยอะ
เปิดผลประกอบการ EV จีนในประเทศไทย เรเว่-BYD นำโด่ง กวาดรายได้ 4 หมื่นล้านกำไรพรวด 5 พันล้าน “ฉางอาน-เนต้า” ตามมาห่าง ๆ กำไรถ้วนหน้า เกรทวอลล์มอเตอร์ เริ่มอืดยอดขายปี’66 ลดลง เทสลา กวาด 1.6 หมื่นล้านโชว์กำไร 200 ล้าน “เอ็มจี” สะดุดผลประกอบการติดลบ ขาดทุนเกือบพันล้าน ญี่ปุ่นหวั่นสงครามราคายังมาต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถ EV ในประเทศไทย ในปีงบประมาณ 2566 พบว่า บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทำรายได้รวม 41,810.48 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,462.17 ล้านบาท ตามมาด้วย บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือเทสลา มีรายได้ 16,454.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 204.29 ล้านบาท
บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทยจำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ ฮาวาล, โอร่า กู๊ดแค็ท, แท็งก์ มีรายได้ 636.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 198.62 ล้านบาท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลล์ (ประเทศไทย) จำหน่ายรถ EV ดีพอล มีรายได้รวม 1,129.36 ล้านบาท กำไร 65.59 ล้านบาท และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย มีรายได้ 21,748.21 ล้าน ขาดทุน 987.23 ล้านบาท
BYD ฟันกำไรต่อเนื่อง
ขณะที่ผลประกอบการปี 2565 พบว่า เรเว่ ออโตโมทีฟ BYD มีรายได้รวม 6,162.55 ล้านบาท กำไรสุทธิ 130.96 ล้านบาท, เนต้า ออโต้ ไทยแลนด์ รายได้รวม 1,466.13 ล้านบาท กำไรสุทธิ 80.77 ล้านบาท, เกรท วอลล์ มอเตอร์ 404.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 120.93 ล้านบาท, เอ็มจี เซลส์ รายได้รวม 21,608.03 ล้านบาท กำไรสุทธิ 562.44 ล้านบาท
“จะเห็นว่าค่ายรถจีนยังทำกำไรได้ต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยโดยเฉพาะในช่วงปี 2566 เป็นปีที่รถ EV มียอดขายดีมาก สามารถทำยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งปีได้ราว ๆ 76,000 คัน ส่วนปี 2567 ก็คาดการณ์ว่าจะโตเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีค่ายรถ EV จีนรายใหม่แห่เข้ามาตลาดในบ้านเราอีกหลายยี่ห้อ”
บริษัทแม่ซัพพอร์ตอื้อ
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตค่ายรถยนต์สันดาปกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สาเหตุที่รถจีนทำกำไรได้มากเพราะต้นทุนการผลิตต่ำ รถยนต์ที่ทำตลาดในประเทศไทยทั้งหมดยังเป็นรถนำเข้า ผลิตจากประเทศจีนทั้งหมด ซึ่งทุกคนทราบดีว่าจีนมีระบบซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งและวอลุ่มการผลิตค่อนข้างใหญ่ แถมระหว่างเริ่มต้นการทำตลาดในบ้านเรา บริษัทแม่ยังให้การซัพพอร์ตหลาย ๆ ด้าน ทำให้สามารถฟันกำไรได้สูง ประกอบกับบางครั้งยังตั้งราคาช่วงแรกค่อนข้างสูง กำไรก็เลยสูงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ปี 2567 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งกำลังซื้อที่ลดลงและยอดการปฏิเสธสินเชื่อที่มากขึ้น อาจจะทำให้ปี 2567 ค่าย EV จีนอาจจะทำกำไรไม่ได้มากเท่าปีที่ผานมา
ฟันธง EV ทะลุแสนคัน
ขณะที่แหล่งข่าวฝ่ายบริหารศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นต่างว่า อนาคต EV ค่ายใหม่ ๆ ทั้งจากจีนและเกาหลีจะทยอยกันเข้ามาทำตลาด นอกจากนี้ยังจะมีค่ายญี่ปุ่นบางรายด้วย ดังนั้นจะยิ่งส่งผลให้ตลาด EV มีความคึกคักมากขึ้น โอกาสที่จะขยายตัวไปถึง 100,000 คัน มีความเป็นไปได้สูง อีกทั้งราคาจะจับต้องง่ายขึ้น โดยคาดการณ์ว่ารถยนต์นั่งไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในปี 2567
หวั่นสงครามราคาลามไม่หยุด
เช่นเดียวกับแหล่งข่าวผู้ประกอบการค่ายรถญี่ปุ่นระบุว่า เห็นตัวเลขกำไรของค่ายรถ EV จีน สิ่งที่น่ากังวลคือ สงครามราคาจะเกิดขึ้นไม่หยุด สามารถนำส่วนต่างของราคาขายและต้นทุนมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดได้ อย่าลืมว่าประเทศจีนมีการผลิตเกินความต้องการของตลาดมาก และตอนนี้อเมริกาขึ้นภาษี EV จีน รวมทั้งยุโรปด้วย ฉะนั้นหากจีนต้องการขยายตลาดหรือต้องการยอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงตลาดชะงักงัน สงครามราคาก็จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/motoring/news-1624425
EV จีนกำไรอู้ฟู่ BYD นำโด่ง ญี่ปุ่นผวาสงครามราคา
เปิดผลประกอบการ EV จีนในประเทศไทย เรเว่-BYD นำโด่ง กวาดรายได้ 4 หมื่นล้านกำไรพรวด 5 พันล้าน “ฉางอาน-เนต้า” ตามมาห่าง ๆ กำไรถ้วนหน้า เกรทวอลล์มอเตอร์ เริ่มอืดยอดขายปี’66 ลดลง เทสลา กวาด 1.6 หมื่นล้านโชว์กำไร 200 ล้าน “เอ็มจี” สะดุดผลประกอบการติดลบ ขาดทุนเกือบพันล้าน ญี่ปุ่นหวั่นสงครามราคายังมาต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า จากรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถ EV ในประเทศไทย ในปีงบประมาณ 2566 พบว่า บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจําหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทำรายได้รวม 41,810.48 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,462.17 ล้านบาท ตามมาด้วย บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือเทสลา มีรายได้ 16,454.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 204.29 ล้านบาท
บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทยจำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ ฮาวาล, โอร่า กู๊ดแค็ท, แท็งก์ มีรายได้ 636.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 198.62 ล้านบาท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลล์ (ประเทศไทย) จำหน่ายรถ EV ดีพอล มีรายได้รวม 1,129.36 ล้านบาท กำไร 65.59 ล้านบาท และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย มีรายได้ 21,748.21 ล้าน ขาดทุน 987.23 ล้านบาท
BYD ฟันกำไรต่อเนื่อง
ขณะที่ผลประกอบการปี 2565 พบว่า เรเว่ ออโตโมทีฟ BYD มีรายได้รวม 6,162.55 ล้านบาท กำไรสุทธิ 130.96 ล้านบาท, เนต้า ออโต้ ไทยแลนด์ รายได้รวม 1,466.13 ล้านบาท กำไรสุทธิ 80.77 ล้านบาท, เกรท วอลล์ มอเตอร์ 404.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 120.93 ล้านบาท, เอ็มจี เซลส์ รายได้รวม 21,608.03 ล้านบาท กำไรสุทธิ 562.44 ล้านบาท
“จะเห็นว่าค่ายรถจีนยังทำกำไรได้ต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยโดยเฉพาะในช่วงปี 2566 เป็นปีที่รถ EV มียอดขายดีมาก สามารถทำยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งปีได้ราว ๆ 76,000 คัน ส่วนปี 2567 ก็คาดการณ์ว่าจะโตเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีค่ายรถ EV จีนรายใหม่แห่เข้ามาตลาดในบ้านเราอีกหลายยี่ห้อ”
บริษัทแม่ซัพพอร์ตอื้อ
แหล่งข่าวจากผู้ผลิตค่ายรถยนต์สันดาปกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สาเหตุที่รถจีนทำกำไรได้มากเพราะต้นทุนการผลิตต่ำ รถยนต์ที่ทำตลาดในประเทศไทยทั้งหมดยังเป็นรถนำเข้า ผลิตจากประเทศจีนทั้งหมด ซึ่งทุกคนทราบดีว่าจีนมีระบบซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งและวอลุ่มการผลิตค่อนข้างใหญ่ แถมระหว่างเริ่มต้นการทำตลาดในบ้านเรา บริษัทแม่ยังให้การซัพพอร์ตหลาย ๆ ด้าน ทำให้สามารถฟันกำไรได้สูง ประกอบกับบางครั้งยังตั้งราคาช่วงแรกค่อนข้างสูง กำไรก็เลยสูงตามไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดรถยนต์ปี 2567 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งกำลังซื้อที่ลดลงและยอดการปฏิเสธสินเชื่อที่มากขึ้น อาจจะทำให้ปี 2567 ค่าย EV จีนอาจจะทำกำไรไม่ได้มากเท่าปีที่ผานมา
ฟันธง EV ทะลุแสนคัน
ขณะที่แหล่งข่าวฝ่ายบริหารศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นต่างว่า อนาคต EV ค่ายใหม่ ๆ ทั้งจากจีนและเกาหลีจะทยอยกันเข้ามาทำตลาด นอกจากนี้ยังจะมีค่ายญี่ปุ่นบางรายด้วย ดังนั้นจะยิ่งส่งผลให้ตลาด EV มีความคึกคักมากขึ้น โอกาสที่จะขยายตัวไปถึง 100,000 คัน มีความเป็นไปได้สูง อีกทั้งราคาจะจับต้องง่ายขึ้น โดยคาดการณ์ว่ารถยนต์นั่งไฟฟ้าจะมีส่วนแบ่งของยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ในปี 2567
หวั่นสงครามราคาลามไม่หยุด
เช่นเดียวกับแหล่งข่าวผู้ประกอบการค่ายรถญี่ปุ่นระบุว่า เห็นตัวเลขกำไรของค่ายรถ EV จีน สิ่งที่น่ากังวลคือ สงครามราคาจะเกิดขึ้นไม่หยุด สามารถนำส่วนต่างของราคาขายและต้นทุนมาใช้เป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดได้ อย่าลืมว่าประเทศจีนมีการผลิตเกินความต้องการของตลาดมาก และตอนนี้อเมริกาขึ้นภาษี EV จีน รวมทั้งยุโรปด้วย ฉะนั้นหากจีนต้องการขยายตลาดหรือต้องการยอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงตลาดชะงักงัน สงครามราคาก็จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/motoring/news-1624425