คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
หลังเกษียณ ผมจะตรวจตาทุก 6 เดือน ปกติก็มีขั้นตอน มีการตรวจวัดระดับการมองเห็น ตรวจวัดความดันลูกตา ตรวจวัดค่าระดับสายตา หยอดยาขยายรูม่านตาดูจอประสาทตา ตรวจวัดตาแบบละเอียดด้วยSlit Lamp ทุกครั้ง ก็บอกว่าปกติ
จนเปลี่ยนหมอ หมอคนใหม่ถามว่าเคยตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพวิเคราะห์จอประสาทตาไหม ผมบอกว่าไม่เคย หมอเลยสั่งให้ไปตรวจ ผล จากภาพที่ได้หมอชี้ว่าตาด้านขวาผมเป็นต้อหินแน่นอน ทั้งๆทีความดันตาวัดได้แค่ 19 มิลลิเมตรปรอท หมอจึงสั่งให้ไปทดสอบลานสายตา ผลการทดสอบก็พบว่า ผมเป็นต้อหินทั้ง2 ข้าง
สรุป ที่เล่ามานี้เพียงแค่อยากจะบอกว่า แม้ว่าเรารู้สึกว่าเราไม่รู้สึกผิดปกติอะไร แต่จริงแล้วเราอาจเป็นโรคอยู่ก็ได้ ถ้าไม่รีบรักษาตาก็อาจจะบอดได้
จนเปลี่ยนหมอ หมอคนใหม่ถามว่าเคยตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพวิเคราะห์จอประสาทตาไหม ผมบอกว่าไม่เคย หมอเลยสั่งให้ไปตรวจ ผล จากภาพที่ได้หมอชี้ว่าตาด้านขวาผมเป็นต้อหินแน่นอน ทั้งๆทีความดันตาวัดได้แค่ 19 มิลลิเมตรปรอท หมอจึงสั่งให้ไปทดสอบลานสายตา ผลการทดสอบก็พบว่า ผมเป็นต้อหินทั้ง2 ข้าง
สรุป ที่เล่ามานี้เพียงแค่อยากจะบอกว่า แม้ว่าเรารู้สึกว่าเราไม่รู้สึกผิดปกติอะไร แต่จริงแล้วเราอาจเป็นโรคอยู่ก็ได้ ถ้าไม่รีบรักษาตาก็อาจจะบอดได้
แสดงความคิดเห็น
การที่หมอนัดมาตรวจเรื่อยๆ ไม่ไปได้ไหมถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร
ปีนี้ผมลองเปลี่ยนไปตรวจ คลีนิกพิเศษ ของโรงเรียนแพทย์ ตรวจกับหมอด้านต้อหินเลยเหมือนกัน ค่าใช้จ่ายลดไปเยอะเพราะหมอไม่ได้ให้ตรวจกับเครื่องมืออะไรเลยและค่าบริการถูกกว่าเอกชนนิดหน่อย หมอนัดปีละครั้ง แต่หมอส่งต่อไปให้หมออีกคนดูเรื่องเม็ดสีที่กระจกตา หมอกระจกตาก็นัดตรวจทุกครึ่งปี นี่ตรวจทุกครึ่งปี 2 ครั้งแล้ว เลยบอกหมอขอปีละครั้งได้ไหม ถ้าเม็ดสีไม่ได้ขยาย หมอก็ให้
สรุปที่หมอนัดไปตรวจนี่ ถ้าศัพท์การตลาดมันเป็นแนว frequency marketing? คือ นัดให้เราไปตรวจอะไรบ่อยๆออกเชิงพาณิชย์ ไม่ไปตรวจก็ได้ใช่ไหม??