โลกทุนนิยมน่าจะจบในไม่ช้า หนี้สาธารณะ30ปีของชาติใหญ่พุ่งสูงขึ้นตลอดทุกชาติแต่เศรษฐีFORBES รวยเพิ่มตลอดทุกปี

กระทู้คำถาม
ลองหาข้อมูลหนี้สาธารณะของเวิลด์แบงก์ตั้งแต่  1990  ลองคลิกชาติใหญ่เช่น ญี่ปุ่นเมกา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร  เกาหลีใต้  เพิ่มเป็นขาขึ้นยาวมา 30ปี 

https://data.worldbank.org/indicator/GC.DOD.TOTL.GD.ZS?locations=TH-GB-FR-JP-AU-KR-US

แต่อภิมหาเศรษฐีของเมการวยสวนทางกับหนี้สาธารณะของเมกา ตลอด 30ปี มีหน้าใหม่เพิ่มและหน้าเก่ายังรวยเพิ่ม ตามข้อมูลนี้ 
https://views-voices.oxfam.org.uk/2022/01/billionaires-make-billions-while-billions-get-poorer/ 

ถ้าแปลควาหมายคือ
30ปีก่อน ก่อนต้มยำกุ้งหรือช่วงเปลี่ยนหนามรบเป็นหนามการค้ายุคจบสงครามเย็น ชนชั้นกลางชั้นล่างก็ยังพอมีทรัพยากรไว้ครอบครอง ไม่ถูกสูบโดยระบบทุนนิยมไปมาก  ตลาดหุ้นคึกคัก หน้าโง่ หน้าใหม่ขนเงิน ขาย จำนองบ้านเข้าตลาดไปซื้อตราสารทุนตราสารหนี้  พอเกิดต้มยำกุ้งทรัพยกรเปลี่ยนมือจากของชนชั้นกลางไปเป็นของนายทุนหรือเศรษฐีหน้าใหม่ที่ปั่นหุ้นหรือชนะตามระบบไม่กี่ราย   เมื่อเกิดวิกฤตแน่นอนตามทฤษฎีเคนส์รัฐต้องใช้นโยบายการคลังขาดทุนเข้าแก้  มันก็คือการแปรธาตะทรัพยากรของรัฐ ผ่านชนชั้นกลางและล่าง ให้จับเงินชั่วคราว เพื่อถ่ายทรัพยากรไปสู่รายใหญ่ในท้ายที่สุดหนี้รัฐก็เพิ่มไปทุกวิกฤตของโลก ไม่ว่าจะกรีซ  แฮมเบอเกอ โควิด  .... ทุกวิกฤต มีนโยบายการคลังขาดดุล  เท่ากับ การเปลี่ยนมือทรัพยากรของรัฐไปให้นายทุน (ทิ้งหนี้ไว้ให้คนชั้นกลางและล่างที่ไม่มีให้สูบก่อนอยู่แล้ว ให้แบกภาระการใช้ชีวิตไปตามข้าวของที่แพงขึ้น )  

จนมาถึงจุดหลัง 2020 วิกฤตที่ลามทั่วโลกแล้วคือ วิกฤต trust (โกงในระบบเครดิตความน่าเชื่อถือของพวกประกัน  ตราสารหนี้ของบริษัทใหญ่  การเบี้ยวสารพัดเบี้ยวของพวกnon bank ล้มแล้วหนี........และอีกสารพัดจะโกงที่ถ้าไปดูพวกยริษัทจัดอันดับก็ตัดอันดับลงกันอุตลุดในทุกประเทศ  น่าจะเป็นตัวที่บอกว่าทุนนิยมไม่เหลืออะไรให้สูบเพราะแต่ละรายที่มีข้อมูลวงในก็พยายามหาทางดีดตัวออกไปพร้อมเงินที่ยักย้ายไปในที่ๆตามได้ยาก  เหลือแต่รายย่อยที่ไม่รู้ตัวหรือลุกช้าก็ทำได้แค่ไปขึ้นโรงขึ้นศาล ลมแล้งๆไปวันๆกับเงินที่ต้องโบกมือลาจากไป อิอิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่