แชร์ประสบการณ์การเป็นโรคฝีดาษลิง Mpox

กระทู้นี้ผมขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ติดเชื้อ Mpox หรือโรคฝีดาษลิงของตัวเอง ช่วง 16/11-8/12/2566 ผมตั้งใจสมัครมาเพื่อที่จะได้ให้ข้อมูลข่าวสารกับเพื่อนๆ หรือคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยง มีความกังวลเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงนะครับ 

     โรคฝีดาษลิงสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสและการสูดเอาละอองสารคัดหลังขนาดใหญ่เช่นน้ำมูกน้ำลาย รวมถึงสารคัดหลังอื่นๆในร่างกาย จริงที่ว่าโรคนี้มันติดต่อผ่านการสัมผัสแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็น ในระดับการสัมผัสมันต้องเป็นระดับที่แนบชิดสนิทเนื้ออย่างเช่นการมีเพศสัมพันธ์กันมีการสอดใส่ครับ

    ผมนั้นเป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย บทบาททางเพศของผมนั้นสามารถเป็นได้หมดครับ ขอไล่เป็นไทม์ไลน์เลยแล้วกัน

   ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2566 ผมได้นัดกันกับคู่ของผมผ่าน application สีส้ม และไปมีเพศสัมพันธ์กันโดยต่างฝ่ายต่างเป็นรุกและรับสลับกัน  และไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องเกือบ 2-3 ชั่วโมง หลังจากนั้นผมก็มีอาการเจ็บที่รูก้น ส่องกระจกดูมันมีลักษณะเป็นแผลที่ขอบรูทวาร บางครั้งเหมือนมีเสียงคัดหลั่งเป็นสีคนบนเหลืองเขียวแต่ไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเน่าเหม็นคาวอะไร ก็ไม่ได้เอะใจอะไรก็ล้างทำความสะอาดปกติและซื้อยาฆ่าเชื้อมารับประทาน 

     พออาทิตย์ถัดมารู้สึกว่าไม่มีอาการผิดปกติอะไรไม่มีไข้ไม่มีตุ่มหนอง ก็เลยกันผ่าน application สีส้มเหมือนเดิมกับอีกคนใหม่ รอบนี้ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันต่างก็สลับบทบาทกันทั้งเป็นรุกและเป็นรับ จากนั้นกลับมาที่บ้านเริ่มมีอาการเจ็บที่รูทวารหนักอีกครั้ง มีแผลเหมือนแผลถลอกที่รูทวารหนักและมีหนังเปิด 2 วันต่อมาเริ่มมีอาการคัน เจ็บแสบในรูทวารหนัก จึงใช้กระดาษทิชชูพันนิ้วมือแล้วก็แหย่เข้าไปเพื่อเกาอาการคัน แต่ผลปรากฏว่ายิ่งเก่าดูทวารหนักยิ่งบวมปวดนอนไม่ได้ตดถ่ายลำบาก และแผลที่รูทวารมีเหมือนหนองสิงครับลังสีขาวขุ่นบางครั้งเหลืองบางครั้งเขียวไม่มีอาการเหม็นเน่าไหลซึมติดกระดาษทิชชู เพราะผมใช้ทิชชู่ซับไว้ทำเหมือนผ้าอนามัย

     4 วันต่อมา เริ่มมีไข้ ไม่มีอาการเจ็บคอไม่มีน้ำมูกไม่มีท้องเสียถ่ายเหลวมีแค่ไข้กับหนาวสั่นอย่างแรง เป็นอยู่ 2 วันกินยาลดไข้อาการก็ลง พอไข้ลงกลับเริ่มมีอาการเป็นตุ่มขึ้นความคันระดับคล้ายๆยุงกัด เป็นรอยแดงๆขึ้นมาก่อน ขึ้นที่ใบหน้าและเท้าด้านขวาผมก็เกาปกตินึกว่าแมลงสัตว์กัดต่อย พอสักพักแค่ครึ่งชั่วโมงมันเริ่มเป็นตุ่มน้ำใสๆขึ้นมา ลักษณะของตุ่มมีความเฉพาะคือมีขอบมีวงชัดเจนและมีตุ่มน้ำใสข้างใน มีอาการคันยิบๆตลอดเวลา ผมคิดแล้วว่าตัวเองอาจต้องเป็นโรคฝีดาษลิงแน่นอน เพราะตรงที่มันขึ้นมันเป็นตุ่มน้ำอีกทั้งตัวเองมีความเสี่ยงจากการไปมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และมีแผลที่รู้ทวารหนัก อีกทั้งมีไข้ขึ้นพอใกล้ลงตามมาด้วยตุ่ม 

     ผมจึงเดินทางไปโรงพยาบาลจังหวัด ระหว่างทางนั้นคือปวดรูทวารหนักมากคันมากนั่งแทบไม่ได้ไม่ว่าจะบิดไปท่าไหนก็ปวดทรมานไปหมด เนื่องจากมันมีแผลและมีรอยโรคที่รูทวาร พอไปถึงโรงพยาบาลจังหวัดผมแจ้งเขาเลยว่า ผมสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคฝีดาษลิง เนื่องจากมีอาการข้างต้นและผมก็เอาตุ่มที่มันเกิดขึ้นให้ทีมพยาบาลคัดกรองเขาดู พยาบาลได้แยกให้ผมไปนั่งจุดที่มีผู้คนน้อยที่สุดและได้โทรประสานบุคลากรหน่วยงานอื่นๆตั้งทีมลงมาซักประวัติสอบสวนอาการ และได้เก็บสิ่งส่งตรวจจากรูทวารหนักของผมรวมถึงกระพุ้งแก้ม แต่ไม่ได้เก็บจากตุ่มหนองที่เกิดขึ้นเพราะว่ามันยังเป็นตุ่มขนาดเล็กยังไม่มีหนองเป็นแค่ตุ่มน้ำใส 

     2 วันจากนั้นโรงพยาบาลแจ้งผมทาง LINE application ทราบว่าผมติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด West Africa ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ได้ก่อความรุนแรงที่มาก และเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหนักในประเทศไทย ผมลืมบอกไปว่าคู่ของผมที่นัดทั้งหมดเป็นคนไทยทั้งหมด ส่วนอีกสายพันหนึ่งคือสายพันธุ์คองโก ซึ่งไม่ค่อยพบในไทยอันนี้จะรุนแรงมาก ผมได้แจ้งไปทางโรงพยาบาลประจำจังหวัดที่รับตรวจผมว่าผมมีอาการปวดและมีแผลขนาดใหญ่ที่รูทวารหนัก กลัวว่าจะมีการติดเชื้อลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด และไม่สามารถนอนหรือนั่งท่าไหนที่ทำให้บรรเทาอาการปวดได้เลย ทางโรงพยาบาลก็ได้ให้แค่ยาแก้ปวดยาคลายกล้ามเนื้อและยาทาแก้คันมาบรรเทาอาการ แต่อาการปวดนั้นทรมานมากยาแก้ปวดช่วยได้แค่ประมาณชั่วโมงเดียว ส่วนยาทายิ่งทายิ่งคันมาก ผมเลยเดินทางไปโรงพยาบาลใกล้บ้านและเล่าความกังวลให้พยาบาลที่นั่นฟังว่ามีแผลที่รูทวารขนาดใหญ่ และมีอาการบวมอักเสบติดเชื้อสิ่งทดลองไหลเป็นหนองบนสีเขียวตลอดเวลา โรงพยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่พยาบาลที่นี่ดีมาก ได้ให้ผมนอนโรงพยาบาลในห้องแยกงดการเข้าเยี่ยมทุกกรณีและได้ให้ยาฆ่าเชื้อที่รู้ทวารครับ รวมถึงการแช่ก้นเช้าเย็นและทำแผลด้วยตนเองเช้าเย็น ***ประเด็นคือโรงพยาบาลประจำจังหวัดได้แจ้งไปที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอในเขตท้องที่ ซึ่งเป็นหนังสือสั่งการจากกรมควบคุมโรคมาอีกครั้งหนึ่ง ว่าให้กับตัวนายคนนี้ตั้งแต่วันที่จุดๆๆจนถึงวันที่จุดๆๆรวมเวลาก็ประมาณ 21 วัน ด้วยโรคติดเชื้อฝีดาษลิง ซึ่งมันต้องประสานผ่าน อสม. ในเขตที่รับผิดชอบ แต่เท่าที่ผมทราบคืออสม. คนนี้ ประกาศหาผมชื่อผมป่วยด้วยโรคฝีดาษลิงอย่างดังถามหาคนนั้นถามหาคนนี้ไม่มีการพิทักษ์ศิษย์คนไข้เลย จึงอยากแจ้งว่าถ้าใครไปตรวจให้เน้นย้ำในเรื่องนี้ด้วยนะครับเพราะมันเป็นโรคติดต่อที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเป็นกัน 

     หลังจากนอนโรงพยาบาลได้คืนวันที่ 2 โชคดีที่ตุ่มมันไม่ได้เยอะมากเหมือนในอินเทอร์เน็ต พยายามไม่เก่ามันเพื่อไม่ให้มันขยายและเป็นตุ่มหนองสามารถช่วยได้ครับ โรคนี้ตามแนวทางแล้วไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลสามารถกักตัวต่อที่บ้าน แต่ผมมีความจำเป็นคือมันมีแผลขนาดใหญ่ที่รู้ทวารหนักแล้วต้องให้ยาฆ่าเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด 

     พอมาสักประมาณวันที่ 10 หลังจากที่ตรวจพบเชื้อ ตุ่มสนใหญ่ที่เกิดขึ้นมันก็เริ่มแห้งแตกเป็นขุย แล้วก็มีรอยแผลเป็นแดงๆเล็กน้อยโชคดีที่ผมซื้อยาทาแผลเป็นมาด้วยก็เริ่มแต้มเช้ากลางวันเย็นเลย บางทีขี้เกียจก็ไม่ทา ผมก็นึกว่าตุ่มหนองมันจะหายไปแล้ว กลับกลายเป็นว่าเธอหนักกว่าเดิมที่บริเวณไหปลาร้า แต่ลักษณะตุ่มรอบนี้เป็นตุ่มขนาดเล็กมากเท่าหัวสิว ไม่เหมือนครั้งแรกที่ขึ้น เท่าที่ผมอ่านศึกษาหาความรู้ในเพจทราบว่ามันน่าจะมีแอนติบอดีเกิดขึ้นแล้วมันจึงไม่ได้มีตุ่มขนาดใหญ่เท่าครั้งแรกที่เป็น 

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ในการเป็นครั้งนี้คือ
    1. ฝีดาษลิงไม่ได้เป็นโรคที่เป็นร้ายแรงเหมือนที่หลายๆคนเข้าใจ
   2. จากการศึกษาทราบว่าฝีดาษลิงติดต่อผ่านการสัมผัสในระดับการเสียดสีสอดใส่จนเกิดแผลมีรอยทางของการเข้าของเชื้อแม้ใส่ถุงยางอนามัยแต่ถ้ามีการฉีกขาดหรือสัมผัสกับตุ่มหนองก็ยังรับเชื้อได้อยู่ดี อีกทั้งการรับเอาละอองสินค้าลำขนาดใหญ่เช่นน้ำอสุจิ น้ำมูกน้ำลาย น้ำจากรูทวารหนักก็ทำให้ติดเชื้อได้
   3. ระยะเวลาในการกักตัว 21 วัน ถ้าเกิดว่าคนไม่มีงานประจำ คนที่หาเช้ากินค่ำมีรายได้รายวัน ต้องวางแผนชีวิตตัวเองดีๆว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร มีเพื่อนหรือใครที่สามารถส่งข้าวส่งน้ำให้ได้บ้าง ระหว่างที่กักตัวจะเอาเงินที่ไหนใช้
    4. การปรับตัวในที่ทำงานหรือในสังคมแวดล้อม ผมก็ยังมีความกังวลอยู่ เพราะโดยปกติผมเป็นคนไม่เปิดเผยว่ามีรสนิยมทางเพศที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย พอเป็นแบบนี้ในที่ทำงานรู้หมดเลยว่าผมป่วยโรคฝีดาษลิง สิ่งที่ต้องปรับคือต้องปรับความคิดตัวเอง ไม่รู้จะทำได้มากขนาดไหนแต่ก็ต้องทำ***
     5. โรคที่ตามมานอกจากฝีดาษลิง เช่น ซิฟิลิส หนองใน ตับอักเสบ โรคเอดส์ หูดหงอนไก่ ซึ่งตอนนี้ยังตรวจไม่พบ โดยปกติผมรับประทานยา PrEP ทุกวัน ทานมาได้ประมาณ 3 ปีแล้วครับ เนื่องจากมีความเสี่ยงและบางครั้งไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยยานี้ป้องกันได้เฉพาะโรคเอดส์อย่างเดียวโรคอื่นๆป้องกันไม่ได้ ก็ต้องติดตามตรวจกันต่อไป
     6. การสืบต้นตอของโรค ผมพยายามติดต่อคนที่ผมมีเพศสัมพันธ์ด้วยทุกคน ในช่วงที่สัมผัสเชื้อ 21 วัน ทราบว่าไม่มีใครเป็นอะไรสักคนเลย ซึ่งผมแปลกใจมาก หรือว่าเขาเป็นพาหะแต่ไม่แสดงอาการอันนี้ไม่แน่ใจ 
     7. ความตระหนักในตนเองและสังคม หาคนที่พบว่าตัวเองติดเชื้อ ควรแยกตัวเองรักษาตามแผนการรักษาของแพทย์ จนกว่าจะไม่แพร่เชื้อ นั่นคือทุกตุ่มในร่างกายต้องตกสะเก็ดทั้งหมดและหลุดไป 

ทั้งหมดทั้งมวลที่ตั้งกระทู้มานี้ แค่ต้องการแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนได้ทราบครับว่ามันติดมาในช่องทางไหน หากติดแล้วจะวางแผนการหาข้าวหาน้ำ การใช้ชีวิตอย่างไร และรวมถึงการปรับตัวในสภาพแวดล้อมที่ทำงานรวมถึงสภาพแวดล้อมสังคมที่เราอาศัยอยู่อย่างไร 

ปล. ใครมีข้อเสนอแนะหรือข้อซักถามก็แชร์ความคิดเห็นและประสบการณ์กันได้นะครั
2 รูปนี้ คือตุ่มผื่นในระยะแรกครับ 
ส่วนรูปด้านล่างนี้คือตุ่มในระยะท้ายๆแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่