ตามหัวเรื่องเลยค่ะ วันนี้เราจะมีแชร์ประสบการณ์การเป็นนิ่วในถุงน้ำดีของเรากัน (ยาวมากหน่อยนะคะ)
เริ่มแรกต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเองมีโรคประจำตัวเป็นโรคเลือด ธาลัสซีเมียอยู่แล้วนะคะ เพราะฉะนั้นจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราต้องมีการตรวจเช็กร่างกายอยู่บ่อย ๆ ค่ะ อย่างอัลตราซาวน์อะไรพวกนี้หมอเขาก็จะส่งตรวจอยู่ทุก ๆ ปีว่ามีนิ่วไหม เนื่องจากโรคเราสามารถเกิดนิ่วได้ง่ายเพราะการแตกตัวของเม็ดเลือด แต่พอมีช่วงที่เราย้ายโรงพยาบาลก็ไม่มีทำการตรวจพวกนี้แล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร TT เพราะหมอไม่ส่งตรวจก็เลยไม่สามารถทราบได้ เราก็ใช้ชีวิตปกติมาเรื่อย ๆ กินอาหารอะไรตามใจปากทั่วไปค่ะ ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย ใช้ชีวิตปกติ
จนกระทั่งในปีนี้ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เรามีอาการปวดท้องแบบเฉียบพลัน ซึ่งอยู่ ๆ ก็ปวดค่ะ แต่คิดว่าน่าจะปกติ เพราะที่ผ่านมาเราก็มีปัญหาเรื่องท้องไส้อยู่แล้ว ชอบปวดท้องแป๊บ ๆ ท้องอืดอะไรแบบนั้นค่ะ เลยคิดว่าไม่เป็นอะไร เดี๋ยวคงหาย แต่รอบนี้แปลกกว่าเดิมคือเราปวดแบบไม่สบายท้องมาก ๆ รู้สึกเองเลยว่าปวดแปลก ๆ แล้วมันก็ปวดนานค่ะ ปวดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ใน 2 ชั่วโมงนั้นคื เหมือนค่อย ๆ ไต่ระดับความปวดขึ้นจนเราต้องนอนตัวงอเลย รู้สึกทรมานมาก ๆ ค่ะกว่าจะหาย ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะเพราะไม่รู้ว่าตัวเองปวดท้องอะไร ก็ต้องทนปวดแบบนั้นจนกว่าจะหาย พอหายก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ ตอนนั้นก็เลยไม่ได้คิดอะไร พอวันถัดมาช่วงกลางดึกเราก็ปวดอีกค่ะ แต่คราวนี้ปวดหนักกว่าเดิมมาก ๆ เพราะมันต่อเนื่องเต็มแม็กซ์เต็ม 2 ชั่วโมงแบบไม่มีผ่อน แล้วหลังจากนั้นก็ปวดจุกค่ะ ไม่หายปวด เรานอนดิ้นอยู่ 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ กว่าจะลากตัวเองไปอาบน้ำได้ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนจะตายเลยค่ะ เราเลยเริ่มสังเกตว่าตัวเองปวดตรงไหนของท้อง เราปวดช่วงใต้ชายโครงด้านขวา กดแล้วเจ็บเลยค่ะ ขนาดนอนตัวงอยังช่วยอะไรไม่ได้เลยตอนนั้น ต้องนอนดิ้นไปดิ้นมา แต่ยังไม่บอกใครนะคะ หมออะไรก็ยังไม่ไปหา (จริง ๆ ถ้าใครมีอาการแบบนี้ควรไปโดยด่วนค่ะ) เพราะเราคิดว่าเรายังมีสติ มันไม่มีอาการอะไรนอกจากปวดท้อง ต่อให้เข้าห้องฉุกเฉินหรืออะไรก็ยังไม่น่าได้ทำอะไรอยู่ดี ยกเว้นเข้าเอกชน ถ้ารัฐรออย่างเดียวค่ะจนกว่าสัญญาณชีพจะถึงขีดที่เขารู้สึกว่าอันตรายเขาถึงจะมาดูทันที
คืนนั้นก็ผ่านไปแบบทุลักทุเลมาก ๆ หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงเราก็เดินตัวงอเลยค่ะเพราะมันปวดจุกตลอดเวลาแค่น้อยลง ใช้ชีวิตแบบเดินย่องเอา วันต่อมาเราเลยโทรหาแม่บอกแม่ว่ามีอาการแบบนี้นะ แม่เลยให้กลับมาอยู่บ้านก่อน เผื่อปวดกะทันหันอีกจะได้ใกล้มือหน่อย วันรุ่งขึ้นแม่เราก็มากลับบ้านค่ะ ระหว่างนั้นคือยังมีอาการปวดจุกตลอดนะคะ บริเวณใต้ชายโครงด้านขวาแล้วก็แถว ๆ ลิ้นปี่ คือมันปวดแถวนั้นเลยค่ะ ด้านขวาบนจนถึงลิ้นปี่ เราเลยทักไปถามอาที่เป็นพยาบาลว่าอาการแบบนี้คืออะไรสามารถเป็นอะไรได้บ้าง อาเขาก็คิดว่าเป็นโรคกระเพาะค่ะ จริง ๆ อาการมันก็แอบคล้าย เราก็เลยบอกไปว่าเราปวดตรงนี้ ๆ จนมีชื่อโรค นิ่วในถุงน้ำดีโผล่มา แต่เราก็คิดว่าไม่น่าใช่ หาข้อมูลอะไรดูแล้ว เรายังอายุเท่านี้อยู่เลยคือจะเป็นเร็วไปไหม 😭 ไม่เชื่อว่าจะเป็นนิ่วได้ค่ะแต่ก็ 50/50 เพราะอาการคล้ายจริง หลังจากนั้นประมาณ 2 วันเราก็ใช้ชีวิตแบบเดินย่อง ๆ เดินแรงไม่ได้เพราะปวดจุกมาก กินอาหารอ่อน ๆ ไปก่อนค่ะ แล้วก็กินกาวิสคอนไปด้วยเพราะยังคิดว่าเป็นกระเพาะอยู่ แต่ไม่หายเลยค่ะ ไม่ได้ดีขึ้น นอนก็นอนไม่ค่อยหลับไม่รู้จะนอนท่าไหนดีเพราะจุกมาก ๆ
จนวันถัดมามื้อเช้าเราก็กินโจ๊กค่ะ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นอยู่ดี หลังจากทานเสร็จเราเลยนอนพักไป พอมื้อกลางวันเราเลยสั่งข้าวมันไก่มากินค่ะเพราะอยากกินมาก ๆ แถวหอไม่มี TT ได้กลับบ้านมาทีเลยกลับมากินร้านประจำค่ะ แต่ผลปรากฎว่าหลังจาก้ราทานข้าวมันไก่ไปได้สักพัก อาการปวดท้องก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เราเริ่มปวดมากขึ้นแบบตัวงอและปวดต่อเนื่อง แต่ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นเพราะข้าวมันไก่นะคะ ก็เลยคิดในใจว่า อีกแล้วเหรอ เราก็รอเวลาจนมันจะหายปวด แต่ปรากฎ มันไม่หายค่ะ TT ปวดต่อเนื่องยันตอนเย็น ช่วงค่ำ ๆ แม่เราเลยพาไปคลินิกก่อนค่ะ ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปโรงพยาบาล เราก็จะตอบเหมือนเดิมว่า อาการเรามันไม่มีอะไรเลยนอกจากปวดท้องจริง ๆ ไม่คลื่นไส้ ไม่ปวดหัว ไม่มีอะไรเลยนอกจากปวดท้องค่ะ สติก็ยังมีครบ ถ้าจะไปก็คงต้องรอเข้าเวลาทำการ แต่ตอนนั้นมันปวดมาก ๆ เลยไปคลินิกก่อนเผื่อได้ยา พอไปถึงคลินิกเขาก็ตรวจดู สอบถามอาการ กดท้องดูค่ะ หมอก็สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ จังหวะนั้นคือ หรือชั้นจะเป็นจริง ๆ เริ่มคิดแล้วค่ะ หมอเลยให้ยาแก้ปวดเกร็งมา ซึ่งกินไปเอาจริง ๆ ก็ยังไม่หายปวดนะคะแต่พอนอนได้เราก็โอเคแล้ว ทุเลาลงก็โอเคแล้วค่ะ เราก็กินยามาเรื่อย ๆ อาหารก็ทานอ่อน ๆ เอาค่ะ จนครบอาทิตย์นึงพอดีที่เราเริ่มปวด เรามีนัดกับหมอโรคเลือดพอดีด้วย แต่อยู่ดี ๆ วันนั้นเราก็หายปวดเฉยเลยค่ะ ทั้งที่เมื่อคืนยังปวดอยู่เลย แปลกมากแต่ดีแล้วค่ะ พอถึงเวลาตรวจเราเลยบอกหมอประจำตัวไปว่าเรามีอาการปวดท้องแบบนี้ ๆ นะ พอจะส่งตรวจอัลตราซาวน์เช็กได้ไหม เขาก็บอกได้เดี๋ยวส่งให้ เราก็เลยโล่งใจค่ะในที่สุด แต่ตอนแรกนึกว่าจะส่งตรวจวันนั้นเลย ปรากฎหมอนัดวันตรวจให้มกราปีหน้า 55555555555555 แทบร้องไห้ กะแค่อัลตราซาวน์ยังขนาดนี้ แต่ก็รับบรัฐอะเนอะ เขาก็คงต้องทำแบบนั้น อีกอย่างหมออาจจะไม่คิดว่ามันร้ายแรงค่ะ เพราะวันนั้นเราก็หายปวดจริง ๆ ก็ทำเรื่องทำอะไรเสร็จก็กลับบ้านค่ะ พอกลับมาบ้านมานอนพักสักพักอยู่ดี ๆ ก็ปวดขึ้นมาใหม่อีกแล้ว ตัวงอตามเดิมค่ะ ทั้งที่ไม่ได้กินอะไรเลย ก็ทนไปค่ะ กินยาที่คลินิกให้ครบ พอกินยาไปก็หายนะคะ ดีขึ้น วันนั้นเราต้องกลับหอด้วยค่ะวันต่อไปมีเรียน แต่โชคดีที่อาส่งยามาให้ มีหลายตัวเลยค่ะยาแก้ปวดเกร็งเอย ยาโรคกระเพาะเอย คือมีครบ เราก็โล่งละมียามีอะไร หลังจากนั้นมันก็ไม่ปวดแล้วนะคะ เราได้ใช้ชีวิตสงบสุขไปอีกสักพัก แต่ระหว่างนั้นก็มีอาการปวดกำเริบมาบ้าง แบบอยู่ ๆ ก็ปวดทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร เราก็กินยาที่อาส่งมาเอาก็หายค่ะ ชีวิตก็วนแบบนี้ บางทีปวด กินยา หาย
พอเข้าต้นเดือนพฤศจิกายนเราเริ่มมีอาการปวดอีกครั้งแต่มากกว่าเดิมค่ะ ปวดแบบระดับ 7-8 ต่อเนื่องนานกว่าเดิม ข้ามวันข้ามคืนกันเลย เดินลำบากมากทำอะไรแทบไม่ได้แต่วันนั้นมีเรียนเราเลยต้องแบกร่างไป มันปวดแบบนี้ต่อเนื่องประมาณ 3 วัน เราเลยบอกแม่ค่ะ เพราะรอบนี้ดูท่าจะไม่ไหวจริง พอตกกลางดึกเรานอนไม่ได้เลย วันถัดไปก็มีเรียน ไม่น่ารอด เลยโทรบอกแม่ช่วงตี 4 ว่าไม่ไหว พาไปหาหมอหน่อย แม่ก็มารับ ตอนแรกเราไปรพ.ธรรมศาสตร์ก่อนค่ะเพราะใกล้สุดแล้ว เข้าแผนกฉุกเฉิน เขาตรวจสัญญาณชีพแล้วปกติ ถามอาการเราแล้วเขาก็บอกว่าตอนนี้ห้องฉุกเฉินคนเยอะ แล้วเราอาการไม่หนักสำหรับเขาเราเลยต้องรอค่ะ แม่เราเลยตัดสินใจไม่รอแล้วมาโรงพยาบาลที่เราหาหมอประจำ เผื่อได้ตรวจได้อะไรก็จะได้มีสิทธิ์ที่นี่เลย เราก็แบกสังขารมา รอนานมากกว่าจะได้ตรวจค่ะ วันนั้นคือความปวดก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะรอหมอ กว่าจะได้ตรวจก็ปาไปเกือบ 9-10 ไปตั้งแต่ตี 5-6 โมง พอได้เจอหมอแล้วหมอเห็นสภาพที่เรานั่งรถเข็นแล้วก็ซักประวัติ กดท้องดู ดูว่าตาเหลืองตัวเหลืองไหม เรามีครบเลยค่ะ ปวดท้องกดแล้วเจ็บ ตาเริ่มเหลือง หมอเลยส่งเจาะเลือด ผลออกมาว่าค่าเม็ดเลือดขาวเราสูงกว่าปกติแสดงถึงการติดเชื้อค่ะ เขาเลยสันนิษฐานว่าอาจจะถุงน้ำดีอักเสบมันเลยติดเชื้อ ตอนนี้อาการเราเข้าข่ายนิ่วในถุงน้ำดีมาก ๆ แต่เดี๋ยวอีก 2 วันเขาจะส่งอัลตราซาวน์อีกที วันนั้นหมอก็เลยบอกให้เราแอดมิทเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อ 7 วันค่ะ สภาพเราตอนนั้นคือเดินไม่ไหวแล้วค่ะ ก้มตัวตลอด ทรมานมากอยากได้ยาสุด ๆ พอได้ห้องแล้วกว่าเขาจะมาฉีดยาให้ก็เย็นมากแล้วค่ะ เราก็ทนปวดท้องฉ่ำไป ทรมานสุด ๆ แบบจะตายเลย นอนแทบไม่ได้เลยค่ะ ขนาดให้ยาแล้วยังไม่หาย แค่ทุเลาแต่ก็พอนอนได้ เราเลยใช้จังหวะที่ความปวดลดลงนอนหลับค่ะ วันนั้นเราไม่ได้นอนเลยค่อนข้างเหนื่อย ชีวิตวนลูปแบบนี้ไปวันต่อวันค่ะ
จนถึงวันที่ไปอัลตราซาวน์ ผลปรากฎว่าเรามีนิ่วจริง ๆ และโชคไม่ดีกว่านั้นคือ นอกจากมันจะอยู่ในถุงน้ำดีแล้วมันยังหลุดเข้าไปอุดตันในท่อน้ำดีด้วยค่ะ นี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราปวดท้องจนใช้ชีวิตไม่ได้ขนาดนี้ หมอเลยสั่งให้เราทำ ERCP ค่ะ มันคือการส่องกล้องเพื่อรักษานิ่วที่อุดตันในท่อน้ำดีและโรคเกี่ยวกับตับค่ะ ระหว่างนั้นเราก็กังวลมาก ๆ ไม่รู้จะทำยังไง อะไรมันจะโชคร้ายขนาดนั้นน้อคนเรา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ก็ต้องตามนั้นไป พอถึงวันที่เราต้องไปทำการดึงนิ่วในท่อออกบอกตรง ๆ ว่ากลัวมาก เราไม่เคยต้องมาทำหัตถการอะไรแบบนี้เลยค่ะ กังวลจริง ๆ ค่ะ จนตอนที่ไปนอนอยู่บนเตียงในห้องผ่าตัดเล็ก ๆ แล้วคือยิ่งกังวลหนักมาก เขาจะให้เรานอนบนเตียงเล็ก ๆ นะคะแล้วก็ตะแคงซ้าย ทำการฉีดยาชาพ่นเข้าที่ลำคอค่ะ (ซึ่งไม่ช่วยอะไรเลย) แล้วก็ใส่ที่ครอบปากกันเรากัดกล้อง หลังจากนั้นหมอจะสอดกล่องเข้าทางปากเรา จังหวะนี้แหละค่ะบอกเลยว่านรกมาก เราทำแบบมีสติครบ 100% ตอนกล้องเข้ามาในปากคือเราอ้วกแตก แต่ทำอะไรไม่ได้ พยาบาลก็บอกให้ปล่อยให้น้ำลายไหลเลย หายใจทางจมูก อึดอัดจนจะตายเลยค่ะแน่นท้องไปหมดเพราะเขาต้องอัดแก๊สเข้าท้องด้วย ตอนนั้นคือเราไม่มองอะไรแล้ว น้ำหูน้ำตาไหลหมด ภาวนาให้ทุกอย่างจบไว ๆ สุด ๆ ค่ะ ในระหว่างทำเขาก็จะมีการฉีดสีเข้าไปด้วยเผื่อที่จะสามารถมองเห็นนิ่วในท่อได้ชัดขึ้นว่าอยู่ตรงไหน จึงจะใช้บอลลูเล็ก ๆ ไปลากและดึงนิ่วออกมา พร้อมกับการ x-ray ไปพร้อม ๆ กันค่ะ ตอนนั้นทั้งจุกทั้งเจ็บจี๊ด บรรยายไม่ถูกเลยค่ะความทรมานนี้ รู้แค่ว่าทรมานจริง ๆ พอหมอเจอนิ่วแล้วเขาก็ทำการดึงออกมาเพื่อให้นิ่วออกจากท่อแล้วไหลลงลำไส้เล็ก นิ่วจะออกมาพร้อมอุจจาระค่ะ แต่จังหวะตอนดึงนิ่วออกคือจี๊ดมาก มือนี่จิกไปหมดทุกสิ่งที่จิกได้ หลังจากนั้นเขาก็เอากล้องออก แต่สติเรากระเจิงแล้วค่ะ มึนไปหมด จะอ้วก เจ็บคอมากเจ็บคอสุด ๆ หลังจากนั้นเขาก็พาเราลงจากเตียงมาที่รถนอน รอดูอาการสักพักแล้วพากลับห้องค่ะ พี่พยาบาลเขาก็บอกว่าถ้าอยากผายลมผายเลยนะ เรอด้วย เพราะในท้องมีแก๊สมากถ้าไม่ระบายออกจะอึดอัด เราก็เต็มที่ค่ะจังหวะนั้น แต่พอเอานิ่วออกแล้วเราหายปวดท้องทันทีเลยนะคะ มีแค่อึดอัดท้องนิดหน่อยจากการทำหัตถการ แต่ดีขึ้นมากเลยค่ะหายเลยแหละ เหลือแค่เจ็บคอ 55555555555555 อาการนี้จะหายใน 1-2 ค่ะ หลังจากนั้นหมอก็ให้เรานอนดูอาการต่ออีก 3 วัน พร้อมกับให้ยาฆ่าเชื้อต่อ รวมแล้วเราอยู่โรงพยาบาลไป 9 วันเต็ม ๆ ทรมานสุด ๆ เบื่อมากค่ะ
อ๋อแล้วก็พอทำหัตถการนี้เสร็จประมาณ 6-8 ชั่วโมงสามารถจิบน้ำได้ ถ้าไม่ปวดท้องวันถัดมาเขาจะให้ทานข้าวค่ะ นั่นคือข้าวมื้อแรกของเราหลังจากงดมาเป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็ได้กินสักทีค่ะ ดีใจมาก ชีวิตก็ดำเนินต่อไปจนเราออกจากโรงพยาบาลค่ะ หมอก็จะนัดมา follow up อีก 2 อาทิตย์ มียากลับมากินด้วยค่ะต้องกินต่อเนื่องจนหมดค่ะ เราออกโรงพยาบาลมาได้ 1 อาทิตย์ก็ใช้ชีวิตปกติเลยค่ะ หมอบอกกินได้ปกติแค่เลี่ยงของทอด/มันหน่อย เราก็โอเคค่ะรับทราบ อะไรก็ได้ขอให้ออกจากโรงพยาบาลที พอออกมาได้อาทิตย์กว่าก็เกิดเรื่องจนทำให้เราได้กลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่แอดมิทนอนให้ยาแล้วค่ะ
หลังจากนี้คือหายนะแล้วนะคะ เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ เล่าไม่พอตัวอักษรแล้วค่ะ 5555555555555
แชร์ประสบการณ์การเป็นนิ่วในถุงน้ำดีในวัย 20 ปี
เริ่มแรกต้องบอกก่อนนะคะว่าเราเองมีโรคประจำตัวเป็นโรคเลือด ธาลัสซีเมียอยู่แล้วนะคะ เพราะฉะนั้นจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราต้องมีการตรวจเช็กร่างกายอยู่บ่อย ๆ ค่ะ อย่างอัลตราซาวน์อะไรพวกนี้หมอเขาก็จะส่งตรวจอยู่ทุก ๆ ปีว่ามีนิ่วไหม เนื่องจากโรคเราสามารถเกิดนิ่วได้ง่ายเพราะการแตกตัวของเม็ดเลือด แต่พอมีช่วงที่เราย้ายโรงพยาบาลก็ไม่มีทำการตรวจพวกนี้แล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร TT เพราะหมอไม่ส่งตรวจก็เลยไม่สามารถทราบได้ เราก็ใช้ชีวิตปกติมาเรื่อย ๆ กินอาหารอะไรตามใจปากทั่วไปค่ะ ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย ใช้ชีวิตปกติ
จนกระทั่งในปีนี้ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เรามีอาการปวดท้องแบบเฉียบพลัน ซึ่งอยู่ ๆ ก็ปวดค่ะ แต่คิดว่าน่าจะปกติ เพราะที่ผ่านมาเราก็มีปัญหาเรื่องท้องไส้อยู่แล้ว ชอบปวดท้องแป๊บ ๆ ท้องอืดอะไรแบบนั้นค่ะ เลยคิดว่าไม่เป็นอะไร เดี๋ยวคงหาย แต่รอบนี้แปลกกว่าเดิมคือเราปวดแบบไม่สบายท้องมาก ๆ รู้สึกเองเลยว่าปวดแปลก ๆ แล้วมันก็ปวดนานค่ะ ปวดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ใน 2 ชั่วโมงนั้นคื เหมือนค่อย ๆ ไต่ระดับความปวดขึ้นจนเราต้องนอนตัวงอเลย รู้สึกทรมานมาก ๆ ค่ะกว่าจะหาย ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะเพราะไม่รู้ว่าตัวเองปวดท้องอะไร ก็ต้องทนปวดแบบนั้นจนกว่าจะหาย พอหายก็สามารถใช้ชีวิตได้ปกติค่ะ ตอนนั้นก็เลยไม่ได้คิดอะไร พอวันถัดมาช่วงกลางดึกเราก็ปวดอีกค่ะ แต่คราวนี้ปวดหนักกว่าเดิมมาก ๆ เพราะมันต่อเนื่องเต็มแม็กซ์เต็ม 2 ชั่วโมงแบบไม่มีผ่อน แล้วหลังจากนั้นก็ปวดจุกค่ะ ไม่หายปวด เรานอนดิ้นอยู่ 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ กว่าจะลากตัวเองไปอาบน้ำได้ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนจะตายเลยค่ะ เราเลยเริ่มสังเกตว่าตัวเองปวดตรงไหนของท้อง เราปวดช่วงใต้ชายโครงด้านขวา กดแล้วเจ็บเลยค่ะ ขนาดนอนตัวงอยังช่วยอะไรไม่ได้เลยตอนนั้น ต้องนอนดิ้นไปดิ้นมา แต่ยังไม่บอกใครนะคะ หมออะไรก็ยังไม่ไปหา (จริง ๆ ถ้าใครมีอาการแบบนี้ควรไปโดยด่วนค่ะ) เพราะเราคิดว่าเรายังมีสติ มันไม่มีอาการอะไรนอกจากปวดท้อง ต่อให้เข้าห้องฉุกเฉินหรืออะไรก็ยังไม่น่าได้ทำอะไรอยู่ดี ยกเว้นเข้าเอกชน ถ้ารัฐรออย่างเดียวค่ะจนกว่าสัญญาณชีพจะถึงขีดที่เขารู้สึกว่าอันตรายเขาถึงจะมาดูทันที
คืนนั้นก็ผ่านไปแบบทุลักทุเลมาก ๆ หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมงเราก็เดินตัวงอเลยค่ะเพราะมันปวดจุกตลอดเวลาแค่น้อยลง ใช้ชีวิตแบบเดินย่องเอา วันต่อมาเราเลยโทรหาแม่บอกแม่ว่ามีอาการแบบนี้นะ แม่เลยให้กลับมาอยู่บ้านก่อน เผื่อปวดกะทันหันอีกจะได้ใกล้มือหน่อย วันรุ่งขึ้นแม่เราก็มากลับบ้านค่ะ ระหว่างนั้นคือยังมีอาการปวดจุกตลอดนะคะ บริเวณใต้ชายโครงด้านขวาแล้วก็แถว ๆ ลิ้นปี่ คือมันปวดแถวนั้นเลยค่ะ ด้านขวาบนจนถึงลิ้นปี่ เราเลยทักไปถามอาที่เป็นพยาบาลว่าอาการแบบนี้คืออะไรสามารถเป็นอะไรได้บ้าง อาเขาก็คิดว่าเป็นโรคกระเพาะค่ะ จริง ๆ อาการมันก็แอบคล้าย เราก็เลยบอกไปว่าเราปวดตรงนี้ ๆ จนมีชื่อโรค นิ่วในถุงน้ำดีโผล่มา แต่เราก็คิดว่าไม่น่าใช่ หาข้อมูลอะไรดูแล้ว เรายังอายุเท่านี้อยู่เลยคือจะเป็นเร็วไปไหม 😭 ไม่เชื่อว่าจะเป็นนิ่วได้ค่ะแต่ก็ 50/50 เพราะอาการคล้ายจริง หลังจากนั้นประมาณ 2 วันเราก็ใช้ชีวิตแบบเดินย่อง ๆ เดินแรงไม่ได้เพราะปวดจุกมาก กินอาหารอ่อน ๆ ไปก่อนค่ะ แล้วก็กินกาวิสคอนไปด้วยเพราะยังคิดว่าเป็นกระเพาะอยู่ แต่ไม่หายเลยค่ะ ไม่ได้ดีขึ้น นอนก็นอนไม่ค่อยหลับไม่รู้จะนอนท่าไหนดีเพราะจุกมาก ๆ
จนวันถัดมามื้อเช้าเราก็กินโจ๊กค่ะ แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นอยู่ดี หลังจากทานเสร็จเราเลยนอนพักไป พอมื้อกลางวันเราเลยสั่งข้าวมันไก่มากินค่ะเพราะอยากกินมาก ๆ แถวหอไม่มี TT ได้กลับบ้านมาทีเลยกลับมากินร้านประจำค่ะ แต่ผลปรากฎว่าหลังจาก้ราทานข้าวมันไก่ไปได้สักพัก อาการปวดท้องก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เราเริ่มปวดมากขึ้นแบบตัวงอและปวดต่อเนื่อง แต่ตอนนั้นไม่คิดว่าเป็นเพราะข้าวมันไก่นะคะ ก็เลยคิดในใจว่า อีกแล้วเหรอ เราก็รอเวลาจนมันจะหายปวด แต่ปรากฎ มันไม่หายค่ะ TT ปวดต่อเนื่องยันตอนเย็น ช่วงค่ำ ๆ แม่เราเลยพาไปคลินิกก่อนค่ะ ถ้าถามว่าทำไมไม่ไปโรงพยาบาล เราก็จะตอบเหมือนเดิมว่า อาการเรามันไม่มีอะไรเลยนอกจากปวดท้องจริง ๆ ไม่คลื่นไส้ ไม่ปวดหัว ไม่มีอะไรเลยนอกจากปวดท้องค่ะ สติก็ยังมีครบ ถ้าจะไปก็คงต้องรอเข้าเวลาทำการ แต่ตอนนั้นมันปวดมาก ๆ เลยไปคลินิกก่อนเผื่อได้ยา พอไปถึงคลินิกเขาก็ตรวจดู สอบถามอาการ กดท้องดูค่ะ หมอก็สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ จังหวะนั้นคือ หรือชั้นจะเป็นจริง ๆ เริ่มคิดแล้วค่ะ หมอเลยให้ยาแก้ปวดเกร็งมา ซึ่งกินไปเอาจริง ๆ ก็ยังไม่หายปวดนะคะแต่พอนอนได้เราก็โอเคแล้ว ทุเลาลงก็โอเคแล้วค่ะ เราก็กินยามาเรื่อย ๆ อาหารก็ทานอ่อน ๆ เอาค่ะ จนครบอาทิตย์นึงพอดีที่เราเริ่มปวด เรามีนัดกับหมอโรคเลือดพอดีด้วย แต่อยู่ดี ๆ วันนั้นเราก็หายปวดเฉยเลยค่ะ ทั้งที่เมื่อคืนยังปวดอยู่เลย แปลกมากแต่ดีแล้วค่ะ พอถึงเวลาตรวจเราเลยบอกหมอประจำตัวไปว่าเรามีอาการปวดท้องแบบนี้ ๆ นะ พอจะส่งตรวจอัลตราซาวน์เช็กได้ไหม เขาก็บอกได้เดี๋ยวส่งให้ เราก็เลยโล่งใจค่ะในที่สุด แต่ตอนแรกนึกว่าจะส่งตรวจวันนั้นเลย ปรากฎหมอนัดวันตรวจให้มกราปีหน้า 55555555555555 แทบร้องไห้ กะแค่อัลตราซาวน์ยังขนาดนี้ แต่ก็รับบรัฐอะเนอะ เขาก็คงต้องทำแบบนั้น อีกอย่างหมออาจจะไม่คิดว่ามันร้ายแรงค่ะ เพราะวันนั้นเราก็หายปวดจริง ๆ ก็ทำเรื่องทำอะไรเสร็จก็กลับบ้านค่ะ พอกลับมาบ้านมานอนพักสักพักอยู่ดี ๆ ก็ปวดขึ้นมาใหม่อีกแล้ว ตัวงอตามเดิมค่ะ ทั้งที่ไม่ได้กินอะไรเลย ก็ทนไปค่ะ กินยาที่คลินิกให้ครบ พอกินยาไปก็หายนะคะ ดีขึ้น วันนั้นเราต้องกลับหอด้วยค่ะวันต่อไปมีเรียน แต่โชคดีที่อาส่งยามาให้ มีหลายตัวเลยค่ะยาแก้ปวดเกร็งเอย ยาโรคกระเพาะเอย คือมีครบ เราก็โล่งละมียามีอะไร หลังจากนั้นมันก็ไม่ปวดแล้วนะคะ เราได้ใช้ชีวิตสงบสุขไปอีกสักพัก แต่ระหว่างนั้นก็มีอาการปวดกำเริบมาบ้าง แบบอยู่ ๆ ก็ปวดทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไร เราก็กินยาที่อาส่งมาเอาก็หายค่ะ ชีวิตก็วนแบบนี้ บางทีปวด กินยา หาย
พอเข้าต้นเดือนพฤศจิกายนเราเริ่มมีอาการปวดอีกครั้งแต่มากกว่าเดิมค่ะ ปวดแบบระดับ 7-8 ต่อเนื่องนานกว่าเดิม ข้ามวันข้ามคืนกันเลย เดินลำบากมากทำอะไรแทบไม่ได้แต่วันนั้นมีเรียนเราเลยต้องแบกร่างไป มันปวดแบบนี้ต่อเนื่องประมาณ 3 วัน เราเลยบอกแม่ค่ะ เพราะรอบนี้ดูท่าจะไม่ไหวจริง พอตกกลางดึกเรานอนไม่ได้เลย วันถัดไปก็มีเรียน ไม่น่ารอด เลยโทรบอกแม่ช่วงตี 4 ว่าไม่ไหว พาไปหาหมอหน่อย แม่ก็มารับ ตอนแรกเราไปรพ.ธรรมศาสตร์ก่อนค่ะเพราะใกล้สุดแล้ว เข้าแผนกฉุกเฉิน เขาตรวจสัญญาณชีพแล้วปกติ ถามอาการเราแล้วเขาก็บอกว่าตอนนี้ห้องฉุกเฉินคนเยอะ แล้วเราอาการไม่หนักสำหรับเขาเราเลยต้องรอค่ะ แม่เราเลยตัดสินใจไม่รอแล้วมาโรงพยาบาลที่เราหาหมอประจำ เผื่อได้ตรวจได้อะไรก็จะได้มีสิทธิ์ที่นี่เลย เราก็แบกสังขารมา รอนานมากกว่าจะได้ตรวจค่ะ วันนั้นคือความปวดก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะรอหมอ กว่าจะได้ตรวจก็ปาไปเกือบ 9-10 ไปตั้งแต่ตี 5-6 โมง พอได้เจอหมอแล้วหมอเห็นสภาพที่เรานั่งรถเข็นแล้วก็ซักประวัติ กดท้องดู ดูว่าตาเหลืองตัวเหลืองไหม เรามีครบเลยค่ะ ปวดท้องกดแล้วเจ็บ ตาเริ่มเหลือง หมอเลยส่งเจาะเลือด ผลออกมาว่าค่าเม็ดเลือดขาวเราสูงกว่าปกติแสดงถึงการติดเชื้อค่ะ เขาเลยสันนิษฐานว่าอาจจะถุงน้ำดีอักเสบมันเลยติดเชื้อ ตอนนี้อาการเราเข้าข่ายนิ่วในถุงน้ำดีมาก ๆ แต่เดี๋ยวอีก 2 วันเขาจะส่งอัลตราซาวน์อีกที วันนั้นหมอก็เลยบอกให้เราแอดมิทเพื่อให้ยาฆ่าเชื้อ 7 วันค่ะ สภาพเราตอนนั้นคือเดินไม่ไหวแล้วค่ะ ก้มตัวตลอด ทรมานมากอยากได้ยาสุด ๆ พอได้ห้องแล้วกว่าเขาจะมาฉีดยาให้ก็เย็นมากแล้วค่ะ เราก็ทนปวดท้องฉ่ำไป ทรมานสุด ๆ แบบจะตายเลย นอนแทบไม่ได้เลยค่ะ ขนาดให้ยาแล้วยังไม่หาย แค่ทุเลาแต่ก็พอนอนได้ เราเลยใช้จังหวะที่ความปวดลดลงนอนหลับค่ะ วันนั้นเราไม่ได้นอนเลยค่อนข้างเหนื่อย ชีวิตวนลูปแบบนี้ไปวันต่อวันค่ะ
จนถึงวันที่ไปอัลตราซาวน์ ผลปรากฎว่าเรามีนิ่วจริง ๆ และโชคไม่ดีกว่านั้นคือ นอกจากมันจะอยู่ในถุงน้ำดีแล้วมันยังหลุดเข้าไปอุดตันในท่อน้ำดีด้วยค่ะ นี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เราปวดท้องจนใช้ชีวิตไม่ได้ขนาดนี้ หมอเลยสั่งให้เราทำ ERCP ค่ะ มันคือการส่องกล้องเพื่อรักษานิ่วที่อุดตันในท่อน้ำดีและโรคเกี่ยวกับตับค่ะ ระหว่างนั้นเราก็กังวลมาก ๆ ไม่รู้จะทำยังไง อะไรมันจะโชคร้ายขนาดนั้นน้อคนเรา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ ก็ต้องตามนั้นไป พอถึงวันที่เราต้องไปทำการดึงนิ่วในท่อออกบอกตรง ๆ ว่ากลัวมาก เราไม่เคยต้องมาทำหัตถการอะไรแบบนี้เลยค่ะ กังวลจริง ๆ ค่ะ จนตอนที่ไปนอนอยู่บนเตียงในห้องผ่าตัดเล็ก ๆ แล้วคือยิ่งกังวลหนักมาก เขาจะให้เรานอนบนเตียงเล็ก ๆ นะคะแล้วก็ตะแคงซ้าย ทำการฉีดยาชาพ่นเข้าที่ลำคอค่ะ (ซึ่งไม่ช่วยอะไรเลย) แล้วก็ใส่ที่ครอบปากกันเรากัดกล้อง หลังจากนั้นหมอจะสอดกล่องเข้าทางปากเรา จังหวะนี้แหละค่ะบอกเลยว่านรกมาก เราทำแบบมีสติครบ 100% ตอนกล้องเข้ามาในปากคือเราอ้วกแตก แต่ทำอะไรไม่ได้ พยาบาลก็บอกให้ปล่อยให้น้ำลายไหลเลย หายใจทางจมูก อึดอัดจนจะตายเลยค่ะแน่นท้องไปหมดเพราะเขาต้องอัดแก๊สเข้าท้องด้วย ตอนนั้นคือเราไม่มองอะไรแล้ว น้ำหูน้ำตาไหลหมด ภาวนาให้ทุกอย่างจบไว ๆ สุด ๆ ค่ะ ในระหว่างทำเขาก็จะมีการฉีดสีเข้าไปด้วยเผื่อที่จะสามารถมองเห็นนิ่วในท่อได้ชัดขึ้นว่าอยู่ตรงไหน จึงจะใช้บอลลูเล็ก ๆ ไปลากและดึงนิ่วออกมา พร้อมกับการ x-ray ไปพร้อม ๆ กันค่ะ ตอนนั้นทั้งจุกทั้งเจ็บจี๊ด บรรยายไม่ถูกเลยค่ะความทรมานนี้ รู้แค่ว่าทรมานจริง ๆ พอหมอเจอนิ่วแล้วเขาก็ทำการดึงออกมาเพื่อให้นิ่วออกจากท่อแล้วไหลลงลำไส้เล็ก นิ่วจะออกมาพร้อมอุจจาระค่ะ แต่จังหวะตอนดึงนิ่วออกคือจี๊ดมาก มือนี่จิกไปหมดทุกสิ่งที่จิกได้ หลังจากนั้นเขาก็เอากล้องออก แต่สติเรากระเจิงแล้วค่ะ มึนไปหมด จะอ้วก เจ็บคอมากเจ็บคอสุด ๆ หลังจากนั้นเขาก็พาเราลงจากเตียงมาที่รถนอน รอดูอาการสักพักแล้วพากลับห้องค่ะ พี่พยาบาลเขาก็บอกว่าถ้าอยากผายลมผายเลยนะ เรอด้วย เพราะในท้องมีแก๊สมากถ้าไม่ระบายออกจะอึดอัด เราก็เต็มที่ค่ะจังหวะนั้น แต่พอเอานิ่วออกแล้วเราหายปวดท้องทันทีเลยนะคะ มีแค่อึดอัดท้องนิดหน่อยจากการทำหัตถการ แต่ดีขึ้นมากเลยค่ะหายเลยแหละ เหลือแค่เจ็บคอ 55555555555555 อาการนี้จะหายใน 1-2 ค่ะ หลังจากนั้นหมอก็ให้เรานอนดูอาการต่ออีก 3 วัน พร้อมกับให้ยาฆ่าเชื้อต่อ รวมแล้วเราอยู่โรงพยาบาลไป 9 วันเต็ม ๆ ทรมานสุด ๆ เบื่อมากค่ะ
อ๋อแล้วก็พอทำหัตถการนี้เสร็จประมาณ 6-8 ชั่วโมงสามารถจิบน้ำได้ ถ้าไม่ปวดท้องวันถัดมาเขาจะให้ทานข้าวค่ะ นั่นคือข้าวมื้อแรกของเราหลังจากงดมาเป็นอาทิตย์ ในที่สุดก็ได้กินสักทีค่ะ ดีใจมาก ชีวิตก็ดำเนินต่อไปจนเราออกจากโรงพยาบาลค่ะ หมอก็จะนัดมา follow up อีก 2 อาทิตย์ มียากลับมากินด้วยค่ะต้องกินต่อเนื่องจนหมดค่ะ เราออกโรงพยาบาลมาได้ 1 อาทิตย์ก็ใช้ชีวิตปกติเลยค่ะ หมอบอกกินได้ปกติแค่เลี่ยงของทอด/มันหน่อย เราก็โอเคค่ะรับทราบ อะไรก็ได้ขอให้ออกจากโรงพยาบาลที พอออกมาได้อาทิตย์กว่าก็เกิดเรื่องจนทำให้เราได้กลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่แอดมิทนอนให้ยาแล้วค่ะ
หลังจากนี้คือหายนะแล้วนะคะ เดี๋ยวเรามาเล่าต่อนะคะ เล่าไม่พอตัวอักษรแล้วค่ะ 5555555555555