สวัสดีค่า💕
เมื่อวันที่ 25 พ.ย.66 ที่ผ่านมาเราได้ไปนั่งรถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการนั่งรถไฟครั้งแรกของเรา
เลยเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ขอมารีวิวไว้เป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยไป หรือเพื่อนๆที่เคยไปแล้วมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้เลยนะคะ
เราไปถึงสถานีหัวลำโพงตั้งแต่ตี 04.40 เร็วมากกก(ก็คนมันตื่นเต้นอ่ะนะไม่เคยนั่งรถไฟ555) แต่ก็เห็นมีคนมารอแล้วส่วนนึงนะมีคนมาเช้ากว่าเราอีก
ยังมีเวลาเหลือเยอะเลยขอข้ามมาฝั่งตรงข้ามซื้อของใน 7-11 ซะหน่อย และถือโอกาสเก็บภาพหน้าสถานีไปด้วยเลย
ไปดูรถไฟที่เราจะนั่งไปวันนี้กันค่ะ เราจองรถไฟนั่ง/นอนปรับอากาศชั้น2 โดยการรถไฟจะเปิดให้จองล่วงหน้าได้ 30 วัน เปิดให้จอง
ตั้งแต่เวลา 08.30 ถ้าเพื่อนๆต้องการจองตู้ปรับอากาศให้จองก่อน 30 วันไปเลย อย่าไปจองใกล้ๆไม่ทันแน่ค่ะ แล้วเข้าก่อนเวลา 08.30 ซักเล็กน้อย
แล้วกดรีเฟรชหน้าจอเอาค่ะ เพราะที่นั่งเต็มเร็วมากๆ
ถ้าเพื่อนๆจองได้ที่นั่งที่ต้องการแล้วให้กดชำระเงินเลยนะคะ ตอนแรกเราไม่รู้ เลือกที่นั่งได้แล้วแต่พอถึงหน้าชำระเงินเรากดออก
เพราะนึกว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาชำระเงินทีหลังได้ สรุปว่าที่นั่งหลุดจ้าา ใจแป้วไปนิดนึงเพราะเหลือแต่ที่นั่งแบบกระจายกันกับที่นั่งพัดลม
ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ได้นั่งติดกันก็ไม่เอาแล้วจะไปจองวันอื่นแทน แต่เรามันนักสู้อ่ะนะ555 ไม่ยอมแพ้ ลองกดออก
แล้วเข้าใหม่ปรากฎว่าโชคชะตาเข้าข้างมีที่นั่งหลุดมาพอดี คิดว่ามีคนที่ไม่รู้ออกก่อนขั้นตอนจ่ายเงินแบบเราเยอะเลย
ที่นั่งแบบนั่งนอนปรับอากาศชั้น2 นั่งหันหน้าเข้าหากันแบบนี้ ครอบครัวเรานั่งคุยกันฟินไปเลยจ้า
มีปลั๊กไฟเสียบชาร์จโทรศัพท์ได้
ห้องน้ำสะอาดมาก แต่ห้ามใช้ระหว่างรถไฟจอดนะ
รถไฟออกเดินทางตอน 06.04 นาทีจ้า (ในตั๋วเขียน 06.00 ) ก็ถือว่าไม่ผิดจากเวลามาก
ตารางการเดินรถตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ (ทางฝั่งขวามือ)
ออกเดินทางไปได้สักพักการรถไฟมีเกมส์ให้เล่นด้วย ได้ของที่ระลึกมาติดไม้ติดมือมาด้วย
ตั๋วแข็งรถไฟ ปัจจุบันไม่มีการออกตั๋วแบบนี้แล้ว โชคดีมากได้มาเป็นที่ระลึก
โปสการ์ด
มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้แล้วค่ะ รถไฟจะมาจอดกลางเขื่อนให้เราได้ถ่ายรูปกัน วันที่เราไปลมแรงมากๆ ใครใส่หมวกหรือแว่นตาระวังกันด้วยนะคะ
มีเจ้าหน้าที่ขี่เจ็ทสกีมาดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
สถานีต่อไปโคกสลุง รถไฟจะมาเปลี่ยนหัวลากขบวนที่สถานีนี้
มีชาวบ้านมาขายของกันเต็มเลย อาหารอร่อยราคาไม่แพงไปอุดหนุนกันได้
และแล้วเราก็มาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์กันแล้ว ต้องบอกก่อนว่ามีที่เที่ยว "
นอกเขื่อน" และ "
ในเขื่อน" ถ้าเพื่อนๆต้องการไปทั้ง 2 ที่
อาจต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีซักนิดนึงค่ะ
ดังนั้นพอรถไฟจอด เรารีบไปหาซื้อตั๋วรถตู้ไปเที่ยวนอกเขื่อนกันก่อนค่ะ ราคา 70บาท/คน
ซื้อตั๋วครั้งเดียว รถตู้จะไปส่งตามนี้
1. บ้านกล้วย&ไข่คาเฟ่
2. ไร่ทานตะวันคุณรำยอง
3. ไร่ทรัพย์ประยูร
และพากลับมาส่งที่เขื่อน
โดยจากเขื่อนมาบ้านกล้วย&ไข่คาเฟ่ ใช้เวลาเดินทางโดยรถตู้ประมาณ 3 นาที
มีน้องวัว น้องแพะ น้องไก่ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปน้องแพะมาค่ะ
ที่นี่มีทานตะวันหลายแปลงเลย มีทั้งที่ยังไม่บาน บานมาก บานน้อย
อย่างแปลงด้านล่างนี้เจ้าหน้าที่บอกว่ารอต้อนรับเพื่อนๆที่จะมาเที่ยวในช่วงปีใหม่
ที่ต่อไปที่เราจะไปคือไร่คุณรำยอง ใครไม่มาที่นี่คือพลาดมากเพราะมีทานตะวันถึง 75 ไร่เลย อ่านไม่ผิด 75 ไร่ กว้างสุดลูกหูลูกตาไปเลยค่ะ
มีค่าเข้าเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาทนะคะ
มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะมาก ทานตะวันเยอะขนาดนี้ถ่ายยังไงก็สวย
แต่ช่วงที่เราไปเกือบบ่าย 1 โมงแล้ว น้องทานตะวันเลยหน้างอหน่อย555
ต่อไปเราขึ้นรถตู้ไปต่อที่ไร่ทรัพย์ประยูรค่ะ
ที่นี่เราไม่ได้แวะเข้าไปชมด้านใน ถ่ายแต่ด้านนอกเพราะเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าแล้ว กลัวไปนั่งรถลากจูงชมเขื่อนไม่ทัน
ใช้เวลาน่าจะประมาณ 10-15 นาทีเรากลับมาที่เขื่อนป่าสัก ไปซื้อบัตรรถลากจูงชมเขื่อนกันค่ะ
***ในการนั่งรถลากจูงนี้ใช้เวลาไป-กลับ 1 ชั่วโมงเลย เพื่อนๆลองจัดการเวลาให้ดีให้ทันขึ้นรถไฟกลับด้วยนะคะ
บริเวณที่ขายบัตรอยู่ตรงข้ามศูนย์อาหาร มีป้ายเขียนชัดเจน
จุดขายบัตรค่ะ
มาทันรถลากจูงชมเขื่อนรอบ 13.35 พอดี ค่านั่งรถลากคนละ 30 บาท
วิวข้างทางระหว่างนั่งรถลากจูง
มาถึงปลายทางจะจอดให้ลงไปไหว้พระและซื้อของฝากได้ค่ะ
ตอนขากลับรถลากจูงจะไปจอดส่งผู้โดยสารใกล้ๆกับจุดที่ขึ้นรถ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ
เรายังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลยไปหาข้าวทานที่ศูนย์อาหารและประมาณ 15.00 ก็เตรียมไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับรถไฟที่เรานั่งมา
พอเวลา 15.30 รถไฟออกจากสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้เวลากลับบ้านกันแล้ววววว
ขอบคุณที่ติดตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ 😍😍😍
ขอบคุณค่ะ
รถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปู๊น ปู๊นน กะฉึกกะฉักกะฉึกกะฉัก
เมื่อวันที่ 25 พ.ย.66 ที่ผ่านมาเราได้ไปนั่งรถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่จัดโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการนั่งรถไฟครั้งแรกของเรา
เลยเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ขอมารีวิวไว้เป็นแนวทางสำหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยไป หรือเพื่อนๆที่เคยไปแล้วมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้เลยนะคะ
เราไปถึงสถานีหัวลำโพงตั้งแต่ตี 04.40 เร็วมากกก(ก็คนมันตื่นเต้นอ่ะนะไม่เคยนั่งรถไฟ555) แต่ก็เห็นมีคนมารอแล้วส่วนนึงนะมีคนมาเช้ากว่าเราอีก
ยังมีเวลาเหลือเยอะเลยขอข้ามมาฝั่งตรงข้ามซื้อของใน 7-11 ซะหน่อย และถือโอกาสเก็บภาพหน้าสถานีไปด้วยเลย
ไปดูรถไฟที่เราจะนั่งไปวันนี้กันค่ะ เราจองรถไฟนั่ง/นอนปรับอากาศชั้น2 โดยการรถไฟจะเปิดให้จองล่วงหน้าได้ 30 วัน เปิดให้จอง
ตั้งแต่เวลา 08.30 ถ้าเพื่อนๆต้องการจองตู้ปรับอากาศให้จองก่อน 30 วันไปเลย อย่าไปจองใกล้ๆไม่ทันแน่ค่ะ แล้วเข้าก่อนเวลา 08.30 ซักเล็กน้อย
แล้วกดรีเฟรชหน้าจอเอาค่ะ เพราะที่นั่งเต็มเร็วมากๆ
ถ้าเพื่อนๆจองได้ที่นั่งที่ต้องการแล้วให้กดชำระเงินเลยนะคะ ตอนแรกเราไม่รู้ เลือกที่นั่งได้แล้วแต่พอถึงหน้าชำระเงินเรากดออก
เพราะนึกว่าเดี๋ยวค่อยกลับมาชำระเงินทีหลังได้ สรุปว่าที่นั่งหลุดจ้าา ใจแป้วไปนิดนึงเพราะเหลือแต่ที่นั่งแบบกระจายกันกับที่นั่งพัดลม
ตอนนั้นคิดว่าถ้าไม่ได้นั่งติดกันก็ไม่เอาแล้วจะไปจองวันอื่นแทน แต่เรามันนักสู้อ่ะนะ555 ไม่ยอมแพ้ ลองกดออก
แล้วเข้าใหม่ปรากฎว่าโชคชะตาเข้าข้างมีที่นั่งหลุดมาพอดี คิดว่ามีคนที่ไม่รู้ออกก่อนขั้นตอนจ่ายเงินแบบเราเยอะเลย
ที่นั่งแบบนั่งนอนปรับอากาศชั้น2 นั่งหันหน้าเข้าหากันแบบนี้ ครอบครัวเรานั่งคุยกันฟินไปเลยจ้า
มีปลั๊กไฟเสียบชาร์จโทรศัพท์ได้
ห้องน้ำสะอาดมาก แต่ห้ามใช้ระหว่างรถไฟจอดนะ
รถไฟออกเดินทางตอน 06.04 นาทีจ้า (ในตั๋วเขียน 06.00 ) ก็ถือว่าไม่ผิดจากเวลามาก
ตารางการเดินรถตามภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ (ทางฝั่งขวามือ)
ออกเดินทางไปได้สักพักการรถไฟมีเกมส์ให้เล่นด้วย ได้ของที่ระลึกมาติดไม้ติดมือมาด้วย
ตั๋วแข็งรถไฟ ปัจจุบันไม่มีการออกตั๋วแบบนี้แล้ว โชคดีมากได้มาเป็นที่ระลึก
โปสการ์ด
มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้แล้วค่ะ รถไฟจะมาจอดกลางเขื่อนให้เราได้ถ่ายรูปกัน วันที่เราไปลมแรงมากๆ ใครใส่หมวกหรือแว่นตาระวังกันด้วยนะคะ
มีเจ้าหน้าที่ขี่เจ็ทสกีมาดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
สถานีต่อไปโคกสลุง รถไฟจะมาเปลี่ยนหัวลากขบวนที่สถานีนี้
มีชาวบ้านมาขายของกันเต็มเลย อาหารอร่อยราคาไม่แพงไปอุดหนุนกันได้
และแล้วเราก็มาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์กันแล้ว ต้องบอกก่อนว่ามีที่เที่ยว "นอกเขื่อน" และ "ในเขื่อน" ถ้าเพื่อนๆต้องการไปทั้ง 2 ที่
อาจต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีซักนิดนึงค่ะ
ดังนั้นพอรถไฟจอด เรารีบไปหาซื้อตั๋วรถตู้ไปเที่ยวนอกเขื่อนกันก่อนค่ะ ราคา 70บาท/คน
ซื้อตั๋วครั้งเดียว รถตู้จะไปส่งตามนี้
1. บ้านกล้วย&ไข่คาเฟ่
2. ไร่ทานตะวันคุณรำยอง
3. ไร่ทรัพย์ประยูร
และพากลับมาส่งที่เขื่อน
โดยจากเขื่อนมาบ้านกล้วย&ไข่คาเฟ่ ใช้เวลาเดินทางโดยรถตู้ประมาณ 3 นาที
มีน้องวัว น้องแพะ น้องไก่ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปน้องแพะมาค่ะ
ที่นี่มีทานตะวันหลายแปลงเลย มีทั้งที่ยังไม่บาน บานมาก บานน้อย
อย่างแปลงด้านล่างนี้เจ้าหน้าที่บอกว่ารอต้อนรับเพื่อนๆที่จะมาเที่ยวในช่วงปีใหม่
ที่ต่อไปที่เราจะไปคือไร่คุณรำยอง ใครไม่มาที่นี่คือพลาดมากเพราะมีทานตะวันถึง 75 ไร่เลย อ่านไม่ผิด 75 ไร่ กว้างสุดลูกหูลูกตาไปเลยค่ะ
มีค่าเข้าเด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาทนะคะ
มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะมาก ทานตะวันเยอะขนาดนี้ถ่ายยังไงก็สวย
แต่ช่วงที่เราไปเกือบบ่าย 1 โมงแล้ว น้องทานตะวันเลยหน้างอหน่อย555
ต่อไปเราขึ้นรถตู้ไปต่อที่ไร่ทรัพย์ประยูรค่ะ
ที่นี่เราไม่ได้แวะเข้าไปชมด้านใน ถ่ายแต่ด้านนอกเพราะเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าแล้ว กลัวไปนั่งรถลากจูงชมเขื่อนไม่ทัน
ใช้เวลาน่าจะประมาณ 10-15 นาทีเรากลับมาที่เขื่อนป่าสัก ไปซื้อบัตรรถลากจูงชมเขื่อนกันค่ะ
***ในการนั่งรถลากจูงนี้ใช้เวลาไป-กลับ 1 ชั่วโมงเลย เพื่อนๆลองจัดการเวลาให้ดีให้ทันขึ้นรถไฟกลับด้วยนะคะ
บริเวณที่ขายบัตรอยู่ตรงข้ามศูนย์อาหาร มีป้ายเขียนชัดเจน
จุดขายบัตรค่ะ
มาทันรถลากจูงชมเขื่อนรอบ 13.35 พอดี ค่านั่งรถลากคนละ 30 บาท
วิวข้างทางระหว่างนั่งรถลากจูง
มาถึงปลายทางจะจอดให้ลงไปไหว้พระและซื้อของฝากได้ค่ะ
ตอนขากลับรถลากจูงจะไปจอดส่งผู้โดยสารใกล้ๆกับจุดที่ขึ้นรถ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงพอดีเป๊ะ
เรายังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลยไปหาข้าวทานที่ศูนย์อาหารและประมาณ 15.00 ก็เตรียมไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับรถไฟที่เรานั่งมา
พอเวลา 15.30 รถไฟออกจากสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้เวลากลับบ้านกันแล้ววววว
ขอบคุณที่ติดตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ 😍😍😍
ขอบคุณค่ะ