การก่อตัวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก่อตัวมาก่อนหน้าปี 2551 ราวสามปี คือปี 2548 เราก่อตัวเพื่ออะไร ? ท่านชูชัยครับ
เราก่อตัวเพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและประพฤติมิชอบของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2549 จนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า คตส. เพื่อตรวจสอบการทุจริตต่างๆ ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ผมและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 21 คน ได้ไปฟังคำสั่ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำเลขที้ อ 4924/55 กรณีที่ได้ร่วมชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภา แล้วอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องผม นายสนธิ ลิ้มทองกุล และแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยผิดฐานร่วมกันใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2551
คดีนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2562 หรือประมาณสี่ปีที่แล้ว ศาลชั้นต้นท่านได้พิเคราะห์แล้วบอกว่าการชุมนุมของพวกเรานั้นเป็นสัญลักษณ์ มีการปราศรัยที่สมเหตุสมผลตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 63 การชุมนุมไม่ปรากฏมีความรุนแรง หรือมีผู้ฝ่าฝืนทำทรัพย์สินเสียหาย พันธมิตรฯ เป็นฝ่ายถูกกระทำ ตำรวจเองกลับเป็นคนที่ทำเกินกว่าเหตุ ศาลท่านเลยพิพากษายกฟ้อง
ต่อมาอัยการโจทก์ท่านยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษพวกผม ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ทั้งสามท่านในองค์คณะที่พิจารณาคดีนี้ ท่านเอาแต่ละข้อๆ ที่อัยการโจทก์นั้นกล่าวหาพวกผมมา แล้วลงลึก อธิบายหักข้อกล่าวล้างของอัยการ ท่านไม่ได้จู่ๆ หักข้อกล่าวหานะ ท่านฟังคำให้การ ท่านดูหลักฐาน แล้วท่านลงลึกไปเลยเป็นข้อๆ จนในที่สุดผู้พิพากษาทั้งสามท่านในองค์คณะ ประกอบด้วย ท่านบุษยา รอดยินดี ท่านประเสริฐศักดิ์ ณรงค์รักเดช และท่านกนกวรรณ ดลนิมิตสกุล มีความเห็นพ้องต้องกันทุกประการ และให้พิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น
แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีท่านประธานศาลอุทธรณ์ในเวลานั้น ชื่อท่านชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ ท่านได้ทำความเห็นแย้งต่อคำพิพากษาของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งสามท่าน โดยคำเห็นแย้งของท่านนั้นระบุไว้ท้ายคำพิพากษาตั้งแต่หน้า 60-91 รวมแล้ว 32 หน้า ท่านบอกว่า ความเห็นแย้ง ข้าพเจ้า นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ ประธานศาลอุทธรณ์ ได้ตรวจร่างคำพิพากษาและสำนวนคดีทั้งสามสำนวนนี้ ซึ่งรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันแล้ว ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาที่องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยมา จึงมีความเห็นแย้ง
อ่านต่อได้ที่
https://www.sondhitalk.com/detail/9660000102026
คำต่อคำ] SONDHI TALK : ความจริงเรื่องพันธมิตรฯ และทักษิณ กับคดี 7 ตุลา
เราก่อตัวเพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันและประพฤติมิชอบของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2549 จนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า คตส. เพื่อตรวจสอบการทุจริตต่างๆ ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
ผมและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 21 คน ได้ไปฟังคำสั่ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำเลขที้ อ 4924/55 กรณีที่ได้ร่วมชุมนุมกันที่หน้ารัฐสภา แล้วอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องผม นายสนธิ ลิ้มทองกุล และแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยผิดฐานร่วมกันใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อปี 2551
คดีนี้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2562 หรือประมาณสี่ปีที่แล้ว ศาลชั้นต้นท่านได้พิเคราะห์แล้วบอกว่าการชุมนุมของพวกเรานั้นเป็นสัญลักษณ์ มีการปราศรัยที่สมเหตุสมผลตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 63 การชุมนุมไม่ปรากฏมีความรุนแรง หรือมีผู้ฝ่าฝืนทำทรัพย์สินเสียหาย พันธมิตรฯ เป็นฝ่ายถูกกระทำ ตำรวจเองกลับเป็นคนที่ทำเกินกว่าเหตุ ศาลท่านเลยพิพากษายกฟ้อง
ต่อมาอัยการโจทก์ท่านยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษพวกผม ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ทั้งสามท่านในองค์คณะที่พิจารณาคดีนี้ ท่านเอาแต่ละข้อๆ ที่อัยการโจทก์นั้นกล่าวหาพวกผมมา แล้วลงลึก อธิบายหักข้อกล่าวล้างของอัยการ ท่านไม่ได้จู่ๆ หักข้อกล่าวหานะ ท่านฟังคำให้การ ท่านดูหลักฐาน แล้วท่านลงลึกไปเลยเป็นข้อๆ จนในที่สุดผู้พิพากษาทั้งสามท่านในองค์คณะ ประกอบด้วย ท่านบุษยา รอดยินดี ท่านประเสริฐศักดิ์ ณรงค์รักเดช และท่านกนกวรรณ ดลนิมิตสกุล มีความเห็นพ้องต้องกันทุกประการ และให้พิพากษายกฟ้องตามศาลชั้นต้น
แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมว่ามีท่านประธานศาลอุทธรณ์ในเวลานั้น ชื่อท่านชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ ท่านได้ทำความเห็นแย้งต่อคำพิพากษาของผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งสามท่าน โดยคำเห็นแย้งของท่านนั้นระบุไว้ท้ายคำพิพากษาตั้งแต่หน้า 60-91 รวมแล้ว 32 หน้า ท่านบอกว่า ความเห็นแย้ง ข้าพเจ้า นายชูชัย วิริยะสุนทรวงศ์ ประธานศาลอุทธรณ์ ได้ตรวจร่างคำพิพากษาและสำนวนคดีทั้งสามสำนวนนี้ ซึ่งรวมพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกันแล้ว ไม่เห็นพ้องกับคำพิพากษาที่องค์คณะผู้พิพากษาวินิจฉัยมา จึงมีความเห็นแย้ง
อ่านต่อได้ที่ https://www.sondhitalk.com/detail/9660000102026