JJNY : 5in1 ปล่อยตัวประกันแลกนักโทษ│ยูเครนสกัดโดรนรัสเซีย│พิธาลุยขอนแก่น│อดีตเลขาฯสมช.แนะรบ.ฟื้นศก.│1 ล้านแรงงานระส่ำ

ฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 14 คน แลกนักโทษ 42 คน วันนี้
https://tna.mcot.net/world-1278531
 
บรรยากาศฉลองนักโทษปาเลสไตน์ได้รับการปล่อยตัว 24 พ.ย.66
 
เยรูซาเล็ม 25 พ.ย. – อิสราเอลเผยว่า ฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 14 คน แลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ 42 คน ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของข้อตกลงพักรบเป็นเวลา 4 วัน
 
เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) อ้างเจ้าหน้าที่อิสราเอลที่ทราบรายชื่อตัวประกันที่อิสราเอลได้รับเมื่อวันศุกร์ว่า ฮามาสจะส่งมอบตัวประกัน 14 คนในวันนี้ สอดคล้องกับสำนักงานเรือนจำอิสราเอลแถลงในวันนี้ว่า จะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 42 คน มีทั้งชายและหญิง ตามเงื่อนไขของข้อตกลงพักรบระหว่งอิสราเอล-ฮามาสที่กำหนดไว้ว่า จะแลกตัวนักโทษ 3 คน ต่อตัวประกัน 1 คน ซีเอ็นเอ็นอ้างสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลว่า เชื่อว่าผู้ถูกจับเป็นตัวประกันในกาซาขณะนี้มีทั้งหมด 213 คน
 
ส่วนตัวประกันชาวอิสราเอลจำนวน 13 คนที่ได้รับการปล่อยตัวชุดแรกเมื่อวันศุกร์ ศูนย์การแพทย์ 2 แห่งที่รับตัวไว้เผยในวันนี้ว่า ทั้งหมดอาการดีและทรงตัว เป็นสตรีวัยผู้ใหญ่ 9 คน เด็กชาย 1 คน และเด็กหญิง 3 คน
 
ด้านประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์ยืนยันว่า มีชาวฟิลิปปินส์ 1 คนรวมอยู่ในกลุ่มตัวประกันที่ได้รับการปล่อยตัวชุดแรก เป็นชายที่ทำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยและคนชรา ขอขอบคุณกาตาร์อีกครั้งที่ช่วยเหลือจนชาวฟิลิปปินส์ได้รับการปล่อยตัว ส่วนชาวฟิลิปปินส์ที่ถูกจับเป็นตัวประกันอีกคน ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด.-สำนักข่าวไทย



ยูเครนสกัดโดรนรัสเซียโจมตีกรุงเคียฟครั้งใหญ่ที่สุด
https://tna.mcot.net/world-1278496

เคียฟ 25 พ.ย. – ยูเครนเผยว่า ยิงโดรนโจมตีของรัสเซียตก 71 ลำ ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เป็นการโจมตีเมืองหลวงของยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564
 
กองทัพอากาศของยูเครนแจ้งผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ทำลายชาเฮด 131/136 ซึ่งเป็นอากาศยานไร้คนขับแบบโจมตีทั้งหมด 71 ลำ ส่วนใหญ่ถูกทำลายในแคว้นเคียฟ ด้านนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟเผยว่า ได้เปิดเสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศนาน 6 ชั่วโมง ซากโดรนที่ถูกทำลายทำให้อาคารในเมืองหลวงเกิดเพลิงไหม้และเสียหาย มีผู้บาดเจ็บ 5 คน โดยมีเด็กวัย 11 ปีรวมอยู่ด้วย ศัตรูยังคงสร้างความหวาดกลัวให้แก่ยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า การที่รัสเซียส่งโดรนมากกว่า 70 ลำมาโจมตียูเครนในคืนก่อนวันรำลึกโฮโลโดโมร์ (Holodomor Remembrance Day) สะท้อนว่าผู้นำรัสเซียภูมิใจที่ได้ฆ่าคน วันดังกล่าวตรงกับทุกวันเสาร์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันรำลึกถึงการที่สหภาพโซเวียตยุคสตาลินใช้ความอดอยากฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครนหลายล้านคนในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930.-สำนักข่าวไทย
 

 
พิธา ลุยขอนแก่น เสวนาเศรษฐกิจอีสานด้วยจักรวาลหมอลำ ยกต้องเต เป็นตัวอย่าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4300546

“พิธา” ควง 4 ส.ส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล เสวนาพัฒนาเศรษฐกิจอีสานด้วยจักรวาลหมอลำ ชู “ต้องเต” เป็นตัวอย่างคนอีสานรุ่นใหม่
 
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 ที่โรงเรียนบ้านสาวะถี ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายวีรนันท์ ฮวดศรี ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล นายอิทธิพล ชลธราศิริ ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 พรรคก้าวไกล ร่วมพบผู้ประกอบการหมอลำอีสาน และร่วมเสวนา หัวข้อ “การพัฒนาเศรษฐกิจอีสานด้วยจักรวาลหมอลำ โดยมีศิลปินหมอลำและเครื่อข่ายศิลปะวัฒนธรรมภาคอีสานเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในวงเสวนา ท่ามกลางบรรดาชาวบ้าน ทั้งเด็ก วัยรุ่น และผู้สูงวัยที่เป็นแฟนคลับของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ต่างพากันสวมเสื้อสีส้มสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมรับฟังการเสวนาและให้กำลังใจจำนวนมาก โดยวงเสวนาแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมได้ใช้เวลาแลกเปลี่ยนกันความคิดเห็นกันประมาณ 2 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้นลง

จากนั้น นายพิธา พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันเดินทางไปที่วัดไชยศรี บ้านสาวะถี ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มี “สิม” หรือ  พระอุโบสถ อายุร้อยกว่าปี ลักษณะเป็นสิมแบบพื้นบ้านอีสานที่มีจิตรกรรมฝาผนัง หรือ ฮูปแต้ม บอกเล่าเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี โดยได้ร่วมแห่ต้นกฐินสามัคคีร่วมกับชาวบ้านรอบสิมอีสาน จำนวน 3 รอบ ก่อนที่ผู้นำชุมชนจะพานายพิธา และคณะเข้ากราบสักการะพระพุทธรูปภายในสิมอีสานเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกับเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของสิมอีสานแห่งนี้ให้นายพิธา และคณะได้รับทราบ
 
นายพิธา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงภาพรวมในการลงพื้นที่มาที่จังหวัดขอนแก่นในครั้งนี้ว่า การลงมาพบปะพี่น้องชาวขอนแก่นในครั้งนี้ สิ่งที่จะนำไปพัฒนาต่อยอดในนามของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ล้วนๆ เช่น หมอลำ ซึ่งจะนำไปต่อยอดความคิดว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้หมอลำอยู่ในศตวรรษที่ 21 ได้ โดยยังคงความเป็นอีสานไว้ โดยในวงเสวนาก็ได้ยกตัวอย่างตนเองที่รู้จักหมอลำในนามของคนกรุง ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้รู้จักหมอลำ  เหมือนที่คนอีสานรู้จักและเข้าใจ ซึ่งตนเองได้รู้จักหมอลำที่เป็นของชาวอีสานที่ไปโด่งดังในต่างประเทศ ที่งานบางกอก พาราไดซ์ และจากร้านสตูดิโอแลม และสุดแรงม้า เรคคอร์ด ซึ่งตั้งอยู่ที่สุขุมวิทย์ 51 ใกล้บ้านของตนเอง จึงมองเห็นโอกาสที่จะพัฒนา เพราะที่ผ่านมามีภาคเอกชนที่จะนำเอาหมอลำ ไปแสดงที่ต่างประเทศ เช่น ที่ประเทศโปรแลนด์ มีคนมาชมกว่า 3 แสนคน ดังนั้นเราจึงต้องผลักดันเรื่องเหล่านี้ ทั้งหมอลำ อาหาร และวัฒนธรรมต่างๆ ที่เป็นของคนอีสาน
 
นายพิธา กล่าวอีกว่า อยากให้คนรุ่นใหม่ที่อยู่ในภาคอีสาน ได้ช่วยกันรักษาและพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นวัฒนธรรมและประเพณีของชาวอีสาน เพราะจากข้อเท็จจริงที่ได้ศึกษามาจากสื่อสาธารณะช่องหนึ่ง ระบุว่า แรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีมากกว่าครึ่งหนึ่ง  หรือ ประมาณ 52 เปอร์เซ็นต์ แต่คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เช่น สื่อมวลชน อุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือศิลปะ เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในช่วงอายุน้อยๆ ซึ่งมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ จึงคิดการที่เราจะส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้ไปข้างหน้าได้ ก็ต้องคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับแรงงานคน รวมทั้งเรื่องสิทธิ สวัสดิการของคนที่จะเข้ามาอยู่ในวงการนี้ด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่การมาสนับสนุนในวันที่เขาประสงความสำเร็จแล้ว วันนี้มองว่าตนเองจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะพรรคก้าวไกลทำงานทางการเมืองก็เพื่อให้งบประมาณของบ้านเมืองไปที่ศักยภาพของความเป็นอีสานในการยกระดับ ที่ไม่ใช่เรื่องการใช้แรงงานเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการใช้สมอง สองมือ และหัวใจด้วย และคำว่าจะพัฒนาอย่างไม่ประนีประนอม ก็หมายความว่า ยกตัวอย่างอย่างภาพยนตร์ของ “ต้องเต” ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง “สัปเหร่อ” เป็นสิ่งที่แสดงออกได้ชัดแล้วว่า สามารถนำเสนอความเป็นอีสานอย่างที่คนอีสานอยากดู ไม่จำเป็นที่จะต้องทำเพื่อให้คนกรุงหรือชนชั้นกลางอยากดู แต่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพี่น้องชาวอีสาน ซึ่งรากวัฒนธรรมล้วนมาจากสามัญชน



อดีตเลขาฯสมช. แนะรัฐบาลฟื้นศก. ด้วยพลังประชาชน แก้ลำ ขั้วอำนาจเก่าครอบงำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4300239

อดีตเลขาฯสมช. แนะรัฐบาลฟื้น ศก. ด้วยพลังประชาชน แก้ลำ ขั้วอำนาจเก่าครอบงำ
 
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า สำหรับเหล่านักรบทหารจะมีข้อเตือนใจที่ตระหนักอยู่เสมอ คือเมื่อใดที่ผู้นำมีพฤติกรรมตระบัดสัตย์ มิตรร่วมรบก็จะหนีหาย เหตุเพราะเกรงว่า เมื่อเข้าสู่สนามรบ พอเผชิญหน้าวิกฤตในการรบเข้า เจ้านายประเภทนี้ก็จะเผ่นหนี เอาตัวรอดลอยแพลูกน้อง
 
ด้วยข้อเตือนใจนี้ เมื่อหันมามองที่รัฐบาล นโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น หาเสียงว่าจะไม่กู้เงินมาแจก แต่กลับมากู้ ประชาชนจึงหนีหาย อีกทั้งรัฐบาลยังมาโหมข่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศสนใจจะมาลุงทุนเต็มไปหมด แต่มันดูย้อนแย้งกับสภาวะของประเทศที่ยังคงประกาศใช้กฎหมายพิเศษจำกัดสิทธิเสรีภาพ ไม่ว่าจะเป็นกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในหลายพื้นที่อย่างมิรู้จบ รวมไปถึงประเทศยังมีมุมมืดของแก๊งโจรสีเทา เจ้าหน้าที่รัฐสีเทาและนักการเมืองสีเทา บรรยากาศแบบนี้มันจะเอื้อต่อการลงทุนได้อย่างไร
 
ดังนั้น การขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคงเพื่อสร้างความปลอดภัยสาธารณะ และความปลอดภัยของประเทศ รัฐบาลจะต้องมีความจริงจังควบคู่ไปกับการฟื้นเศรษฐกิจ มิฉะนั้นแล้วการฟื้นเศรษฐกิจก็จะเป็นเพียงแค่ลมปาก ส่งผลไปเข้าทางของกลุ่มอำนาจเก่า อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ลากพรรคแกนนำรัฐบาลให้ไปติดกับดักตระบัดสัตย์รัฐบาลข้ามขั้ว เพื่อการครอบงำไว้ แล้วรอจังหวะเมื่อรัฐบาลเสียท่า ก็จะตลบหลังหวนกลับมามีอำนาจใหม่อีกครั้ง
 
“ซึ่งการแก้ลำให้หลุดจากการครอบงำของกลุ่มอำนาจเก่าและกับดักตระบัดสัตย์ได้อย่างชะงัดก็คือต้องทบทวนการจัดตั้งรัฐบาล โดยเคารพตามเจตจำนงของประชาชนตามผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา เพราะเราจะได้ประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กหนุนหลัง สามารถสร้างพลังขับเคลื่อนการฟื้นเศรษฐกิจ และลดภาระหนี้ร่วม 10 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นมรดกบาป 9 ปีที่รัฐบาล 3 ป.ทิ้งไว้ และสร้างฝ่ายความมั่นคงที่แข็งแกร่งได้อย่างสัมฤทธิผล” พล.ท.ภราดรกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่