เช้าอาทิตย์เดือนพฤศจิกายน….เป็นเช้าที่ว่างเว้นจากการทำคดีความใดๆ
สิ่งที่ทำเป้นประจำคือหาร้านกาแฟCoolๆ ดูหนังดูซีรี่ย์จีน ท่ามกลางอากาศที่ลมหนาวโชยมา
บ้านและร้านกาแฟที่ผมนั่งจะอยู่ในโซนบางใหญ่ บางใหญ่สมัยนี้ก็ยังคงความเป็นสวนนาอยู่บ้าง
แม้ความเจริญก็เริ่มหลั่งไหลมามากขึ้น อยู่ๆๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เจ้า..หนึ่ง(สุราช)ทนายสหายรักโทรมา
“เอ้าว่าไงท่านทนายใหญ่..มีไร”ผมทักปลายสาย
“สหายอยู่ไหนนี่…..”ทนายหนึ่งถาม
“ร้านกาแฟ…….แถวบางใหญ่……จะมาหาเหรอวะ”ผมถาม
“เออ…..มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ทนายหนึ่งตอบ
“ได้กูรอ…..”ผมตอบ
สักประมาณ11.00นาฬิกา ทนายหนึ่งก็ขับรถมาถึง สั่งกาแฟแล้วเราก็คุยกัน
“เฮ้ยอ้วนว่าผีมีจริงในโลกไหมวะ”ทนายหนึ่งถามผม
“ส่วนตัวกูยังไม่เคยเจอแต่เรื่องวิญญาณมันก็น่าจะมีศาสนาพุทธก็เชื่อเรื่องจิตมโนวิญญาณก็น่าจะมี”ผมตอบแบบกลางๆ
“แต่ตอนนี้กูเชื่อ….”ทนายหนึ่งตอบ
“เจออะไรวะ” ผมถาม……
“มาฟังเรื่องกูเลย”ทนายหนึ่งเล่าดังนี้….
เรื่องเล่าที่ทนายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
เขากลับ น้องนัทแฟนสาวตกลงจะไปท่องเ้ที่ยวไหว้พระในจังหวัดน่าน
ทั้งสองคนชอบนิสัยแบบแบ๊กแพ๊กก็เลยไม่ได้จองโรงแรม
ออกเดินทางแต่เช้าจากกรุงเทพมหานคร ไปสู่จังหวัดน่าน
เมื่อไปถึงจังหวัดน่านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ทั้งสองก็ต้องหาที่พัก…….
แต่ก็หาที่พักไม่ได้ง่ายๆเพราะช่วงที่ไปเป็นต้นฤดูหนาว เป็นไฮซีซั่น
ทั้งสองคนก็ยิ่งหาที่พักยากไปอีก ทนายหนึ่งตัดสินใจว่าจะไปหาห้องพักเล็กๆที่อำเภอปัว
ที่พอจะมีที่พักได้ ขับรถมาระหว่างทาง อยู่ๆๆรถก็เกิดยางแตกขึ้นมาอีก ชายหนุ่มจึงต้องลงมาเปลี่ยน
แต่อนิจจา แม่แรง…ไม่มี ทนายหนึ่งก็บ่น….ว่า
“จะทำอย่างไรดีวะเนี่ย."
ทนายหนึ่งก็เปิดไฟผ่าหมากไว้เผื่อมีคนมาช่วย แต่กว่า๒๐นาทีก็ยังไม่มีรถผ่านมาเลย
ทนายหนึ่งได้แต่สูบบุหรี่รออย่างทำอะไรไม่ได้
อยู่ๆๆก็มีรถผ่านมา ทนายหนึ่งก็ใช้ไฟฉายกระพริบขอความช่วยเหลือ
สักครู่รถคันนั้นก็มาจอด …..
“พี่ๆรถผมเสียครับ…ช่วยผมหน่อย”ทนายหนึ่งขอความช่วยเหลือ
“รถเป็นอะไรครับ”ชายคนนึงส่งเสียงในรถถาม
“อ้อยางแตกครับผม….ผมอยากจะขอแค่แม่แรงมาเปลี่ยนยางครับ”ทนายหนึ่งกล่าว …….
ชายคนนั้นเลยลงมาดูรถ ….
"โห….สภาพแบบนี้ผมว่าพี่เอารถไปซ่อมที่ด่านตรวจดีกว่าไหมครับ" ชายคนนั้นแนะนำ
“เอ่อ……”ทนายหนึ่งอึ้งๆอยู่
“อ่อพี่ไม่เป็นไรเลยเดี๋ยวเอารถพี่ขึ้นรถยกผมแล้วเดี่ยวไปเปลี่ยนที่ด่านตรวจครับ
พอดีพวกผมจะไปเข้าเวรที่ด่านตรวจ
ทนายหนึ่งเห็นว่าเป็นตำรวจ จึงยอมให้เอารถขึ้นรถยกขับไปประมาณสามกิโลเมตร
ก็ถึงด่านตรวจ ก็มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเปลี่ยนล้อยางเอาแม่แรงมาช่วยกันยก
ตำรวจนายที่ได้ช่วยเหลือถามตอนที่มาขอความช่วยเหลือ ก็ถามว่า
“พี่ชายจะไปไหนครับนี่…..”
“ผมตั้งใจจะไปหาที่พักที่อำเภอปัวครับ แต่แหม…ยางมันดันแตกซะก่อน”ทนายหนึ่งบ่น
“พี่ทางมันอันตรายนะนี่ก็เกือบตีสามแล้วครับ ไงพี่กับแฟนพี่พักที่จุดจอดพักแวะนอนก่อนดีไหม
ผมว่าเช้าๆก็ค่อยเดินทางและพี่ไปที่บ่อเกลือจะมีโอมสเตย์ครับ
อีกอย่างเจ้าหน้าที่เรามีตรวจตลอดคืนปลอดภัยมากๆครับ”นายตำรวจท่านนั้นบอก
ทนายหนึ่งก็เลยตกลงข้างๆจุดตรวจมีศาลาพัก
ตำรวจเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้พร้อมมีที่ผิงไฟแก้หนาว
ทั้งสองคนก็เลยเข้าไปที่ศาลาพักต่างหาเสาพิงคลุมผ้าห่มแล้วหลับไป…..
จนกรทั่งเช้า…..ก็มีเสียงปลุกทั้งสอง
“ตื่นๆๆ มานอนกันได้อย่างไรล่ะนี่”ชาวนาถาม
“อ้อ…….พี่เมื่อวานรถผมเสียตำรวจมาตั้งด่านมาช่วยซ่อมเสร็จแล้วก็ให้มาพักที่นี่แหล่ะ”ทนายหนึ่งตอบ
“เอ้าๆๆๆไม่มีหรอกนะสายตรวจอะไรที่นี่น่ะ ”ชาวนาพูด
“มีสิพี่ทิดนี่ยังเอาแม่แรงมาเปลี่ยนยางให้ผมเลย ”ทนายหนึ่งชี้ให้ดู
ชาวนาจึงบอกให้ตามมาดู ทนายหนึ่งกับน้องนัทตามไปก็เห็นป้อมร้างๆๆ
“นี่แหล่ะโดนกันมาหลายคนแล้ว ….
ที่ตรงนี้เคยมีด่านตรวจอ่ะจริงแต่เมื่อสองปีที่แล้วทั้งด่านสกัดจับพวกค้ายาเสพติด
ต่อสู้กันจนตายยกด่าน น่านแหล่ะ”ชาวนาเล่า
พร้อมชี้ให้ดูน้ำแดง กระถางธูปที่คนที่เคยเห็นความดีของตำรวจที่ด่านตรวจนี้นำมาไหว้ด้วยรำลึกถึงความดี
“นี่แหล่ะ…..เมื่อก่อนกูไม่เชื่อนะสหาย แต่ที่…โดนมากับตัวนี่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่ะสหาย” ทนายหนึ่งกล่าว
“เอ้อยังโชคดีที่เขามาช่วย ไม่ได้มาหลอกหรือเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน
กลับมาเป็นวิญญาณผู้คุ้มครองแทน …..ก็ทำบึญไปให้เขาบ้าง ตอบแทนความดีที่เขาช่วย”ผมบอก
“โอ้ยหลังจากเจอวันนั้นกูทำบุญอุทิศให้พวกพี่ๆเขาตลอดทางอ่ะ ….
แต่นี้กูเข็ดแล้วแบ๊กแพ๊คขอจองโรงแรมดีดีไว้นอนดีกว่ากลัวเจอที่ร้ายกว่าพี่ๆๆผู้พิทักษ์สันติราษฏร์” ทนายเพื่อนรักบอกกับผม
ผมจึงขออนุญาตมันบันทึกเรื่องนี้ไว้
เพื่อเป็นเกียรติแด่พี่ๆผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ที่ดูแลทุกข์ของปวงประชา
แม้จะไม่มีร่างกายแล้ว ตามคติพจน์ที่ว่า “สุขเถิดปวงประชา ตำรวจกล้าจะคุ้มภัย”
……ด้วยความเคารพ…..ทนายอ้วนเล่าให้ฟัง
ป้อมร้างที่จังหวัดน่าน
สิ่งที่ทำเป้นประจำคือหาร้านกาแฟCoolๆ ดูหนังดูซีรี่ย์จีน ท่ามกลางอากาศที่ลมหนาวโชยมา
บ้านและร้านกาแฟที่ผมนั่งจะอยู่ในโซนบางใหญ่ บางใหญ่สมัยนี้ก็ยังคงความเป็นสวนนาอยู่บ้าง
แม้ความเจริญก็เริ่มหลั่งไหลมามากขึ้น อยู่ๆๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เจ้า..หนึ่ง(สุราช)ทนายสหายรักโทรมา
“เอ้าว่าไงท่านทนายใหญ่..มีไร”ผมทักปลายสาย
“สหายอยู่ไหนนี่…..”ทนายหนึ่งถาม
“ร้านกาแฟ…….แถวบางใหญ่……จะมาหาเหรอวะ”ผมถาม
“เออ…..มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง” ทนายหนึ่งตอบ
“ได้กูรอ…..”ผมตอบ
สักประมาณ11.00นาฬิกา ทนายหนึ่งก็ขับรถมาถึง สั่งกาแฟแล้วเราก็คุยกัน
“เฮ้ยอ้วนว่าผีมีจริงในโลกไหมวะ”ทนายหนึ่งถามผม
“ส่วนตัวกูยังไม่เคยเจอแต่เรื่องวิญญาณมันก็น่าจะมีศาสนาพุทธก็เชื่อเรื่องจิตมโนวิญญาณก็น่าจะมี”ผมตอบแบบกลางๆ
“แต่ตอนนี้กูเชื่อ….”ทนายหนึ่งตอบ
“เจออะไรวะ” ผมถาม……
“มาฟังเรื่องกูเลย”ทนายหนึ่งเล่าดังนี้….
เรื่องเล่าที่ทนายหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
เขากลับ น้องนัทแฟนสาวตกลงจะไปท่องเ้ที่ยวไหว้พระในจังหวัดน่าน
ทั้งสองคนชอบนิสัยแบบแบ๊กแพ๊กก็เลยไม่ได้จองโรงแรม
ออกเดินทางแต่เช้าจากกรุงเทพมหานคร ไปสู่จังหวัดน่าน
เมื่อไปถึงจังหวัดน่านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ทั้งสองก็ต้องหาที่พัก…….
แต่ก็หาที่พักไม่ได้ง่ายๆเพราะช่วงที่ไปเป็นต้นฤดูหนาว เป็นไฮซีซั่น
ทั้งสองคนก็ยิ่งหาที่พักยากไปอีก ทนายหนึ่งตัดสินใจว่าจะไปหาห้องพักเล็กๆที่อำเภอปัว
ที่พอจะมีที่พักได้ ขับรถมาระหว่างทาง อยู่ๆๆรถก็เกิดยางแตกขึ้นมาอีก ชายหนุ่มจึงต้องลงมาเปลี่ยน
แต่อนิจจา แม่แรง…ไม่มี ทนายหนึ่งก็บ่น….ว่า
“จะทำอย่างไรดีวะเนี่ย."
ทนายหนึ่งก็เปิดไฟผ่าหมากไว้เผื่อมีคนมาช่วย แต่กว่า๒๐นาทีก็ยังไม่มีรถผ่านมาเลย
ทนายหนึ่งได้แต่สูบบุหรี่รออย่างทำอะไรไม่ได้
อยู่ๆๆก็มีรถผ่านมา ทนายหนึ่งก็ใช้ไฟฉายกระพริบขอความช่วยเหลือ
สักครู่รถคันนั้นก็มาจอด …..
“พี่ๆรถผมเสียครับ…ช่วยผมหน่อย”ทนายหนึ่งขอความช่วยเหลือ
“รถเป็นอะไรครับ”ชายคนนึงส่งเสียงในรถถาม
“อ้อยางแตกครับผม….ผมอยากจะขอแค่แม่แรงมาเปลี่ยนยางครับ”ทนายหนึ่งกล่าว …….
ชายคนนั้นเลยลงมาดูรถ ….
"โห….สภาพแบบนี้ผมว่าพี่เอารถไปซ่อมที่ด่านตรวจดีกว่าไหมครับ" ชายคนนั้นแนะนำ
“เอ่อ……”ทนายหนึ่งอึ้งๆอยู่
“อ่อพี่ไม่เป็นไรเลยเดี๋ยวเอารถพี่ขึ้นรถยกผมแล้วเดี่ยวไปเปลี่ยนที่ด่านตรวจครับ
พอดีพวกผมจะไปเข้าเวรที่ด่านตรวจ
ทนายหนึ่งเห็นว่าเป็นตำรวจ จึงยอมให้เอารถขึ้นรถยกขับไปประมาณสามกิโลเมตร
ก็ถึงด่านตรวจ ก็มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยเปลี่ยนล้อยางเอาแม่แรงมาช่วยกันยก
ตำรวจนายที่ได้ช่วยเหลือถามตอนที่มาขอความช่วยเหลือ ก็ถามว่า
“พี่ชายจะไปไหนครับนี่…..”
“ผมตั้งใจจะไปหาที่พักที่อำเภอปัวครับ แต่แหม…ยางมันดันแตกซะก่อน”ทนายหนึ่งบ่น
“พี่ทางมันอันตรายนะนี่ก็เกือบตีสามแล้วครับ ไงพี่กับแฟนพี่พักที่จุดจอดพักแวะนอนก่อนดีไหม
ผมว่าเช้าๆก็ค่อยเดินทางและพี่ไปที่บ่อเกลือจะมีโอมสเตย์ครับ
อีกอย่างเจ้าหน้าที่เรามีตรวจตลอดคืนปลอดภัยมากๆครับ”นายตำรวจท่านนั้นบอก
ทนายหนึ่งก็เลยตกลงข้างๆจุดตรวจมีศาลาพัก
ตำรวจเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้พร้อมมีที่ผิงไฟแก้หนาว
ทั้งสองคนก็เลยเข้าไปที่ศาลาพักต่างหาเสาพิงคลุมผ้าห่มแล้วหลับไป…..
จนกรทั่งเช้า…..ก็มีเสียงปลุกทั้งสอง
“ตื่นๆๆ มานอนกันได้อย่างไรล่ะนี่”ชาวนาถาม
“อ้อ…….พี่เมื่อวานรถผมเสียตำรวจมาตั้งด่านมาช่วยซ่อมเสร็จแล้วก็ให้มาพักที่นี่แหล่ะ”ทนายหนึ่งตอบ
“เอ้าๆๆๆไม่มีหรอกนะสายตรวจอะไรที่นี่น่ะ ”ชาวนาพูด
“มีสิพี่ทิดนี่ยังเอาแม่แรงมาเปลี่ยนยางให้ผมเลย ”ทนายหนึ่งชี้ให้ดู
ชาวนาจึงบอกให้ตามมาดู ทนายหนึ่งกับน้องนัทตามไปก็เห็นป้อมร้างๆๆ
“นี่แหล่ะโดนกันมาหลายคนแล้ว ….
ที่ตรงนี้เคยมีด่านตรวจอ่ะจริงแต่เมื่อสองปีที่แล้วทั้งด่านสกัดจับพวกค้ายาเสพติด
ต่อสู้กันจนตายยกด่าน น่านแหล่ะ”ชาวนาเล่า
พร้อมชี้ให้ดูน้ำแดง กระถางธูปที่คนที่เคยเห็นความดีของตำรวจที่ด่านตรวจนี้นำมาไหว้ด้วยรำลึกถึงความดี
“นี่แหล่ะ…..เมื่อก่อนกูไม่เชื่อนะสหาย แต่ที่…โดนมากับตัวนี่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่ะสหาย” ทนายหนึ่งกล่าว
“เอ้อยังโชคดีที่เขามาช่วย ไม่ได้มาหลอกหรือเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน
กลับมาเป็นวิญญาณผู้คุ้มครองแทน …..ก็ทำบึญไปให้เขาบ้าง ตอบแทนความดีที่เขาช่วย”ผมบอก
“โอ้ยหลังจากเจอวันนั้นกูทำบุญอุทิศให้พวกพี่ๆเขาตลอดทางอ่ะ ….
แต่นี้กูเข็ดแล้วแบ๊กแพ๊คขอจองโรงแรมดีดีไว้นอนดีกว่ากลัวเจอที่ร้ายกว่าพี่ๆๆผู้พิทักษ์สันติราษฏร์” ทนายเพื่อนรักบอกกับผม
ผมจึงขออนุญาตมันบันทึกเรื่องนี้ไว้
เพื่อเป็นเกียรติแด่พี่ๆผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ที่ดูแลทุกข์ของปวงประชา
แม้จะไม่มีร่างกายแล้ว ตามคติพจน์ที่ว่า “สุขเถิดปวงประชา ตำรวจกล้าจะคุ้มภัย”
……ด้วยความเคารพ…..ทนายอ้วนเล่าให้ฟัง