เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ 2 ที่อยากแชร์ค่ะ เหตุการณ์มันชัดเจนมากเหลือเกิน
( ใช้วิจารณญาณกันตามสะดวกนะคะ เชื่อหรือไม่เชื่อ เอาตามที่สบายใจเลย ตั้งใจให้อ่านเพื่อความบันเทิงค่ะ)
ย้อนไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว พ.ศ.2545 เรามีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดน่าน กับเพื่อนอีก 3 คน
สมัยนั้น จ.น่าน เป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวมากนัก เงียบสงบ เป็นธรรมชาติมากๆ
มีวัดสวยๆเก่าๆมากมายถูกสร้างขึ้นที่นั่น
( ไม่ทราบว่าสมัยนี้จะครึกครื้นขึ้นบ้างอย่างไรนะคะ เพราะไม่เคยได้กลับไปอีกเลย )
เราเดินทางมาถึงจังหวัดน่านด้วยการเหมารถตู้ค่ะ มาถึงที่อู่จอดรถ ก็นั่งรถต่อเพื่อไปเที่ยวในจุดต่างๆ ของจังหวัด
รู้สึกชอบมากๆ เมืองดูเป็นเมืองบริสุทธิ์ อากาศนี่ดีสุดๆ และนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น มีบรรยากาศตลาดเก่าให้เดินซื้อของกิน
ระหว่างการใช้เวลาอยู่ในทริป ทุกๆที่ที่ไปประทับใจหมดค่ะ ไปที่ไหนก็ดี สบายใจ สบายกายทุกอย่าง
จนมาถึงวันก่อนกลับกรุงเทพ เราตัดสินใจมานอนในเมืองแถวตลาดเพื่อความสะดวกในการขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพตอนเช้ามืด
ตอนนั้นมีโรงแรมเพียงแค่ 2 โรงแรมเท่านั้น ที่อยู่ในบริเวณที่เราต้องขึ้นรถ ก็เลยลองเช็คราคาดูค่ะ
โรงแรมแรกดูใหม่ สว่าง เหมือนเพิ่งทำมาใหม่ น่าพัก ผิดกับอีกโรงแรมที่ดูเก่ามากๆ (แต่คลาสสิคนะ) สร้างด้วยไม้เกือบทั้งหลัง
(แต่ความรู้สึกส่วนตัว แค่เห็นจากด้านนอกก็กลัวแล้วค่ะ)
ราคาที่พักทั้งสองนี้ ต่างกันหลายบาทค่ะ
สมัยนั้นเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีสตางค์มากนัก จึงต้องเลือกโรงแรมที่เราคิดว่าคุ้มที่สุด.....แล้วเราก็ตกลงพักที่โรงแรมเก่าค่ะ
( จริงๆรู้สึกไม่โอเคตั้งแต่เดินเข้ามาเช็คอินแล้วค่ะ แขนซ้ายนี่ขนลุกตลอด แต่ซาวน์เสียงกันแล้ว ต้องคำนึงถึงคนหมู่มากไว้ก่อน
พยายามคิดว่าเราคงคิดมากไปเอง เพราะเห็นโรงแรมมันเก่า ไม่มีการรีโนเวท )
หลังจากเช็คอินก็เดินขึ้นไปที่ห้องพักเพื่อเอาของไปเก็บ ก่อนจะออกมาเดินเล่นกันที่ตลาด ตอนนั้นเป็นช่วง 4-5 โมงเย็นค่ะ
ระหว่างทางเดินขึ้นไปจะเป็นบันไดไม้ ที่ดูสร้างมานานมากๆๆๆๆ จนมาถึง corridor ทางเดินทั้งหมด ปูด้วยไม้จริงทั้งสิ้น
เวลาเดิน ไม้จะลั่นตลอดค่ะ คือแค่เสียงไม้ลั่นก็น่ากลัวแล้วอ่ะตอนนั้น
เรามากัน 4 คน ขอสมมตินามเพื่อนคือ A B C นะคะ เราเข้าพักห้อง 2 ห้อง
เรากับ A ได้พักที่ชั้น 2 ห้องในสุดทางเดินด้านขวามือ
ส่วน B กับ C ได้พักที่ชั้น 3 ตำแหน่งเดียวกันค่ะ
( เข้าใจว่าพนักงานเลือกห้องพักด้านในสุด เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงคนเดินให้ได้ยินน้อยที่สุด...คงเป็นความหวังดีของเค้า )
หลังจากเดินผ่านทางเดินพื้นไม้ที่บอกมาข้างต้น ถึงตอนเปิดประตูเข้าห้องไปนี่ คือแบบ.....ห้องเก่ามากกกกกกกกก T_T
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์เก่า หน้าห้องน้ำจะมีโต๊ะเครื่องแป้งโบราณแบบสามเกลอ
ซึ่งมีลิ้นชักไม้เล็กๆด้านบน ตัวกระจกส่อง ปรอทมันหลุดๆล่อนๆไปเยอะแล้วค่ะ จะเห็นเป็นขอบน้ำตาลๆ ตรงรอบๆกรอบกระจก
นึกภาพเหมือนโต๊ะเครื่องแป้งในร้านขายของเก่าน่ะค่ะ
ถัดมา...ตั้งฉากกับข้างโต๊ะเครื่องแป้ง จะเป็นประตูห้องน้ำค่ะ ซึ่งบานจะเล็กกว่าตัวช่องวงกบ มันปิดไม่เต็มช่องค่ะ
คือไม่ว่าเราจะทำอะไร มันจะได้ยินเสียงทะลุไปห้องนอนทั้งหมดค่ะ
สีหน้าเรานี่ออกเลยค่ะว่ากลัว....A หันมาถามว่านอนไหวป่าว เราก็แบบ คงไม่มีไรหรอก คืนเดียว เดี๋ยวเช้ามืดก็ไปและ เอาเถอะ
ขึ้นไปเยี่ยมห้องเพื่อนที่นอนเหนือเราชั้นนึง ก็สภาพใหม่กว่าห้องเรานิดนึงค่ะ พวกเค้าก็ดูโอเค ไม่มีอะไร
พอเก็บของกันเสร็จก็ออกหาอะไรทานกันก่อนกลับเข้ามาพัก...
พวกเราทั้งหมดกลับเข้ามาที่พักประมาณช่วง 2-3 ทุ่มค่ะ เพราะวันน้ันเราปวดท้องปั่นป่วน เหมือนท้องจะเสียค่ะ
กลับมาก็จัดแจงเข้าห้องน้ำก่อนเลยเพราะปวดท้องมาจากทานข้าวข้างนอก
ในห้องน้ำนี่ยิ่งน่ากลัวค่ะ กระเบื้องเป็นกระเบื้องดินเผาสมัยโบราณสีส้มๆมีบิ่นมีแตกเป็นบางส่วน ฝักบัวก็สนิมเก่าค่อนข้างมาก
หันหน้าไปมองโถส้วม คือมองมุมไหนก็วังเวงค่ะ อธิบายไม่ถูก แต่ขณะนั้นคือปวดท้องรุนแรง สภาพไหนก็ต้องเข้า
เรานี่เข้าแบบไม่ปิดประตูเลยค่ะ เพราะกลัวมากๆ ความจริงเกรงใจ A มาก แต่น้อยกว่าความกลัว...
พอเราใช้ห้องน้ำเสร็จ A ก็เข้าอาบน้ำต่อค่ะ
คราวนี้ก็เตรียมจะเข้านอนเพราะต้องตื่นแต่เช้า
เตียงที่นี่เป็นเตียงวางติดกำแพงค่ะ เราเลือกนอนด้านนอก เพราะอาจต้องลุกเข้าห้องน้ำอีก
ส่วน A นอนชิดกำแพงค่ะ
ฝั่งที่เรานอนจะเป็นทางเดินหน้าห้องน้ำ ซึ่งจะมองเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง ถ้านอนตะแคงหันซ้าย ( เราเป็นคนติดนอนตะแคงนะคะ )
เราเลยนอนตะแคงหันขวา เพราะไม่อยากเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วน A นอนตะแคงหันขวาเหมือนกัน คือหันหน้าเข้ากำแพงอ่ะค่ะ
ผ่านไปสัก 10-15 นาที A หลับไปเร็วมากค่ะ คงจะเหนื่อยเดินทาง เหลือแต่เรา ที่รู้สึกไม่สบายท้อง เลยนอนไม่หลับ
สักพักนึงได้ยินน้ำฝักบัวหยดค่ะ อันนี้ไม่คิดมาก เพราะหัวฝักบัวเก่ายางด้านในมันสึกมากๆ น้ำก็จะซึมออกมาเป็นเรื่องปกติค่ะ
( นี่เขียนเล่าเรื่องเก่าผ่านมา 13 ปี ยังตื่นเต้น รู้สึกกลัวๆอยู่เลย )
น้ำหยดลงพื้น ต๊อก.......ต๊อก.......ต๊อก.......ต๊อก.......ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ติดตรงที่ว่า น้ำหยดแรงขึ้น แรงขึ้น ถี่ขั้น ถี่ขึ้น
ปริมาณน้ำมากขึ้น จนเป็นเปิดอาบเลยค่ะทีนี้ ( พิมพ์ไปขนลุกไป ) คือแบบ หลับตาปี๋แล้วตอนนั้น...ตรูโดนแล้ว โดนทั้งตื่นดีดีนี่แหละ
เค้าอาบน้ำอยู่สักพัก น้ำปิดค่ะ....เงียบ กลับมาเป็นเสียงต๊อก.......ต๊อก.......ต๊อก.......แบบเดิม
คือแบบเราไม่ไหว แต่ไม่กล้าขยับอ่ะตอนนั้น กลัวมากๆ ไม่เคยเจอจังๆขนาดนี้ ได้แต่พยายามค่อยๆเบียดเข้าไปให้แขนเราโดนตัว A
แล้วเรียกชื่อเบาๆ เรียกเท่าไหร่ เอาแขนไปโดนหลังเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น แถมนอนหลับลึก กรนอีกด้วยค่ะ
( ตอนนั้นกลัวมากๆว่าผีจะเห็นว่าเราตื่นค่ะ เข้าสู่ภาวะตีเนียนแกล้งหลับ ขยับหรือพูดได้แค่เบาๆเท่านั้นค่ะ )
หลังจากเสียงอาบน้ำที่บอก เค้าแง้มประตูห้องน้ำที่ปิดไว้ออกมาค่ะ เสียงประตูมันฝืดได้ยินชัดมากๆ เรายังคงนอนหันหลังนะคะ
ไม่กล้าหันไปดูเลยจริงๆ.....
......เค้าออกจากประตูมาเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งค่ะ ตอนนั้นเราสวดมนต์อย่างเดียวค่ะ นโมตัสสะ....เป็นบทเดียวที่นึกออก
ท่องไปท่องไป ท่องเท่าไหร่ก็ไม่หาย
เปิดๆปิดๆลิ้นชักอยู่อย่างนั้นวนวนเวียนๆ จนกระทั่งเสียงเงียบ เรายังคงพยายามเอาแขนสะกิดหลังเพื่อนที่นอนหลับกรนอยู่ตรงหน้า
ทำยังไงมันก็ไม่ตื่นค่ะ
......สักพัก......มีลมมาเป่าที่หูด้านซ้ายค่ะ .......TT_TT ตอนนั้นกลัวมากๆ คือเค้ามาหายใจที่หูซ้าย ด้านที่เราตะแคงขึ้นมาเลยค่ะ
เสียงหายใจดังมากTT_TT ( เข้าใจว่าเป็นผู้ชายนะคะ เพราะผู้ชายมักจะหายใจดัง )
เสียงหายใจสลับกับเสียงกรนของเพื่อน จังหวะนี้ ไม่ขยับอะไรเลยค่ะ ตัวแข็งท่าเดิมท่านั้น ในใจสวดมนต์ไปเรื่อยๆ
......จนเสียงค่อยๆเงียบหายไปเอง
คืนนั้นเราไม่ได้ขยับตัวเลยทั้งคืนค่ะ หลับตาปี๋ นอนเกร็ง ตอนหลังเหนื่อยก็หลับไป..ดีว่าไม่ปวดท้องลุกมาเข้าห้องน้ำอีก ต้องแย่แน่ๆ
เช้ามาก็รีบออกเก็บของ ไม่ได้คุยอะไรกับใครเลยค่ะ ไม่กล้า ตอนเช็คเอาท์สังเกตุเห็นรูปการก่อตั้งโรงแรม..
......ประมาณว่าสร้างมาตั้งแต่หลายยยยยยสิบปีก่อน รุ่นปู่รุ่นย่าสาวๆน่ะค่ะ.......แต่จำไม่ได้ว่าปีอะไร แต่มีรูปเก่าแขวนเยอะมาก
ออกมาเลยคุยกับเพื่อนร้านที่แวะทานข้าวเช้า ว่าเราเจอแบบนี้ พวกมันก็อ่าว....ทำไมแกไม่บอกวะ ย้ายมานอนห้องชั้นก็ได้
พวกเราหลับกันสบายไม่มีไรเลย คราวหลังแกบอกนะเว่ย.......คงไม่มีคราวหลังหรอกแก ชั้นคงไม่กลับมาที่โรงแรมนี้อีกแน่นอน!!!
เพื่อนๆหลายๆคนคงพอนึกออกว่าโรงแรมอะไร มีใครทราบเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นไหมคะ หรือใครมีประสบการณ์
แบบเดียวกัน รบกวนแชร์ให้ฟังบ้างนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ
ปล. -ปัจจุบันนี้โรงแรมดังกล่าวมีการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ไปมาก ต่างจากลักษณะข้างต้นไปมากค่ะ น่าจะไม่มีแล้วล่ะ
-รายละเอียดบางอย่างที่ไม่แม่นยำ เพราะเรื่องมันนาน 13 ปีค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ
-กระทู้นี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของผู้อ่าน
ขอสงวนสิทธิ์ในการเปิดเผยชื่อโรงแรมนะคะ
โรงแรม(มีผี) จังหวัดน่าน ใครเคยโดน หรือทราบที่มา แชร์กันนะ
( ใช้วิจารณญาณกันตามสะดวกนะคะ เชื่อหรือไม่เชื่อ เอาตามที่สบายใจเลย ตั้งใจให้อ่านเพื่อความบันเทิงค่ะ)
ย้อนไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว พ.ศ.2545 เรามีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดน่าน กับเพื่อนอีก 3 คน
สมัยนั้น จ.น่าน เป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวมากนัก เงียบสงบ เป็นธรรมชาติมากๆ
มีวัดสวยๆเก่าๆมากมายถูกสร้างขึ้นที่นั่น
( ไม่ทราบว่าสมัยนี้จะครึกครื้นขึ้นบ้างอย่างไรนะคะ เพราะไม่เคยได้กลับไปอีกเลย )
เราเดินทางมาถึงจังหวัดน่านด้วยการเหมารถตู้ค่ะ มาถึงที่อู่จอดรถ ก็นั่งรถต่อเพื่อไปเที่ยวในจุดต่างๆ ของจังหวัด
รู้สึกชอบมากๆ เมืองดูเป็นเมืองบริสุทธิ์ อากาศนี่ดีสุดๆ และนักท่องเที่ยวไม่หนาแน่น มีบรรยากาศตลาดเก่าให้เดินซื้อของกิน
ระหว่างการใช้เวลาอยู่ในทริป ทุกๆที่ที่ไปประทับใจหมดค่ะ ไปที่ไหนก็ดี สบายใจ สบายกายทุกอย่าง
จนมาถึงวันก่อนกลับกรุงเทพ เราตัดสินใจมานอนในเมืองแถวตลาดเพื่อความสะดวกในการขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพตอนเช้ามืด
ตอนนั้นมีโรงแรมเพียงแค่ 2 โรงแรมเท่านั้น ที่อยู่ในบริเวณที่เราต้องขึ้นรถ ก็เลยลองเช็คราคาดูค่ะ
โรงแรมแรกดูใหม่ สว่าง เหมือนเพิ่งทำมาใหม่ น่าพัก ผิดกับอีกโรงแรมที่ดูเก่ามากๆ (แต่คลาสสิคนะ) สร้างด้วยไม้เกือบทั้งหลัง
(แต่ความรู้สึกส่วนตัว แค่เห็นจากด้านนอกก็กลัวแล้วค่ะ)
ราคาที่พักทั้งสองนี้ ต่างกันหลายบาทค่ะ
สมัยนั้นเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีสตางค์มากนัก จึงต้องเลือกโรงแรมที่เราคิดว่าคุ้มที่สุด.....แล้วเราก็ตกลงพักที่โรงแรมเก่าค่ะ
( จริงๆรู้สึกไม่โอเคตั้งแต่เดินเข้ามาเช็คอินแล้วค่ะ แขนซ้ายนี่ขนลุกตลอด แต่ซาวน์เสียงกันแล้ว ต้องคำนึงถึงคนหมู่มากไว้ก่อน
พยายามคิดว่าเราคงคิดมากไปเอง เพราะเห็นโรงแรมมันเก่า ไม่มีการรีโนเวท )
หลังจากเช็คอินก็เดินขึ้นไปที่ห้องพักเพื่อเอาของไปเก็บ ก่อนจะออกมาเดินเล่นกันที่ตลาด ตอนนั้นเป็นช่วง 4-5 โมงเย็นค่ะ
ระหว่างทางเดินขึ้นไปจะเป็นบันไดไม้ ที่ดูสร้างมานานมากๆๆๆๆ จนมาถึง corridor ทางเดินทั้งหมด ปูด้วยไม้จริงทั้งสิ้น
เวลาเดิน ไม้จะลั่นตลอดค่ะ คือแค่เสียงไม้ลั่นก็น่ากลัวแล้วอ่ะตอนนั้น
เรามากัน 4 คน ขอสมมตินามเพื่อนคือ A B C นะคะ เราเข้าพักห้อง 2 ห้อง
เรากับ A ได้พักที่ชั้น 2 ห้องในสุดทางเดินด้านขวามือ
ส่วน B กับ C ได้พักที่ชั้น 3 ตำแหน่งเดียวกันค่ะ
( เข้าใจว่าพนักงานเลือกห้องพักด้านในสุด เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงคนเดินให้ได้ยินน้อยที่สุด...คงเป็นความหวังดีของเค้า )
หลังจากเดินผ่านทางเดินพื้นไม้ที่บอกมาข้างต้น ถึงตอนเปิดประตูเข้าห้องไปนี่ คือแบบ.....ห้องเก่ามากกกกกกกกก T_T
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นเฟอร์นิเจอร์เก่า หน้าห้องน้ำจะมีโต๊ะเครื่องแป้งโบราณแบบสามเกลอ
ซึ่งมีลิ้นชักไม้เล็กๆด้านบน ตัวกระจกส่อง ปรอทมันหลุดๆล่อนๆไปเยอะแล้วค่ะ จะเห็นเป็นขอบน้ำตาลๆ ตรงรอบๆกรอบกระจก
นึกภาพเหมือนโต๊ะเครื่องแป้งในร้านขายของเก่าน่ะค่ะ
ถัดมา...ตั้งฉากกับข้างโต๊ะเครื่องแป้ง จะเป็นประตูห้องน้ำค่ะ ซึ่งบานจะเล็กกว่าตัวช่องวงกบ มันปิดไม่เต็มช่องค่ะ
คือไม่ว่าเราจะทำอะไร มันจะได้ยินเสียงทะลุไปห้องนอนทั้งหมดค่ะ
สีหน้าเรานี่ออกเลยค่ะว่ากลัว....A หันมาถามว่านอนไหวป่าว เราก็แบบ คงไม่มีไรหรอก คืนเดียว เดี๋ยวเช้ามืดก็ไปและ เอาเถอะ
ขึ้นไปเยี่ยมห้องเพื่อนที่นอนเหนือเราชั้นนึง ก็สภาพใหม่กว่าห้องเรานิดนึงค่ะ พวกเค้าก็ดูโอเค ไม่มีอะไร
พอเก็บของกันเสร็จก็ออกหาอะไรทานกันก่อนกลับเข้ามาพัก...
พวกเราทั้งหมดกลับเข้ามาที่พักประมาณช่วง 2-3 ทุ่มค่ะ เพราะวันน้ันเราปวดท้องปั่นป่วน เหมือนท้องจะเสียค่ะ
กลับมาก็จัดแจงเข้าห้องน้ำก่อนเลยเพราะปวดท้องมาจากทานข้าวข้างนอก
ในห้องน้ำนี่ยิ่งน่ากลัวค่ะ กระเบื้องเป็นกระเบื้องดินเผาสมัยโบราณสีส้มๆมีบิ่นมีแตกเป็นบางส่วน ฝักบัวก็สนิมเก่าค่อนข้างมาก
หันหน้าไปมองโถส้วม คือมองมุมไหนก็วังเวงค่ะ อธิบายไม่ถูก แต่ขณะนั้นคือปวดท้องรุนแรง สภาพไหนก็ต้องเข้า
เรานี่เข้าแบบไม่ปิดประตูเลยค่ะ เพราะกลัวมากๆ ความจริงเกรงใจ A มาก แต่น้อยกว่าความกลัว...
พอเราใช้ห้องน้ำเสร็จ A ก็เข้าอาบน้ำต่อค่ะ
คราวนี้ก็เตรียมจะเข้านอนเพราะต้องตื่นแต่เช้า
เตียงที่นี่เป็นเตียงวางติดกำแพงค่ะ เราเลือกนอนด้านนอก เพราะอาจต้องลุกเข้าห้องน้ำอีก
ส่วน A นอนชิดกำแพงค่ะ
ฝั่งที่เรานอนจะเป็นทางเดินหน้าห้องน้ำ ซึ่งจะมองเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง ถ้านอนตะแคงหันซ้าย ( เราเป็นคนติดนอนตะแคงนะคะ )
เราเลยนอนตะแคงหันขวา เพราะไม่อยากเห็นโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วน A นอนตะแคงหันขวาเหมือนกัน คือหันหน้าเข้ากำแพงอ่ะค่ะ
ผ่านไปสัก 10-15 นาที A หลับไปเร็วมากค่ะ คงจะเหนื่อยเดินทาง เหลือแต่เรา ที่รู้สึกไม่สบายท้อง เลยนอนไม่หลับ
สักพักนึงได้ยินน้ำฝักบัวหยดค่ะ อันนี้ไม่คิดมาก เพราะหัวฝักบัวเก่ายางด้านในมันสึกมากๆ น้ำก็จะซึมออกมาเป็นเรื่องปกติค่ะ
( นี่เขียนเล่าเรื่องเก่าผ่านมา 13 ปี ยังตื่นเต้น รู้สึกกลัวๆอยู่เลย )
น้ำหยดลงพื้น ต๊อก.......ต๊อก.......ต๊อก.......ต๊อก.......ไปเรื่อยๆ ก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ติดตรงที่ว่า น้ำหยดแรงขึ้น แรงขึ้น ถี่ขั้น ถี่ขึ้น
ปริมาณน้ำมากขึ้น จนเป็นเปิดอาบเลยค่ะทีนี้ ( พิมพ์ไปขนลุกไป ) คือแบบ หลับตาปี๋แล้วตอนนั้น...ตรูโดนแล้ว โดนทั้งตื่นดีดีนี่แหละ
เค้าอาบน้ำอยู่สักพัก น้ำปิดค่ะ....เงียบ กลับมาเป็นเสียงต๊อก.......ต๊อก.......ต๊อก.......แบบเดิม
คือแบบเราไม่ไหว แต่ไม่กล้าขยับอ่ะตอนนั้น กลัวมากๆ ไม่เคยเจอจังๆขนาดนี้ ได้แต่พยายามค่อยๆเบียดเข้าไปให้แขนเราโดนตัว A
แล้วเรียกชื่อเบาๆ เรียกเท่าไหร่ เอาแขนไปโดนหลังเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น แถมนอนหลับลึก กรนอีกด้วยค่ะ
( ตอนนั้นกลัวมากๆว่าผีจะเห็นว่าเราตื่นค่ะ เข้าสู่ภาวะตีเนียนแกล้งหลับ ขยับหรือพูดได้แค่เบาๆเท่านั้นค่ะ )
หลังจากเสียงอาบน้ำที่บอก เค้าแง้มประตูห้องน้ำที่ปิดไว้ออกมาค่ะ เสียงประตูมันฝืดได้ยินชัดมากๆ เรายังคงนอนหันหลังนะคะ
ไม่กล้าหันไปดูเลยจริงๆ.....
......เค้าออกจากประตูมาเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้งค่ะ ตอนนั้นเราสวดมนต์อย่างเดียวค่ะ นโมตัสสะ....เป็นบทเดียวที่นึกออก
ท่องไปท่องไป ท่องเท่าไหร่ก็ไม่หาย
เปิดๆปิดๆลิ้นชักอยู่อย่างนั้นวนวนเวียนๆ จนกระทั่งเสียงเงียบ เรายังคงพยายามเอาแขนสะกิดหลังเพื่อนที่นอนหลับกรนอยู่ตรงหน้า
ทำยังไงมันก็ไม่ตื่นค่ะ
......สักพัก......มีลมมาเป่าที่หูด้านซ้ายค่ะ .......TT_TT ตอนนั้นกลัวมากๆ คือเค้ามาหายใจที่หูซ้าย ด้านที่เราตะแคงขึ้นมาเลยค่ะ
เสียงหายใจดังมากTT_TT ( เข้าใจว่าเป็นผู้ชายนะคะ เพราะผู้ชายมักจะหายใจดัง )
เสียงหายใจสลับกับเสียงกรนของเพื่อน จังหวะนี้ ไม่ขยับอะไรเลยค่ะ ตัวแข็งท่าเดิมท่านั้น ในใจสวดมนต์ไปเรื่อยๆ
......จนเสียงค่อยๆเงียบหายไปเอง
คืนนั้นเราไม่ได้ขยับตัวเลยทั้งคืนค่ะ หลับตาปี๋ นอนเกร็ง ตอนหลังเหนื่อยก็หลับไป..ดีว่าไม่ปวดท้องลุกมาเข้าห้องน้ำอีก ต้องแย่แน่ๆ
เช้ามาก็รีบออกเก็บของ ไม่ได้คุยอะไรกับใครเลยค่ะ ไม่กล้า ตอนเช็คเอาท์สังเกตุเห็นรูปการก่อตั้งโรงแรม..
......ประมาณว่าสร้างมาตั้งแต่หลายยยยยยสิบปีก่อน รุ่นปู่รุ่นย่าสาวๆน่ะค่ะ.......แต่จำไม่ได้ว่าปีอะไร แต่มีรูปเก่าแขวนเยอะมาก
ออกมาเลยคุยกับเพื่อนร้านที่แวะทานข้าวเช้า ว่าเราเจอแบบนี้ พวกมันก็อ่าว....ทำไมแกไม่บอกวะ ย้ายมานอนห้องชั้นก็ได้
พวกเราหลับกันสบายไม่มีไรเลย คราวหลังแกบอกนะเว่ย.......คงไม่มีคราวหลังหรอกแก ชั้นคงไม่กลับมาที่โรงแรมนี้อีกแน่นอน!!!
เพื่อนๆหลายๆคนคงพอนึกออกว่าโรงแรมอะไร มีใครทราบเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นไหมคะ หรือใครมีประสบการณ์
แบบเดียวกัน รบกวนแชร์ให้ฟังบ้างนะคะ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ
ปล. -ปัจจุบันนี้โรงแรมดังกล่าวมีการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ไปมาก ต่างจากลักษณะข้างต้นไปมากค่ะ น่าจะไม่มีแล้วล่ะ
-รายละเอียดบางอย่างที่ไม่แม่นยำ เพราะเรื่องมันนาน 13 ปีค่ะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ
-กระทู้นี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงของผู้อ่าน ขอสงวนสิทธิ์ในการเปิดเผยชื่อโรงแรมนะคะ