เราเคยมีความสุขมากๆในช่วงมัธยม มีความสุขกับการเรียน กับกิจกรรมในโรงเรียน กับเพื่อน กับงานอดิเรกของตัวเอง เราชอบวาดรูป อ่านการ์ตูนนิยาย ดูซีรีส์ ทั้งยังรักษาเกรดเฉลี่ยได้ดีในระดับท็อปของชั้นเรียน เราไม่เคยผิดหวังกับเกรดหรือผลงานที่ทำในช่วงมัธยมเลย ตอนนั้นเราคิดว่าเราบริหารเวลาตัวเองได้ดีในระดับนึง
แต่ว่าช่วง ม.6 เราค่อนข้างกังวลเรื่องสอบเข้า ผู้ปกครองเราค่อนข้างกดดันเราเรื่องการสอบเข้ามากยิ่งขึ้น เราเองก็กดดันตัวเองมากตามไปด้วย เราตัดสินใจเลือกคณะที่อยากเข้าด้วยตนเองซึ่งก็ตรงใจกับพ่อแม่ ไม่ได้มีปัญหาหรือปากเสียงอะไรกัน เราเลือกในสาขาที่เราถนัดและชอบ แต่ก็ยังกดดันตัวเองมากๆอยู่ดี เราเริ่มร้องไห้ทุกวันตั้งแต่ช่วงปิดเทอมเล็ก จนเทอมสอง จนถึงช่วงสอบ เรามีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงเอามากๆ เราร้องไห้ง่าย โกรธง่าย ไม่อยากอาหาร เครียด แต่เราโชคดีอยู่อย่างนึงที่เรามีเพื่อนสนิทที่คบกันเป็นแฟน เค้าคอยปลอบเราตั้งแต่ช่วงนั้น พยุงกันไปมาจนจบช่วงสอบและเราก็สอบติดที่เดียวกัน เราได้ในคณะที่เลือกไว้อันดับ1 ส่วนแฟนเราก็ได้ในคณะที่ต้องการแม้ว่าจะไม่ใช่อันดับ1ก็ตาม แต่เค้าก็ดูแฮปปี้ดี
จนถึงตอนนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องหนักๆผ่านไปสักนิดนึงแล้ว เราเบาใจได้แล้ว มีที่เรียนแล้ว ได้ที่เดียวกับแฟนด้วย เพื่อนก็ติดมอนี้เยอะแยะ ชีวิตเราค่อนข้างเป็นทางมากขึ้น แต่เรากลับไม่หายเครียดเลยซะงั้น เราเคยชินกับอาการเศร้า คิดอะไรที่เครียดๆหน่อยก็น้ำตาคลอ เราชินกับการที่กินอาหารน้อยๆ วันนึงกินแค่มื้อเดียว เรารู้สึกจิตใจเรามันพังไปตั้งแต่ช่วงสอบ เราแตกหักกับที่บ้านไปนิดหน่อย เราคุยกับพ่อแม่ได้ไม่เหมือนเดิม รู้สึกว่าเรากับพ่อแม่มีช่องว่างระหว่างกันเยอะขึ้น ตอนนั้นก็รู้สึกว่าไม่แปลกที่เราโตขึ้นและจะห่างจากพ่อแม่บ้าง ทำให้เวลาเรามีอะไรเครียด คนที่รับรู้ความเครียดของเรามีแค่แฟนคนเดียว
ช่วงปิดเทอมรอขึ้นมหาลัย เราไม่ได้เงินค่าขนมเลย เราทำงานพิเศษ ทำให้เราไม่ได้มีเวลาให้แฟนมากนักช่วงปิดเทอม แต่พอเปิดเทอม เราก็รู้สึกเหมือนแฟนไม่ได้ต้องการเรามากนัก เราทะเลาะกัน ห่างกันไปพักนึง ต่างคนต่างปรับตัวกับสังคมใหม่ๆ จนดีขึ้น
หลังจากนั้นเราใช้เวลาด้วยกันเยอะขึ้น เราไปอยู่ห้องแฟนบ่อยขึ้น ทุกอย่างเริ่มโอเค เราตั้งใจเรียนมากขึ้น เรากับแฟนดูแลกันและกันดี แบ่งกันทำงานบ้าน เก็บของล้างจาน แต่เราก็ยังมีนิสัยร้องไห้ง่าย เศร้าง่ายอยู่ดี เรายังติดกับการคาดหวังตัวเองไว้สูง เราเคยเก่งมาก่อน พอมหาลัย เราเจอคนเก่งๆเยอะขึ้น ในทุกๆด้าน อะไรที่เราคิดว่าเราทำได้ดี มันมีคนทำได้พอๆกันหรือดีกว่าเต็มไปหมด ช่วงมิดเทอมเราเครียดมากจนเป็นไมเกรน เราเคยเกือบเป็นลมชัก แต่เพราะนอนห้องแฟน เลยได้แฟนช่วยไว้ ไม่งั้นคงตายไปแล้ว เราเครียดจนอ้วก ไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เราผ่านทุกอย่างมาได้โดยมีแฟนคอยปลอบ
แต่ช่วงนี้เราแยกมาอยู่คนเดียวเพราะอยากให้แฟนมีสมาธิในการเรียนมากกว่านี้ แต่เรารู้สึกเราอยู่คนเดียวได้ไม่ดีเลย เราพึ่งพาตัวเองไม่ได้ เวลาเราอยู่คนเดียว เรานั่งร้องไห้ทุกครั้ง เราไม่อยากเป็นแบบนี้ อยากจะดีกว่านี้มากๆ แต่เราไม่รู้จะทำยังไง เราไม่มีสมาธิแม้แต่จะทำงานอดิเรกของตัวเอง ไม่มีความสุขกับการดูซีรีส์ อ่านการ์ตูนเหมือนก่อน มันเอฟเฟคสุขภาพจิตและกายมากๆ เรากินอะไรไม่ลง กินแล้วอยากจะอ้วก เรารู้สึกน้ำตาไหลตลอดเวลาไม่มีแรงจะไปเจอเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าเราเศร้าขนาดนี้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเศร้าเพราะอะไร จนบางทีก็อยากตายๆไปซะ เราไม่มีอะไรที่อยากทำในชีวิตแล้ว ไม่ได้รู้สึกรักหรือห่วงอะไรเป็นพิเศษด้วย เราพยายามจะหาวิธีตายที่ไม่เดือดร้อนชาวบ้านอยู่ แต่ก็ไม่ได้ พยายามจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว อยากจะรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่รู้ต้องทำยังไง
ฮาวทูจัดการความเครียดตัวเอง
แต่ว่าช่วง ม.6 เราค่อนข้างกังวลเรื่องสอบเข้า ผู้ปกครองเราค่อนข้างกดดันเราเรื่องการสอบเข้ามากยิ่งขึ้น เราเองก็กดดันตัวเองมากตามไปด้วย เราตัดสินใจเลือกคณะที่อยากเข้าด้วยตนเองซึ่งก็ตรงใจกับพ่อแม่ ไม่ได้มีปัญหาหรือปากเสียงอะไรกัน เราเลือกในสาขาที่เราถนัดและชอบ แต่ก็ยังกดดันตัวเองมากๆอยู่ดี เราเริ่มร้องไห้ทุกวันตั้งแต่ช่วงปิดเทอมเล็ก จนเทอมสอง จนถึงช่วงสอบ เรามีอารมณ์ที่ไม่มั่นคงเอามากๆ เราร้องไห้ง่าย โกรธง่าย ไม่อยากอาหาร เครียด แต่เราโชคดีอยู่อย่างนึงที่เรามีเพื่อนสนิทที่คบกันเป็นแฟน เค้าคอยปลอบเราตั้งแต่ช่วงนั้น พยุงกันไปมาจนจบช่วงสอบและเราก็สอบติดที่เดียวกัน เราได้ในคณะที่เลือกไว้อันดับ1 ส่วนแฟนเราก็ได้ในคณะที่ต้องการแม้ว่าจะไม่ใช่อันดับ1ก็ตาม แต่เค้าก็ดูแฮปปี้ดี
จนถึงตอนนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องหนักๆผ่านไปสักนิดนึงแล้ว เราเบาใจได้แล้ว มีที่เรียนแล้ว ได้ที่เดียวกับแฟนด้วย เพื่อนก็ติดมอนี้เยอะแยะ ชีวิตเราค่อนข้างเป็นทางมากขึ้น แต่เรากลับไม่หายเครียดเลยซะงั้น เราเคยชินกับอาการเศร้า คิดอะไรที่เครียดๆหน่อยก็น้ำตาคลอ เราชินกับการที่กินอาหารน้อยๆ วันนึงกินแค่มื้อเดียว เรารู้สึกจิตใจเรามันพังไปตั้งแต่ช่วงสอบ เราแตกหักกับที่บ้านไปนิดหน่อย เราคุยกับพ่อแม่ได้ไม่เหมือนเดิม รู้สึกว่าเรากับพ่อแม่มีช่องว่างระหว่างกันเยอะขึ้น ตอนนั้นก็รู้สึกว่าไม่แปลกที่เราโตขึ้นและจะห่างจากพ่อแม่บ้าง ทำให้เวลาเรามีอะไรเครียด คนที่รับรู้ความเครียดของเรามีแค่แฟนคนเดียว
ช่วงปิดเทอมรอขึ้นมหาลัย เราไม่ได้เงินค่าขนมเลย เราทำงานพิเศษ ทำให้เราไม่ได้มีเวลาให้แฟนมากนักช่วงปิดเทอม แต่พอเปิดเทอม เราก็รู้สึกเหมือนแฟนไม่ได้ต้องการเรามากนัก เราทะเลาะกัน ห่างกันไปพักนึง ต่างคนต่างปรับตัวกับสังคมใหม่ๆ จนดีขึ้น
หลังจากนั้นเราใช้เวลาด้วยกันเยอะขึ้น เราไปอยู่ห้องแฟนบ่อยขึ้น ทุกอย่างเริ่มโอเค เราตั้งใจเรียนมากขึ้น เรากับแฟนดูแลกันและกันดี แบ่งกันทำงานบ้าน เก็บของล้างจาน แต่เราก็ยังมีนิสัยร้องไห้ง่าย เศร้าง่ายอยู่ดี เรายังติดกับการคาดหวังตัวเองไว้สูง เราเคยเก่งมาก่อน พอมหาลัย เราเจอคนเก่งๆเยอะขึ้น ในทุกๆด้าน อะไรที่เราคิดว่าเราทำได้ดี มันมีคนทำได้พอๆกันหรือดีกว่าเต็มไปหมด ช่วงมิดเทอมเราเครียดมากจนเป็นไมเกรน เราเคยเกือบเป็นลมชัก แต่เพราะนอนห้องแฟน เลยได้แฟนช่วยไว้ ไม่งั้นคงตายไปแล้ว เราเครียดจนอ้วก ไม่มีสมาธิทำอะไรเลย เราผ่านทุกอย่างมาได้โดยมีแฟนคอยปลอบ
แต่ช่วงนี้เราแยกมาอยู่คนเดียวเพราะอยากให้แฟนมีสมาธิในการเรียนมากกว่านี้ แต่เรารู้สึกเราอยู่คนเดียวได้ไม่ดีเลย เราพึ่งพาตัวเองไม่ได้ เวลาเราอยู่คนเดียว เรานั่งร้องไห้ทุกครั้ง เราไม่อยากเป็นแบบนี้ อยากจะดีกว่านี้มากๆ แต่เราไม่รู้จะทำยังไง เราไม่มีสมาธิแม้แต่จะทำงานอดิเรกของตัวเอง ไม่มีความสุขกับการดูซีรีส์ อ่านการ์ตูนเหมือนก่อน มันเอฟเฟคสุขภาพจิตและกายมากๆ เรากินอะไรไม่ลง กินแล้วอยากจะอ้วก เรารู้สึกน้ำตาไหลตลอดเวลาไม่มีแรงจะไปเจอเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าเราเศร้าขนาดนี้ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราเศร้าเพราะอะไร จนบางทีก็อยากตายๆไปซะ เราไม่มีอะไรที่อยากทำในชีวิตแล้ว ไม่ได้รู้สึกรักหรือห่วงอะไรเป็นพิเศษด้วย เราพยายามจะหาวิธีตายที่ไม่เดือดร้อนชาวบ้านอยู่ แต่ก็ไม่ได้ พยายามจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว อยากจะรู้สึกดีขึ้น แต่ไม่รู้ต้องทำยังไง