JJNY : ไมโครซอฟท์-กูเกิล-เทสลา บี้ลดค่าไฟ│ศก.ไทยฟื้นช้า ซึมยาว│“ณัฐชา”เมินเพจโจมตี│ทีซีจีฟ้องเจเคเอ็น เรียก1 พันล้าน

ไมโครซอฟท์-กูเกิล-เทสลา บี้รัฐบาลลดค่าไฟ ก่อนตัดสินใจมาลงทุนในไทย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4298436

ไมโครซอฟท์-กูเกิล-เทสลา บี้รัฐบาลลดค่าไฟ ก่อนตัดสินใจมาลงทุนในไทย คาดเหลือหน่วยละ 4.60 บ.

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการดึงการลงทุนภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leader’s Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12-19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า บริษัทรายใหญ่หลายราย ทั้ง Microsoft, Google, AWS, Tencent Alibaba และเทสลา ต่างสอบถามเรื่องพลังงานสะอาดถึงไฟฟ้าสีเขียว หรือ UGT ของไทยว่ากำหนดอัตราเท่าไหร่ และจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่ เพราะเทรนด์การลงทุนของโลกในปัจจุบันต่างต้องการพลังงานที่สะอาด เพราะจะส่งผลต่อการขายสินค้าในตลาดโลก โดยหลังจากนี้รัฐบาลจะเร่งประสานกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เพื่อสอบถามความชัดเจนและเร่งสรุปข้อมูล เพราะนักลงทุนรอคอยและต้องการก่อนตัดสินใจเข้าลงทุนไทย
 
รายงานข่าวระบุว่าอีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลจากกกพ.พบว่า ค่าไฟสีเขียวอยู่ระดับ 4.60 บาทต่อหน่วย ยังต้องสรุปตัวเลขทางการอีกครั้ง เพราะค่าไฟสีเขียวไม่ใช่สีเขียว100% แต่รวมสีน้ำตาลเข้าไว้ด้วย คือไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะต้องนำมาคำนวณด้วยเพราะให้ไฟสีเขียวมีความมั่นคงจากสายส่งหลัก จ่ายไฟได้ไม่ติดขัด โดยกกพ.กำลังเร่งพิจารณาเรื่องนี้



เศรษฐกิจไทยฟื้นช้า ซึมยาว SCB EIC หั่นประมาณการเศรษฐกิจลง เป็น 2.6% 
https://www.matichon.co.th/economy/news_4298109

เศรษฐกิจไทยฟื้นช้า ซึมยาว SCB EIC หั่นประมาณการเศรษฐกิจลง เป็น 2.6% 
 
SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% จากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวต่ำกว่าคาดมาก และปี 2024 ปรับลดเป็น 3.0%
 
เศรษฐกิจโลก
 
เศรษฐกิจโลกในปี 2023 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นเป็น 2.7% (เดิม 2.4%) แต่นับว่าเติบโตชะลอลงมาจาก 3% ในปีก่อน สำหรับปี 2024 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวชะลอลงอีกเป็น 2.5% (เดิม 2.3%) เป็นผลจากกิจกรรมภาคบริการที่เริ่มมีสัญญาณชะลอลง ขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตยังหดตัวต่อเนื่อง นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงชัดเจนขึ้นในไตรมาส 4 และต่อเนื่องในปีหน้า จากความล่าช้าในการส่งผ่านผลของนโยบายการเงินตึงตัว เงินออมส่วนเกินเริ่มหมด และหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจจีนกลับมาขยายตัวแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 3 ทั้งในภาคบริการและการผลิตในระยะต่อไปเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัว ส่วนหนึ่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะออกมาเพิ่มเติมแต่จะยังคงเผชิญปัจจัยกดดันเชิงโครงสร้างในระยะปานกลาง-ยาว
 
เศรษฐกิจไทย
 
SCB EIC ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2023 เป็น 2.6% (เดิม 3.1%) จากข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวต่ำกว่าคาดมาก การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวสูงขึ้นจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2023 ต่ำกว่าที่ประเมินไว้และความล่าช้าของ พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2024 รวมถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ ในปี 2024 ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงเช่นกันเป็น 3.0% (เดิม 3.5%) ตามแรงส่งเศรษฐกิจที่แผ่วลง แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนเติบโตต่ำลงจากรายได้ครัวเรือนที่ฟื้นไม่ทั่วถึงและหนี้ครัวเรือนที่ลดลงช้า การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนใช้เวลานานขึ้น รวมถึงการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากความล่าช้าของการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2024
 
ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีทิศทางฟื้นตัวได้อย่างช้า ๆ ในไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสขยายตัวได้สูงกว่าช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังเริ่มเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเอเชียและรัสเซีย ขณะที่ นักท่องเที่ยวจีนแม้เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าคาด ทั้งนี้การบริโภคภาคเอกชนยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการส่งออกที่มีแนวโน้มพลิกกลับเป็นบวกได้ในไตรมาสนี้ ส่วนหนึ่งจากราคาส่งออกสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้นจากผลกระทบภัยแล้งและการจำกัดการส่งออกสินค้าในหลายประเทศ สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงมากในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพโดยเฉพาะราคาพลังงาน ทั้งนี้ราคาพลังงานโลกมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และความไม่แน่นอนของสงครามอิสราเอล-ฮามาส ประกอบกับราคาสินค้าเกษตร (เช่น ข้าวและน้ำตาล) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากภัยแล้งและนโยบายควบคุมการส่งออกของอินเดีย จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เงินเฟ้อในปี 2024 กลับมาเร่งตัวได้อีกครั้ง
 
จับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาสและนโยบายการคลัง
 
ในระยะข้างหน้า ยังต้องจับตาสงครามอิสราเอล-ฮามาสและนโยบายการคลัง โดย SCB EIC มองว่าในกรณีฐานสงครามครั้งนี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก แต่หากเหตุการณ์ลุกลามรุนแรง เช่น อิหร่านเพิ่มความรุนแรงในสงครามตัวแทน (Proxy war) หรือเข้าร่วมสงครามโดยตรง (Direct war) เศรษฐกิจและเงินเฟ้อโลกรวมถึงไทยจะได้รับผลกระทบ ผ่านราคาน้ำมันโลกและความผันผวนในตลาดการเงินที่ปรับสูงขึ้น อีกทั้ง เศรษฐกิจไทยในปี 2024 ยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนที่สำคัญจากนโยบายการคลัง อาทิ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต (Digital wallet) ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่า โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนได้ในช่วงเวลาที่ดำเนินโครงการ โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อยที่ยังเปราะบางและมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคสูง อย่างไรก็ดี โครงการนี้ยังมีความไม่แน่นอนทางด้านกฎหมาย รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความยั่งยืนทางการคลัง
 
อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย
 
SCB EIC คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะคงอยู่ที่ระดับ 2.5% ต่อเนื่องตลอดปี 2024 เนื่องจากเป็นระดับอัตราดอกเบี้ย ณ Neutral rate ที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว และช่วยให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-3% แม้โครงการ Digital wallet จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้สูงกว่าระดับศักยภาพและอาจก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์เพิ่มขึ้นบ้าง แต่จะเป็นเพียงผลชั่วคราว หลังจากนั้นเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ตามศักยภาพเดิม และเงินเฟ้อจะยังอยู่ในกรอบเป้าหมายของ ธปท. ได้ สำหรับค่าเงินบาทในไตรมาสที่ผ่านมากลับมาแข็งค่าเร็วขึ้น เป็นผลจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงตามมุมมองการคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทย ในระยะต่อไป SCB EIC ยังคงมุมมองว่าเงินบาทจะแข็งค่าต่อสู่ระดับ 35-36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีนี้ และ 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีหน้า


 
“ณัฐชา” เมิน เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรโจมตี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_645324/

“ณัฐชา” เมิน เพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรโจมตี บอกพรรคเปิดกว้าง ยอมรับและปรับปรุงแก้ไข มองดีแล้วเพจที่ตรวจสอบ
 
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์เชิงโจมตีพรรคก้าวไกล ของเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ว่า พรรคก้าวไกลเปิดกว้าง ไม่ว่าจะมีข้อมูลอะไรที่เปิดเผยออกมา ในข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง แต่ละคนก็ออกมาชี้แจง บางคนก็ออกมายอมรับและปรับปรุงแก้ไข แน่นอนว่าวันนี้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมา 151 ที่นั่ง จำนวนส.สและผู้ช่วยส.สก็ 1,200 กว่าคนแล้ว ผู้ติดตามอีกคนละ 4 คน ก็ประมาณ 600 กว่าคน ฉะนั้นคน 1,800 กว่าคน แน่นอนว่าอาจจะมีคนที่ไม่ตรงตามความต้องการของประชาชนบ้าง หากเห็นว่านอกลู่นอกทางหรือนอกกรอบไปบ้างก็ส่งข้อมูลเข้ามาได้เลย

ส่วนเพจที่ตรวจสอบก็ถือว่าดีเสียอีก ถือว่าเป็นหน่วยงานเสริมที่ช่วยกันตรวจสอบ เพราะพรรคเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ในเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากลหรือไม่ถูกต้อง ก็สอบถามมายังตนเองหรือคนที่เป็นข่าวและได้ชี้แจงกันไป หากคนไหนทำความผิดก็ต้องดำเนินการกันไป ไม่ว่าจะให้ออก หรือดำเนินการลงโทษต่อไป นี่คือกระบวนการของพรรค ฉะนั้นไม่ว่าจะตรวจสอบแล้วเจออะไร เรายินดี เราไม่ได้ปกป้องคนของเราถูกทั้งหมดคนของเราดี คงไม่ใช่ สิ่งใดที่ถูกต้องก็ว่าไปสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องก็แก้ไขและน้อมรับคำติชม
 
ผมไม่ได้กังวลและไม่ได้ซีเรียสว่าเดี๋ยวมีเพจนุ้นมาโจมตี เพจนี้มาโจมตี ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เราเจอมาไม่ว่าจะเป็นเพจ io ทหาร และเพจอะไรในครั้งรัฐบาลที่แล้ว เราเจอมาหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันแล้ว พอเจอเรื่องราวเหล่านี้ก็ทยอยแก้ไขกันไปและชี้แจงเพิ่มความมั่นใจให้กับพี่น้อง

ส่วนเรื่องกรณีที่มีการแต่งตั้งสามีมาเป็นผู้ช่วยสส.ทั้งๆที่พรรคก้าวไกล ก็เคยโจมตีพรรคอื่นรวมถึงสว. ในการแต่งตั้งคนในครอบครัวมาเป็นผู้ช่วยด้วย โดยใช้คำว่าสภาผัวเมีย นั้น นายณัฐชากล่าวว่า คำว่าสภาผัวเมียคือตั้งญาติพี่น้องหรือคนสนิท มารับเงินเดือนโดยไม่ได้ทำงาน ซึ่งนี่เป็นข้อวิจารณ์ที่เราหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในสังคม ฉะนั้นวันนี้สังคมตรวจสอบเรากลับมาก็เป็นเรื่องที่ดี ก็ทำให้ประชาชนได้เห็นด้วยว่าก้าวไกลทำอย่างไร แต่อยากให้มองลึกลงไปกว่านั้นว่าสาเหตุที่ตั้งมาเพราะอะไร มีการช่วยงานจริงหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่