คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ปัญหาหลัก ๆ ไม่ใช่ชื่อโรงเรียนหรอก มันมาจากวัฒนธรรมเก่า ๆ ความเชื่อเก่า ๆ ของพวกรุ่นพี่และเด็กที่มาต่อกันไปเอง
คิดง่าย ๆ ถ้าช่วงมี Covid-19 เนี่ย เด็กเรียน Online เนี่ยได้ความรู้วิชาทฤษฎี แต่วัฒนธรรมองค์กรหรือความเชื่อขององค์กร
ช่วงนี้จะน้อยลง สังเกตมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนก็ได้ โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเทอมที่มี Covid-19 เรียน Online เด็กจะมี
ปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง สุดท้ายอย่าว่าแต่ตีกับโรงเรียนอื่นเลย ร้องเพลงโรงเรียนตัวเอง รู้จักเพื่อนตัวเอง ยังแทบไม่รู้จักเลย
ไม่รู้จะไปตีกันอย่างไร ไม่รู้จะเขาเข็มขัดไปทำไม เพราะว่า เรียนออนไลน์อยู่บ้านไม่ต้องแต่งตัวเครื่องแบบนักศึกษา
วัฒนธรรมหรือความเชื่อในองค์กรมันก็มีทั้งดีและไม่ดี อย่างจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ก็มีฟุตบอลประเพณี ก็สร้างความสัมพันธ์ให้ผู้เรียน
(แต่ขณะเดียวกันก็เกิด Connection หรือ Elitism ซึ่งจะดีหรือไม่ดีก็ได้) โรงเรียนจตุรมิตรก็มีความสัมพันธ์ในกลุ่ม เตะบอลกัน
ถึงแพ้บอลก็ไม่มาชกต่อยกัน ถ้าลองสลายวัฒนธรรมหรือทำลายความเชื่อเดิม ๆ เรื่องการตีกัน เช่น จัดกิจกรรม แลกเปลี่ยนเรียนข้ามที่
ลดความเป็น Organization ของตัวเองลงบางส่วน ให้ร่วมกันบางส่วน (อารมณ์พระจอมเกล้าฯ แล้วก็ให้มีประธานใหญ่มาคุม นายกสภา
เป็นทหาร น่าจะดีอยู่)
ส่วนเรื่องเพิ่มประชากร มันก็เกี่ยวมาก ถ้าเมืองไทยประชากรที่เพิ่มยังเป็นแบบนี้ เคยคอมเม้นท์แล้วโดนว่า เช่น ตอนนี้ประชากรที่กำลังเพิ่มคือ
คนอีสานกับคนมุสลิม (สองกลุ่มนี้ต่างกันชัดเจน) ถ้าจินตนาการอนาคตไม่ออก ให้นึกว่า ต่อไปไทยจะมีความเป็นละตินอเมริกาและอัฟริกา
จากอีสานและความเป็นมาเลย์เซียบวกตะวันออกกลางจากคนมุสลิม ส่วนคนรวยจริง ๆ ก็จะมีลูกน้อย จะรวยยิ่งกว่าเดิม เพราะตัวหารน้อยลง
และพวกนี้ก็จะไม่อยู่ในวงโคจรของความเป็นไทยในอนาคต (อีสาน+มุสลิม) คนชั้นกลางก็อาจจะเป็นโสด เพราะเรียนสูง กลัวสังคม กลัวค่าใช้จ่าย
ผมตีให้ประมาณว่า (คนรวย 5% + คนอีสาน 45% + คนมุสลิม 30% + คนชั้นกลาง 15% + อื่น ๆ 5% เช่น ต่างด้าว จีนใหม่ หรือคนย้ายมา).
ผมว่าตอนนั้นแหล่ะ ประเทศไทยจะน่ากลัว ถ้าคุณไม่รวยจริง และมีสามารถสร้างความสมดุลได้.
คิดง่าย ๆ ถ้าช่วงมี Covid-19 เนี่ย เด็กเรียน Online เนี่ยได้ความรู้วิชาทฤษฎี แต่วัฒนธรรมองค์กรหรือความเชื่อขององค์กร
ช่วงนี้จะน้อยลง สังเกตมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนก็ได้ โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเทอมที่มี Covid-19 เรียน Online เด็กจะมี
ปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง สุดท้ายอย่าว่าแต่ตีกับโรงเรียนอื่นเลย ร้องเพลงโรงเรียนตัวเอง รู้จักเพื่อนตัวเอง ยังแทบไม่รู้จักเลย
ไม่รู้จะไปตีกันอย่างไร ไม่รู้จะเขาเข็มขัดไปทำไม เพราะว่า เรียนออนไลน์อยู่บ้านไม่ต้องแต่งตัวเครื่องแบบนักศึกษา
วัฒนธรรมหรือความเชื่อในองค์กรมันก็มีทั้งดีและไม่ดี อย่างจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ก็มีฟุตบอลประเพณี ก็สร้างความสัมพันธ์ให้ผู้เรียน
(แต่ขณะเดียวกันก็เกิด Connection หรือ Elitism ซึ่งจะดีหรือไม่ดีก็ได้) โรงเรียนจตุรมิตรก็มีความสัมพันธ์ในกลุ่ม เตะบอลกัน
ถึงแพ้บอลก็ไม่มาชกต่อยกัน ถ้าลองสลายวัฒนธรรมหรือทำลายความเชื่อเดิม ๆ เรื่องการตีกัน เช่น จัดกิจกรรม แลกเปลี่ยนเรียนข้ามที่
ลดความเป็น Organization ของตัวเองลงบางส่วน ให้ร่วมกันบางส่วน (อารมณ์พระจอมเกล้าฯ แล้วก็ให้มีประธานใหญ่มาคุม นายกสภา
เป็นทหาร น่าจะดีอยู่)
ส่วนเรื่องเพิ่มประชากร มันก็เกี่ยวมาก ถ้าเมืองไทยประชากรที่เพิ่มยังเป็นแบบนี้ เคยคอมเม้นท์แล้วโดนว่า เช่น ตอนนี้ประชากรที่กำลังเพิ่มคือ
คนอีสานกับคนมุสลิม (สองกลุ่มนี้ต่างกันชัดเจน) ถ้าจินตนาการอนาคตไม่ออก ให้นึกว่า ต่อไปไทยจะมีความเป็นละตินอเมริกาและอัฟริกา
จากอีสานและความเป็นมาเลย์เซียบวกตะวันออกกลางจากคนมุสลิม ส่วนคนรวยจริง ๆ ก็จะมีลูกน้อย จะรวยยิ่งกว่าเดิม เพราะตัวหารน้อยลง
และพวกนี้ก็จะไม่อยู่ในวงโคจรของความเป็นไทยในอนาคต (อีสาน+มุสลิม) คนชั้นกลางก็อาจจะเป็นโสด เพราะเรียนสูง กลัวสังคม กลัวค่าใช้จ่าย
ผมตีให้ประมาณว่า (คนรวย 5% + คนอีสาน 45% + คนมุสลิม 30% + คนชั้นกลาง 15% + อื่น ๆ 5% เช่น ต่างด้าว จีนใหม่ หรือคนย้ายมา).
ผมว่าตอนนั้นแหล่ะ ประเทศไทยจะน่ากลัว ถ้าคุณไม่รวยจริง และมีสามารถสร้างความสมดุลได้.
แสดงความคิดเห็น
ทำไมไม่ยกเลิกชุดอาชีวะและชื่อสถาบันไปเลยเพื่อปกป้องชีวิตเด็ก แต่ รบ.กลับสั่งให้เพิ่มจำนวนประชากรเป็นวาระแห่งชาติ?
ทำไม รบ.ไม่ยกเลิกเครื่องแบบและชื่อสถาบันอาชีวะทั้งหมดไปเลยล่ะ? แล้วใช้ชื่อเดียวกันไปให้หมดเลยเป็น "สถาบันเทคโนโลยีอาชีวะแห่งประเทศไทย" และให้เด็กๆสามารถลงทะเบียนเรียนได้ทุกที่จะได้ไม่ตัดปัญหาเรื่องสถาบันคู่อริบ้าบอคอแตกไปซะที ตอนนี้ ปชช ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยืนกด ATM อยู่ดีๆก็ถูกยิงตายอย่างครูเจี๊ยบ น่าเศร้าใจมาก