JJNY : 3 ชาติจะซ้อมรบ│‘โรม’จี้‘เศรษฐา’ ต้องรับผิดชอบ│วีซ่าฟรีปลุกไม่ขึ้น-ททท.ดิ้นปั๊มยอด│ใบปลิวกู้เงินนอกระบบเกลื่อนตลาด

3 ชาติจะซ้อมรบทางทะเลหลังเกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียม
https://tna.mcot.net/world-1276560
 
เครดิตภาพ : Yonhap News
โซล 22 พ.ย.- เกาหลีใต้กำลังหารือกับสหรัฐและญี่ปุ่นเรื่องจัดการฝึกซ้อมรบทางทะเลร่วมกันที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐเข้าร่วมด้วย เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือที่อ้างว่าประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมจารกรรม
 
เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับอ้างแหล่งข่าวหลายแห่งในรัฐบาลเกาหลีใต้ว่า กองทัพเรือของเกาหลีใต้ กองทัพเรือของสหรัฐ และกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่นจะเข้าร่วมการฝึกซ้อมดังกล่าว โดยมียูเอสเอส คาร์ล วิสสัน เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐเข้าร่วมด้วย เกาหลีใต้กำลังหารือเรื่องจะฝึกซ้อมทางทะเลเกาหลีใต้-สหรัฐ และฝึกซ้อมทางทะเลเกาหลีใต้-สหรัฐ-ญี่ปุ่นในน่านน้ำทางใต้ของคาบสมุทรเกาหลีช่วงสุดสัปดาห์นี้ คาดว่าการฝึกซ้อมทวิภาคีจะมีขึ้นในวันเสาร์ และการฝึกซ้อมไตรภาคีจะมีขึ้นในวันอาทิตย์
 
เรือยูเอสเอส คาร์ล วิสสันเดินทางถึงฐานทัพเรือในเมืองปูซาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ตั้งแต่วันจันทร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการที่เกาหลีเหนือจะปล่อยดาวเทียมจารกรรม และมีกำหนดเดินทางกลับสหรัฐในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ต่อมาเกาหลีเหนืออ้างในวันนี้ว่า จรวดชอลลีมา-อิล (Chollima-1) ประสบความสำเร็จในการนำดาวเทียมมันลียง-อิล (Malligyong-1) เข้าสู่วงโคจรเมื่อคืนวันอังคาร หลังจากล้มเหลวมา 2 ครั้งในเดือนพฤษภาคมและสิงหาคม.-สำนักข่าวไทย



‘โรม’ จี้ ‘เศรษฐา’ ต้องรับผิดชอบคำพูด ปม ส.ส.เพื่อไทย ขอฝากผู้กำกับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4294847

“โรม” จี้ “เศรษฐา” ต้องรับผิดชอบคำพูด ปม ส.ส.เพื่อไทยขอฝากผู้กำกับ เชื่อ รู้เห็น-ส.ส.เกี่ยวข้อง จ่อเอาผิด จริยธรรม-กฎหมายตำรวจ-รธน.ม.185
 
วันที่ 22 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในที่ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยในการขอตำแหน่งผู้กำกับเมื่อ 21 พฤศจิกายน ว่า ชัดเจนในเรื่องตั๋วยังมีอยู่และเรื่องนี้มีปัญหาจริง ซึ่งปกติตั๋วจะไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานที่เป็นเอกสารราชการในการยืนยันสิ่งเหล่านี้
 
เพราะส่วนมากจะเป็นเป็นการโทรฝากกัน แต่คนที่เป็นระดับนายกรัฐมนตรีพูดในที่ประชุมสส. ไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นได้ว่ามี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยมาขอนายเศรษฐา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายแน่นอน และไม่ใช่ผิดกฎหมายอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลนายเศรษฐา ตอนหาเสียงประกาศว่าจะไม่ยอมรับ รวมถึงจัดการระบบเส้นสาย แต่กลับพูดออกมาได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ว่ามีผู้กำกับบางคนที่ผิดหวัง บางคนก็สมหวัง ซึ่งฟังได้ว่ามี ส.ส. ฝากมา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายของตำรวจชั้นผู้น้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากไม่มีเส้นสาย ก็จะไม่สามารถเติบโตได้ ซึ่งตนกังวลว่า ในประเด็นดังกล่าวอาจจะขยายผลไปถึงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการในระดับอื่นๆ ด้วย
 
จากการฟังคำพูดของนายกฯ ฟังเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ดังนั้นคำสัญญาที่นายตำรวจพูดกับผมตอนที่ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยืนยันว่าว่าไม่มีตั๋ว แต่สิ่งที่นายกฯ พูดนั้นชัดเจน ไม่ต้องบิดเป็นคำพูดอื่น เพราะชัดเจนว่านายเศรษฐา เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายจริง บางคนอาจถามว่า มีหลักฐานเพื่อเอาผิดนายกฯ ผมขอบอกว่าการฝากแต่งตั้งนายตำรวจไม่สามารถหาเอกสารทางราชการได้ เพราะใช้การสนทนาทางโทรศัพท์ต่อสายเพื่อฝากได้ ดังนั้น คำพูดของนายกฯที่ผมเชื่อว่าเป็นการแฉตัวเอง หรือการหลุด ชัดเจนว่าจะฟังได้ว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นในขณะนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว
 
เมื่อถามว่ามองหรือไม่ว่าการพูดของนายกฯไม่ได้มีเจตนา แต่พูดดักทางไว้ก่อน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้น เพราะท่าทีของนายกฯ ไม่ต้องการห้ามปราบ และจากที่ตนฟังคำพูดของนายกฯ หลายรอบ ว่า มีการขอมาเยอะ ชัดเจนอย่างยิ่ง ว่าคือการขอมาโดยส.ส.เพื่อไทย เพราะพูดต่อที่ประชุม  ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องมีตั๋วเพื่อไทยหรือไม่ เพื่อได้เป็นตำรวจในระดับที่สูงขึ้น ได้ตำแหน่งการงานที่ดีขึ้น
 
ผมฟังคำชี้แจงของนายกฯ ที่อธิบายในวันที่ 22 พฤศจิกายน แล้ว แต่ไม่ได้ตอบตรงประเด็น และผมฟังแล้วเหมือนกับเป็นนายกฯ คนละคน เพราะหักล้างในสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 21 พฤศจิกายน ทั้งนี้ความจริงของนายกฯ ชัดเจนว่ามีเรื่องตั๋วจริงและนายกฯเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกทั้งผมมองว่าสิ่งที่นายกฯ พูดนั้นทำลายศรัทธาของระบบราชการ และไม่คิดว่าจะเป็นการพูดที่ปกติหรือเป็นธรรมชาติ” นายรังสิมันต์ กล่าว
 
เมื่อถามว่าจะมีการตรวจสอบเพื่อยื่นเอาผิดทางกฎหมายใดหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบด้วย เบื้องต้นพบว่า คำพูดของนายกฯ นั้นเข้าข่ายผิดจริยธรรม, พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 185 ซึ่งขณะนี้พยายามรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยมีผู้เชี่ยวชาญทุกส่วนช่วยตรวจสอบและพยายามให้ นาตาชาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำข้อมูลความจริงเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ คนเดียว เพราะนายกฯพูดเองว่าขอเยอะ ดังนั้นตามกระบวนการเชื่อว่ามี สส.เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดีกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำไปสู่ประเด็นที่จะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
 
เมื่อถามถึงกรณีที่กรรมาธิการการตำรวจ ของสภาฯ จะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจะร่วมเข้าไปตรวจสอบด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศอีกครั้งในวันที่ 23 พฤศจิกายน เพราะการตรวจสอบใดๆต้องเป็นเรื่องที่กมธ.ต้องพิจารณาร่วมกัน


 
จีนยกเลิกสลอตบินเข้าไทย วีซ่าฟรีปลุกไม่ขึ้น-ททท.ดิ้นปั๊มยอด
https://www.prachachat.net/tourism/news-1442680

ท่องเที่ยวรับ “วีซ่าฟรี” ปลุกไม่ขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนไม่เข้าเป้า สายการบินจีนเหยียบเบรก พร้อมยกเลิกการจอง “สลอตการบิน-กราวนด์เซอร์วิส” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ “การบินไทย-ไทยแอร์เอเชีย” ยันตลาดจีนฟื้นช้ากว่าที่คาดการณ์ ดีมานด์ไม่พอ คาพาซิตี้กลับมาได้แค่ 40-50% ของปี’62 โยกเครื่องไปบินเส้นทางอื่นแทน ทอท.ชี้ยังต้องใช้เวลา อัดออนท็อปส่วนลดค่าแลนดิ้ง-ปาร์กกิ้งฟรี กระตุ้นแอร์ไลน์เพิ่มไฟลต์ ฟาก ททท.ดิ้นปั๊มตัวเลขทุกตลาดในทุกรูปแบบ
 
แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption)  หรือวีซ่าฟรี เป็นการชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า หลังดำเนินการมาเกือบ 2 เดือน มาตรการดังกล่าวยังไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว สายการบิน ยังคงจับตาสถานการณ์และประเมินผลอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

จีนเข้าไทย 1 หมื่นคนต่อวัน
 
จากข้อมูลของกองเศรษฐกิจท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วงเริ่มโครงการนั้น เป็นช่วงของเทศกาลวันหยุดยาวของชาวจีน หรือ Golden Week พอดี ส่งผลให้ในช่วงดังกล่าวมีจำนวนคนจีนเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ไต่ระดับจากอัตราเฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน เพิ่มเป็น 17,000-18,000 คนต่อวัน

การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงโกลเด้นวีกนั้น ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดจีนพอดี และหลังช่วงโกลเด้นวีกก็พบว่าตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาทรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 8,000-9,000 คนต่อวัน และเริ่มขยับขึ้นเป็น 10,000-11,000 คนต่อวันในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมาย

ยกเลิกสลอต-กราวนด์เซอร์วิส
 
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะมีมาตรการวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวจีน แต่ดีมานด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ประเมินว่าปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก
 
บวกกับนโยบายของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ยังเน้นส่งเสริมให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยจำกัดจำนวนการออกพาสปอร์ตเล่มใหม่ให้กับประชาชนที่พาสปอร์ตเดิมหมดอายุ ทำให้คนจีนยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยจึงยังอยู่ในระดับที่ไม่ดีเท่าที่ควร
 
ทั้งนี้ พบว่ามีสายการบินจีนจำนวนหนึ่งที่มีแผนจะให้บริการเส้นทางจากหลายเมืองของจีน ที่จองตารางการบิน (slot) สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจรจาจองใช้บริการภาคพื้น (ground service) ของบริษัทการบินไทย แต่สุดท้ายก็ต้องยกเลิกไป เนื่องจากไม่มีดีมานด์ผู้โดยสารที่เพียงพอ

โยกบินเข้าเพิร์ท-ออสโล-ญี่ปุ่น
 
ในส่วนของการบินไทยนั้น นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันการบินไทยมีปัญหาเรื่องเครื่องบินไม่เพียงพออยู่แล้ว หากเส้นทางบินสู่จีนยังมีปัญหาดีมานด์ชะลอตัว บริษัทก็พร้อมปรับแผนนำเครื่องบินที่ใช้บินเส้นทางการบินจีนไปใช้บินในเส้นทางบินอื่นที่มีความต้องการเดินทางสูงแทน เช่น เส้นทางสู่เมืองเพิร์ท ออสเตรเลีย เส้นทางสู่เมืองออสโล นอร์เวย์ และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินไปญี่ปุ่น
 
ปัจจุบันการบินไทยทำการบินสู่จีนจำนวน 5 เส้นทาง ประกอบด้วย คุนหมิง กว่างโจว เฉิงตู เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง แต่ความถี่ยังกลับมาได้ไม่เท่าก่อนโควิด ส่วนเส้นทางสู่เมืองเซี่ยเหมินกับเมืองฉงชิ่ง ยังไม่ได้กลับไปทำการบิน
 
เดิมการบินไทยเตรียมคาพาซิตี้ไว้รองรับตลาดจีนที่ประมาณ 60% ของปี 2562 แต่จนถึงปัจจุบันยังให้บริการได้เพียงแค่ประมาณ 40% ของปี 2562 และยังไม่สามารถเพิ่มความถี่ และเพิ่มเส้นทางบินได้ตามแผน” นายปิยสวัสดิ์กล่าว
 
ทอท.แจงไฟลต์จีนฟื้นตัว 60%
 
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) หรือ AOT ผู้บริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันเที่ยวบินระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน-ประเทศไทยมีสัดส่วนการฟื้นตัวกลับมาได้ประมาณ 60% เมื่อเทียบกับปี 2562 (ก่อนโควิด)
 
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย โดยจากการพูดคุยกับผู้บริหารสนามบินหลายแห่งในต่างประเทศ และทุกประเทศยอมรับว่าสำหรับตลาดจีนนั้นยังต้องใช้เวลาในการ resume สู่ปกติ ซึ่งส่วนใหญ่ยังให้ข้อมูลว่าเที่ยวบินจากจีนยังฟื้นตัวเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50% เท่านั้น” ดร.กีรติกล่าว

อัดอินเซนทีฟดึงแอร์ไลน์
 
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทอท.ได้ออกมาตรการให้ส่วนลดกับสายการบินที่เพิ่มเที่ยวบินนอกเหนือจากจำนวนเที่ยวบินตามตารางการบินที่ได้รับการอนุมัติ ณ วันที่ 8 กันยายน 2566 และ 2.สายการบินจะได้รับส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลง (landing fee) ของอากาศยาน 175 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คน

โดยส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยานจำนวน 175 บาทต่อผู้โดยสาร 1 คนนั้น จะต้องไม่เกินร้อยละ 75 ของค่าบริการขึ้นลงของอากาศยานของเที่ยวบินตามที่กำหนดอัตราไว้ตามขนาดของเครื่องบิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่