เราเป็นลูกสาวคนโตของพ่อกับแม่ แล้วเราก็มีน้องอีกสองคน แต่รวม ๆ แล้วเราจะเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์แย่ ๆ มากที่สุด
ตอนเด็กเราต้องยืนร้องให้ดูพ่อทำร้ายแม่ ช่วยก็ไม่ได้เพราะตอนนั้นเป็นแค่เด็กอนุบาล แถมเคยโดนพ่อปล่อยทิ้งไว้ที่ป่าอ้อยข้างทาง
แล้วจะพาแม่ไปทำร้ายแต่ดีที่ยังคิดได้กลับมารับ ตอนที่เราเกิดได้ 10 วันยายเล่าให้ฟังว่าพ่อพยายามจะพาแม่กับเราที่เป็นทารกไปหาป้าอีกตำบล ซึ่งแม่เราไปไม่ได้เพราะเพิ่งคลอด ทีนี้ไม่ได้ดั่งใจก็เลยเอาน้ำแกงร้อน ๆ ราดหัวแม่เราจนตาทวดกับยายทวดไม่ยอมจะไล่พ่อหนีให้ได้ ไม่เอาพ่อท่าเดียว เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนพี่สาวของพ่อต้องมากราบมาขอโทษแทนยกใหญ่
พ่อกับแม่ทำงานที่เดียวกันแต่แม่ต้องทำงานให้พ่อด้วย เพราะพ่อไม่ทำงานและไม่คิดจะทำงานเอกสาร ไม่คิดจะเรียนรู้งานเลย ชอบกินเหล้า สังสรรค์หน้าใหญ่ใจโต ชอบบังคับให้แม่มานั่งเฝ้าเวลากินเหล้า ทั้งที่แม่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว อยู่ที่บ้านแม่ก็ต้องหาให้กิน บางครั้งเมามาอยากกินอะไรก็สั่งแม่อย่างกับอยู่ร้านอาหาร สั่งในสิ่งที่บ้านไม่มีวัตถุดิบ ห้าทุ่มเที่ยงคืน บางครั้งก็ตีสองตีสามแม่ก็ต้องมาทำให้กิน ไม่งั้นก็โวยวาย ข่มขู่ ตะคอก
พอเราโตขึ้นมา ตัวสูงขึ้นเราถึงพอมีกำลังห้ามไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ พ่อจะทำอะไรแม่เราจะรีบไปยืนขวาง เราแอบกลัวตัวเองเพราะก็คิดว่าได้นิสัยพ่อมาเหมือนกัน เพราะพ่อตะคอกอะไรมา เราจะต้องเสียงดังกว่ากลับไป พ่อจะลากแม่ไปไหน เราก็จะไม่ให้แม่ไป เราบอกเขาว่าจะไปไหนก็ไปเองคนเดียว แอบอายและอยากจะขอโทษบ้านใกล้เรือนเคียงมากเพราะทะเลาะกันทีดังไปสามบ้านแปดบ้าน
แม่เราเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานส่งเรากับน้องเรียน น้อยมากที่พ่อเราจะยื่นมือเข้ามาช่วย บางครั้งเขาก็ไม่เต็มใจด้วยซ้ำ ปัญหาทุกอย่างที่พ่อสร้าง
แม่จะเป็นตามเช็ดตามล้างให้ตลอด หนี้หลายเจ้า เอารถเข้าไฟแนนซ์ แม่เราต้องแก้ปัญหาทั้งนั้น มีเมียน้อยอีก แล้วแม่ก็มาบ่นพ่อ เกลียดพ่อให้เราได้ยินตลอดแต่พูดตรง ๆ ไม่ได้เพราะพ่อจะทำร้ายแม่
เราคิดอยู่ว่าทำไมไม่หย่ากันซะ แยกกันอยู่ ในเมื่อมันบั่นทอนกันขนาดนี้ แต่พอมาคิดดูแล้วด้วยนิสัยแบบพ่อถ้าแม่เลิก พ่อจะไม่ยอมเลิกแน่ ๆ และแม่อาจจะเจอเรื่องร้ายแรงมาก ๆ เพราะพ่อคงไปไม่รอดถ้าไม่มีแม่
เราต้องมานั่งเปิดคลิปหลวงพ่อชาเพื่อดึงสติตัวเอง ไม่ให้ทำบาปกับบุพการี พยายามเข้าใจในมุมพ่อแต่ที่พยายามเข้าใจมาก็มีอย่างเดียวที่เราคิดได้ว่า เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาก่อนเลย ไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาต้องมาทำเลวกับครอบครัวขนาดนี้นี่นา แต่พอได้คุยกับพี่สาวของพ่อว่าพ่อก็เคยโดนปู่ทำร้ายมาเหมือนกัน พ่อนิสัยเหมือนปู่เลยและป้า ๆ ก็ดันรักพ่อมาก สปอยพ่อเพราะพ่อเป็นน้องชายคนเล็ก เราก็เออ แล้วก็มาทำร้ายแม่กับพวกเราพี่น้องต่อนี่นะ
พ่อทำพฤติกรรมติดเหล้า ติดหนี้ซึ่งกว่าจะมารู้ก็ตอนเจ้าหนี้เขาโทรมาทวงไม่ก็มาทวงถึงบ้านแล้ว หน้าใหญ่ใจโตกับคนอื่นยกเว้นครอบครัวตัวเองตลอดจนเราอายุ 27 จนสุดท้ายตอนแม่เราท้องเสีย เขากินเหล้าอยู่ กว่าจะพาแม่ไปโรงพยาบาลได้ก็ลีลาอยู่นั่น
สุดท้ายแม่เราก็เสียเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนแม่เสียเราบอกแม่ว่าพ่อห่วงแม่อยู่นะก็มานั่งเฝ้าแม่นะ แต่แม่ก็ตอบกลับมาเลยว่าจะใช่เหรอหน้าเน่อคือไม่เชื่อใจอะไรพ่อแล้ว สุดท้ายแม่ก็เสีย ตอนงานศพแม่ พ่อก็เมาเรื้อนหนักจนขายหน้าชาวบ้านชาวช่อง ไม่ช่วยงานอะไรแล้วยังทำอับอายอีกนอกจากเมาและเมา กินเหล้าไม่หยุด ทำเป็นร้องไห้ ในความรู้สึกของเราคือการเสแสร้งอ่ะ แต่เราก็พยายามทำใจเชื่อว่าเขาเสียใจจริง ๆ
สุดท้ายสิ่งที่เราคิด ก็ว่าน่าจะจริงเพราะแม่เสียไม่ถึงเดือนพ่อก็คุยกับผู้หญิงคนใหม่ที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน พูดบอกรักปากหวาน จากการได้ยินเขาคุยกัน โกหกลูกเล็ก ๆ น้อย ๆ ขนาดที่เราก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ยังจะแถโกหกไม่หยุด เงินต่าง ๆ ของแม่ที่ได้เรากับน้องสาวกะว่าจะเอาไปใช้หนี้ให้หมด ตัวเองก็เอาไปใช้สนุกหายไปหลายหมื่น ทำเป็นบอกว่าจะให้เรากับน้องสาวจัดการเงินจัดการหนี้ แต่พอถึงเวลาที่เงินอยู่ในมือก็หวงอย่างกับจงอางหวงไข่ ถามทุกบาททุกสตางค์แต่ที่ตัวเองแอบเอาไปใช้ไม่พูดถึง เนียนเลย หลังแม่เสียก็มารบกวนยายกับตาที่เป็นญาติอีก ให้เขาทำนู่นทำนี่ให้กินไม่หยุดทั้งที่ตัวเองก็มีมือมีเท้า
เจ้าหนี้ก็มาตาม มีหนี้เยอะแต่ก็ไม่เอาไปใช้ให้เรียบร้อย เดือดร้อนลูก ๆ ต้องใช้ให้เพราะเจ้าหนี้เขาตามมาถึงบ้าน พอเราบอกเราพูดก็ไม่สนใจ ไม่สำนึก พอทะเลาะกันก็ทวงบุญคุณร้อยแปดทั้งที่สิ่งที่เขาทำกับแม่กับเรามาตลอดยี่สิบกว่าปีไม่เคยพูดถึง เขาเริ่มพังมากขึ้น หมดราศี หน้าหมอง กินเหล้าทุกวัน ต้องมีขวดเหล้าติดรถติดตัว จนตอนนี้น้องชายที่เป็นลูกหลงอายุ 14 แต่ไม่เรียกว่าพ่อแล้ว เริ่มมีไอ้นู่นไอ้นี่มาให้ได้ยิน เพราะตัวพ่อเองก็ชอบไปกวนน้อง บอกน้องบ้างว่าเป็นภาระ ให้ไปอยู่โรงเรียนประจำบ้าง ขี้เกียจไปรับไปส่ง(แต่เต็มใจไปพาผู้หญิงใหม่ไปเที่ยวนู่นนี่ด้วยเงินเสียชีวิตของแม่) จะให้ไปอยู่กับแม่ใหม่บ้าง น้องเราก็โกรธหนัก ดีที่ยังไม่ลงไม้ลงมือกับพ่อตัวเอง
เรื่องที่ฟางเส้นสุดท้ายของเราเกือบขาดคือ ครั้งนึงแค่หาแว่นตา เราก็มาช่วยพ่อหาตรงที่จอดรถ เราแค่ถามว่าจำได้ไหมว่าเอาไปไว้ไหนด้วยโทนเสียงปกติ ด้วยความที่เขาเมาหรือโมโหหรือหงุดหงิดอะไรไม่รู้ก็ตะคอกใส่เรา กูไม่เห็นถ้าเห็นกูจะให้ช่วยหาเหรอ เราก็ตอกกลับว่าเอ้าพูดดี ๆ ทำไมต้องตะคอก มันใช่เรื่องเหรอ เขาก็เลือกจะไม่สนบอก ไปหาให้เห็น เดี๋ยวเถอะ นี่เหมือนแม่แล้วนะ เราก็ไม่ยอมบอกว่าอย่ามาว่าแม่ อย่าทำให้หนูอดไม่ไหว เขาก็บอกแรงผู้หญิงจะไปสู้แรงผู้ชายได้ไง เราก็บอกเอาสิ ถ้าคิดว่าหนูไม่สวนก็ลองดู อยากวัดความแข็งแรงของคนกินเหล้ากับคนกินข้าวก็ลอง ทีนี้ก็ด่ากันไปจนเดินเข้าบ้าน ปากเขาบอกว่าเห็นมีดไหมเดี๋ยวเถอะ พูดดี ๆ ไม่เป็น เราก็สวนอีกเพราะอารมณ์ก็โมโหไม่แพ้กันว่าก็เอาสิ เดี๋ยวเจอสวนกลับเหมือนกัน
พ่อที่ไหนจะเอาเรื่องมีดมาขู่ลูก
ตอนแม่อยู่เราเห็นแก่แม่ แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว น้องชายเราเองก็ไม่นับถือพ่อแล้ว เขาคิดว่าเขาเก่งเขาดี แต่เขาไม่ได้ดูเลยว่าสิ่งที่เขาทำมันแย่ในสายตาลูกขนาดไหน ตอนแม่เพิ่งเสียก็บอกจะเปลี่ยนตัวเอง แต่เราไม่เคยเชื่อและมันก็เป็นไปอย่างที่เราคิดจริง ๆ อายุเขา 62 ปีแล้ว ผิดพลาดมาเยอะมากแต่ไม่เคยที่จะแก้ไข ไม่เคยจะเอาเป็นบทเรียนนอกจากพลาดยังไงก็พลาดซ้ำ ๆ จนชีวิตของเขาตอนนี้จะใช้คำว่าเละก็ยังได้เลย แถมจะพาให้สภาพจิตใจเรากับน้อง ๆ รวมถึงคนรอบข้างแย่อีก
ถ้าหมดฟางเส้นสุดท้ายเมื่อไหร่ซึ่งคิดว่าอีกไม่นานมากหรอก อาจจะต้องแยกย้ายกันอยู่ ต่อให้พ่อไม่ไปเพราะไม่มีทางไป เราก็จะไม่ขออยู่ร่วมบ้านให้มันบั่นทอนแล้ว ไม่อยากให้พ่อมาทำพฤติกรรมแย่ ๆ ให้พวกเราเดือนร้อนอีก สำหรับน้องชายเรา เรากับน้องสาวก็ดูแลเองได้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เจอในส่วนดีที่เราได้คือมันทำให้เราต้องรักตัวเอง ต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด ต้องหาทางพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ เพื่อเป็นที่พึ่งให้น้อง ๆ ของเราและทำให้เรารู้ว่าอย่าเดินเส้นทางเดียวกับพ่อเพราะผลที่ได้คือชีวิตที่พังไม่เป็นท่า ทำให้เรารู้ว่าบางทีต้องมาตีความการกตัญญูใหม่จริง ๆ
เรื่องดี ๆ ที่เขามีคือ 5% แต่อีก 95% คือเรื่องแย่ ๆ ที่เขาทำให้เรามีบาดแผลจนถึงทุกวันนี้ การเจอเรื่องแย่ ๆ ข้างนอกมันไม่เท่ากับต้องเจอเรื่องแย่ ๆ ในครอบครัวเพราะมันหมายถึงเราจะไม่มีเซฟโซนให้ตัวเองเลย ต้องหาอย่างอื่นเป็นเซฟโซน ถ้าเจอสิ่งที่ดีทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ดีไป แต่ถ้าเจอสิ่งไม่ดีเข้ามามันจะยิ่งดิ่งไปอีก บางคนที่ยังแม้แต่จะรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ก็อย่ามีครอบครัวมีลูกเลย สงสารคนในครอบครัวที่ต้องมีบาดแผลไปตลอดชีวิต
ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอ่านไหมแต่ขอเป็นกำลังใจและอยากจับมือปลอบให้คนที่กำลังเจอครอบครัวแย่ ๆ ให้ผ่านไปให้ได้
ขอแชร์ชีวิตที่ต้องอยู่ในครอบครัวที่พ่อมีค่านิยมชายเป็นใหญ่
ตอนเด็กเราต้องยืนร้องให้ดูพ่อทำร้ายแม่ ช่วยก็ไม่ได้เพราะตอนนั้นเป็นแค่เด็กอนุบาล แถมเคยโดนพ่อปล่อยทิ้งไว้ที่ป่าอ้อยข้างทาง
แล้วจะพาแม่ไปทำร้ายแต่ดีที่ยังคิดได้กลับมารับ ตอนที่เราเกิดได้ 10 วันยายเล่าให้ฟังว่าพ่อพยายามจะพาแม่กับเราที่เป็นทารกไปหาป้าอีกตำบล ซึ่งแม่เราไปไม่ได้เพราะเพิ่งคลอด ทีนี้ไม่ได้ดั่งใจก็เลยเอาน้ำแกงร้อน ๆ ราดหัวแม่เราจนตาทวดกับยายทวดไม่ยอมจะไล่พ่อหนีให้ได้ ไม่เอาพ่อท่าเดียว เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตจนพี่สาวของพ่อต้องมากราบมาขอโทษแทนยกใหญ่
พ่อกับแม่ทำงานที่เดียวกันแต่แม่ต้องทำงานให้พ่อด้วย เพราะพ่อไม่ทำงานและไม่คิดจะทำงานเอกสาร ไม่คิดจะเรียนรู้งานเลย ชอบกินเหล้า สังสรรค์หน้าใหญ่ใจโต ชอบบังคับให้แม่มานั่งเฝ้าเวลากินเหล้า ทั้งที่แม่ก็เหนื่อยมากพอแล้ว อยู่ที่บ้านแม่ก็ต้องหาให้กิน บางครั้งเมามาอยากกินอะไรก็สั่งแม่อย่างกับอยู่ร้านอาหาร สั่งในสิ่งที่บ้านไม่มีวัตถุดิบ ห้าทุ่มเที่ยงคืน บางครั้งก็ตีสองตีสามแม่ก็ต้องมาทำให้กิน ไม่งั้นก็โวยวาย ข่มขู่ ตะคอก
พอเราโตขึ้นมา ตัวสูงขึ้นเราถึงพอมีกำลังห้ามไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ พ่อจะทำอะไรแม่เราจะรีบไปยืนขวาง เราแอบกลัวตัวเองเพราะก็คิดว่าได้นิสัยพ่อมาเหมือนกัน เพราะพ่อตะคอกอะไรมา เราจะต้องเสียงดังกว่ากลับไป พ่อจะลากแม่ไปไหน เราก็จะไม่ให้แม่ไป เราบอกเขาว่าจะไปไหนก็ไปเองคนเดียว แอบอายและอยากจะขอโทษบ้านใกล้เรือนเคียงมากเพราะทะเลาะกันทีดังไปสามบ้านแปดบ้าน
แม่เราเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานส่งเรากับน้องเรียน น้อยมากที่พ่อเราจะยื่นมือเข้ามาช่วย บางครั้งเขาก็ไม่เต็มใจด้วยซ้ำ ปัญหาทุกอย่างที่พ่อสร้าง
แม่จะเป็นตามเช็ดตามล้างให้ตลอด หนี้หลายเจ้า เอารถเข้าไฟแนนซ์ แม่เราต้องแก้ปัญหาทั้งนั้น มีเมียน้อยอีก แล้วแม่ก็มาบ่นพ่อ เกลียดพ่อให้เราได้ยินตลอดแต่พูดตรง ๆ ไม่ได้เพราะพ่อจะทำร้ายแม่
เราคิดอยู่ว่าทำไมไม่หย่ากันซะ แยกกันอยู่ ในเมื่อมันบั่นทอนกันขนาดนี้ แต่พอมาคิดดูแล้วด้วยนิสัยแบบพ่อถ้าแม่เลิก พ่อจะไม่ยอมเลิกแน่ ๆ และแม่อาจจะเจอเรื่องร้ายแรงมาก ๆ เพราะพ่อคงไปไม่รอดถ้าไม่มีแม่
เราต้องมานั่งเปิดคลิปหลวงพ่อชาเพื่อดึงสติตัวเอง ไม่ให้ทำบาปกับบุพการี พยายามเข้าใจในมุมพ่อแต่ที่พยายามเข้าใจมาก็มีอย่างเดียวที่เราคิดได้ว่า เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาก่อนเลย ไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาต้องมาทำเลวกับครอบครัวขนาดนี้นี่นา แต่พอได้คุยกับพี่สาวของพ่อว่าพ่อก็เคยโดนปู่ทำร้ายมาเหมือนกัน พ่อนิสัยเหมือนปู่เลยและป้า ๆ ก็ดันรักพ่อมาก สปอยพ่อเพราะพ่อเป็นน้องชายคนเล็ก เราก็เออ แล้วก็มาทำร้ายแม่กับพวกเราพี่น้องต่อนี่นะ
พ่อทำพฤติกรรมติดเหล้า ติดหนี้ซึ่งกว่าจะมารู้ก็ตอนเจ้าหนี้เขาโทรมาทวงไม่ก็มาทวงถึงบ้านแล้ว หน้าใหญ่ใจโตกับคนอื่นยกเว้นครอบครัวตัวเองตลอดจนเราอายุ 27 จนสุดท้ายตอนแม่เราท้องเสีย เขากินเหล้าอยู่ กว่าจะพาแม่ไปโรงพยาบาลได้ก็ลีลาอยู่นั่น
สุดท้ายแม่เราก็เสียเพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ก่อนแม่เสียเราบอกแม่ว่าพ่อห่วงแม่อยู่นะก็มานั่งเฝ้าแม่นะ แต่แม่ก็ตอบกลับมาเลยว่าจะใช่เหรอหน้าเน่อคือไม่เชื่อใจอะไรพ่อแล้ว สุดท้ายแม่ก็เสีย ตอนงานศพแม่ พ่อก็เมาเรื้อนหนักจนขายหน้าชาวบ้านชาวช่อง ไม่ช่วยงานอะไรแล้วยังทำอับอายอีกนอกจากเมาและเมา กินเหล้าไม่หยุด ทำเป็นร้องไห้ ในความรู้สึกของเราคือการเสแสร้งอ่ะ แต่เราก็พยายามทำใจเชื่อว่าเขาเสียใจจริง ๆ
สุดท้ายสิ่งที่เราคิด ก็ว่าน่าจะจริงเพราะแม่เสียไม่ถึงเดือนพ่อก็คุยกับผู้หญิงคนใหม่ที่เป็นเพื่อนสมัยเรียน พูดบอกรักปากหวาน จากการได้ยินเขาคุยกัน โกหกลูกเล็ก ๆ น้อย ๆ ขนาดที่เราก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ยังจะแถโกหกไม่หยุด เงินต่าง ๆ ของแม่ที่ได้เรากับน้องสาวกะว่าจะเอาไปใช้หนี้ให้หมด ตัวเองก็เอาไปใช้สนุกหายไปหลายหมื่น ทำเป็นบอกว่าจะให้เรากับน้องสาวจัดการเงินจัดการหนี้ แต่พอถึงเวลาที่เงินอยู่ในมือก็หวงอย่างกับจงอางหวงไข่ ถามทุกบาททุกสตางค์แต่ที่ตัวเองแอบเอาไปใช้ไม่พูดถึง เนียนเลย หลังแม่เสียก็มารบกวนยายกับตาที่เป็นญาติอีก ให้เขาทำนู่นทำนี่ให้กินไม่หยุดทั้งที่ตัวเองก็มีมือมีเท้า
เจ้าหนี้ก็มาตาม มีหนี้เยอะแต่ก็ไม่เอาไปใช้ให้เรียบร้อย เดือดร้อนลูก ๆ ต้องใช้ให้เพราะเจ้าหนี้เขาตามมาถึงบ้าน พอเราบอกเราพูดก็ไม่สนใจ ไม่สำนึก พอทะเลาะกันก็ทวงบุญคุณร้อยแปดทั้งที่สิ่งที่เขาทำกับแม่กับเรามาตลอดยี่สิบกว่าปีไม่เคยพูดถึง เขาเริ่มพังมากขึ้น หมดราศี หน้าหมอง กินเหล้าทุกวัน ต้องมีขวดเหล้าติดรถติดตัว จนตอนนี้น้องชายที่เป็นลูกหลงอายุ 14 แต่ไม่เรียกว่าพ่อแล้ว เริ่มมีไอ้นู่นไอ้นี่มาให้ได้ยิน เพราะตัวพ่อเองก็ชอบไปกวนน้อง บอกน้องบ้างว่าเป็นภาระ ให้ไปอยู่โรงเรียนประจำบ้าง ขี้เกียจไปรับไปส่ง(แต่เต็มใจไปพาผู้หญิงใหม่ไปเที่ยวนู่นนี่ด้วยเงินเสียชีวิตของแม่) จะให้ไปอยู่กับแม่ใหม่บ้าง น้องเราก็โกรธหนัก ดีที่ยังไม่ลงไม้ลงมือกับพ่อตัวเอง
เรื่องที่ฟางเส้นสุดท้ายของเราเกือบขาดคือ ครั้งนึงแค่หาแว่นตา เราก็มาช่วยพ่อหาตรงที่จอดรถ เราแค่ถามว่าจำได้ไหมว่าเอาไปไว้ไหนด้วยโทนเสียงปกติ ด้วยความที่เขาเมาหรือโมโหหรือหงุดหงิดอะไรไม่รู้ก็ตะคอกใส่เรา กูไม่เห็นถ้าเห็นกูจะให้ช่วยหาเหรอ เราก็ตอกกลับว่าเอ้าพูดดี ๆ ทำไมต้องตะคอก มันใช่เรื่องเหรอ เขาก็เลือกจะไม่สนบอก ไปหาให้เห็น เดี๋ยวเถอะ นี่เหมือนแม่แล้วนะ เราก็ไม่ยอมบอกว่าอย่ามาว่าแม่ อย่าทำให้หนูอดไม่ไหว เขาก็บอกแรงผู้หญิงจะไปสู้แรงผู้ชายได้ไง เราก็บอกเอาสิ ถ้าคิดว่าหนูไม่สวนก็ลองดู อยากวัดความแข็งแรงของคนกินเหล้ากับคนกินข้าวก็ลอง ทีนี้ก็ด่ากันไปจนเดินเข้าบ้าน ปากเขาบอกว่าเห็นมีดไหมเดี๋ยวเถอะ พูดดี ๆ ไม่เป็น เราก็สวนอีกเพราะอารมณ์ก็โมโหไม่แพ้กันว่าก็เอาสิ เดี๋ยวเจอสวนกลับเหมือนกัน
พ่อที่ไหนจะเอาเรื่องมีดมาขู่ลูก
ตอนแม่อยู่เราเห็นแก่แม่ แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว น้องชายเราเองก็ไม่นับถือพ่อแล้ว เขาคิดว่าเขาเก่งเขาดี แต่เขาไม่ได้ดูเลยว่าสิ่งที่เขาทำมันแย่ในสายตาลูกขนาดไหน ตอนแม่เพิ่งเสียก็บอกจะเปลี่ยนตัวเอง แต่เราไม่เคยเชื่อและมันก็เป็นไปอย่างที่เราคิดจริง ๆ อายุเขา 62 ปีแล้ว ผิดพลาดมาเยอะมากแต่ไม่เคยที่จะแก้ไข ไม่เคยจะเอาเป็นบทเรียนนอกจากพลาดยังไงก็พลาดซ้ำ ๆ จนชีวิตของเขาตอนนี้จะใช้คำว่าเละก็ยังได้เลย แถมจะพาให้สภาพจิตใจเรากับน้อง ๆ รวมถึงคนรอบข้างแย่อีก
ถ้าหมดฟางเส้นสุดท้ายเมื่อไหร่ซึ่งคิดว่าอีกไม่นานมากหรอก อาจจะต้องแยกย้ายกันอยู่ ต่อให้พ่อไม่ไปเพราะไม่มีทางไป เราก็จะไม่ขออยู่ร่วมบ้านให้มันบั่นทอนแล้ว ไม่อยากให้พ่อมาทำพฤติกรรมแย่ ๆ ให้พวกเราเดือนร้อนอีก สำหรับน้องชายเรา เรากับน้องสาวก็ดูแลเองได้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เจอในส่วนดีที่เราได้คือมันทำให้เราต้องรักตัวเอง ต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด ต้องหาทางพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ เพื่อเป็นที่พึ่งให้น้อง ๆ ของเราและทำให้เรารู้ว่าอย่าเดินเส้นทางเดียวกับพ่อเพราะผลที่ได้คือชีวิตที่พังไม่เป็นท่า ทำให้เรารู้ว่าบางทีต้องมาตีความการกตัญญูใหม่จริง ๆ
เรื่องดี ๆ ที่เขามีคือ 5% แต่อีก 95% คือเรื่องแย่ ๆ ที่เขาทำให้เรามีบาดแผลจนถึงทุกวันนี้ การเจอเรื่องแย่ ๆ ข้างนอกมันไม่เท่ากับต้องเจอเรื่องแย่ ๆ ในครอบครัวเพราะมันหมายถึงเราจะไม่มีเซฟโซนให้ตัวเองเลย ต้องหาอย่างอื่นเป็นเซฟโซน ถ้าเจอสิ่งที่ดีทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ดีไป แต่ถ้าเจอสิ่งไม่ดีเข้ามามันจะยิ่งดิ่งไปอีก บางคนที่ยังแม้แต่จะรับผิดชอบตัวเองไม่ได้ก็อย่ามีครอบครัวมีลูกเลย สงสารคนในครอบครัวที่ต้องมีบาดแผลไปตลอดชีวิต
ไม่รู้ว่าจะมีใครมาอ่านไหมแต่ขอเป็นกำลังใจและอยากจับมือปลอบให้คนที่กำลังเจอครอบครัวแย่ ๆ ให้ผ่านไปให้ได้