สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาอีกครั้งกับทริปเดินป่าของเรา
หลังจากที่กลับจากเปรโต๊ะมา กว่าจะล้างของ ซักผ้า เก็บของเสร็จก็ปาไป 3 อาทิตย์ 555555
เหนื่อยกว่าไปเที่ยวก็คือ การกลับมาเก็บของนี่แหละ แง่
แล้ววันนึงเล่นเฟสอยู่ก็เจอประกาศเปิดจองเดินป่าที่สันหนอกวัว จังหวัดกาญจนบุรี
เราเห็นว่าไม่ไกลจากกรุงเทพ น่าจะไปเองได้ บวกกับอยากไปเดินป่าอีกสักที่ในปีนี้
แล้วก็อยากรู้ว่าตัวเองจะมีดวงมั้ย จะโทรติดกับเขารึเปล่า บุ๊ควันโทรจองไว้แล้วรอ
.
สันหนอกวัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในกาญจนบุรี ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
ระยะทางเดินทั้งหมด 9 กิโลเมตร
เท่าที่ดูในเพจ เขาจะเปิดจองวันที่ 15 ของแต่ละเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์
ก็คือถ้าจะไปเดือนตุลาคม เขาจะเปิดจองวันที่ 15 เดือนกันยายน
โดยวันนั้นให้โทรไปที่เบอร์ 034510431 ตั้งแต่เวลา 9.00-16.30น.
เรากดโทรเรื่อยๆ จนสายที่ 8 ก็ติด (เย่ ตื่นเต้นมาก 55555)
โทรติดแล้วก็แจ้งชื่อคนโทร เบอร์ติดต่อ วันที่เราจะไป และจำนวนคนไว้ (จองได้สายละ 7 คน)
จากนั้นก็แอดไลน์ของอุทยานเพื่อส่งเอกสาร (เป็นรูปบัตรประชาชนของคนที่จะไปรวมกันในหน้าเดียว เราใช้มือถือตัดแปะเอาเลย) พร้อมทั้งสลิปโอนเงินค่าธรรมเนียมคนละ 500 บาท
แล้วก็รอเจ้าหน้าที่ตอบกลับ (ของเราประมาณวันสองวัน เจ้าหน้าที่ตอบกลับมา)
หลังจากนั้นก็เตรียมตัว ฟิตร่างกาย เตรียมใจ และจัดของให้พร้อม!!
.
ก่อนไป 1 อาทิตย์ ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้า พบว่าวันที่ 11-12 พฤศจิกายนที่เราจะไปนั้นนนน ฝนตกอีกแล้วจ้า
เซ็งมาก เพราะเข้าใจว่าพฤศจิกายนมันหน้าหนาวแล้ว.. ไม่ใช่หรอ 55555
รอบนี้ขอไม่ประมาท เชื่อพยากรณ์อากาศสุดใจว่าฝนตกแน่
เราเลยเตรียมพร้อมกับการเจอฝน แพ็คของทุกอย่างใส่ใส่ถุงพลาสติก/ถุงซิปให้หมด
เตรียมเสื้อกันฝนไว้ด้วย 2 ตัวไปเลย
Day 0 – 10 พฤศจิกายน 2566
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ 15.30 น. ไปยังอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ถึงเวลาเกือบๆ 2 ทุ่ม ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมงนิดๆ
เส้นทางจากตัวเมืองกาญเข้าสู่ทองผาภูมิ ช่วงแรกเป็นถนน 4 เลน (2 เลนไป 2 เลนกลับ)
ซักพักเป็นถนน 2 เลนสวนทางกัน มีไฟ กับไม่มีไฟถนนสลับกันเป็นระยะๆ ช่วงที่ไม่มีไฟก็มืดสนิทเลย นั่งไปลุ้นไป
ตอนแรกเรากะว่าจะออกจากกรุงเทพ ตีสอง วันที่ 11 ตรงไปยังจุดชมวิวป้อมปี่ แล้วก็เดินป่าเลย
แต่คุณคนขับรถบอกว่าไม่เอา อยากมาพักก่อน ก็เลยเปลี่ยนแผน มานอนค้างที่ทองผาภูมิก่อน 1 คืน
ตัวเมืองมีร้านสะดวกซื้ออยู่ เราก็แวะซื้อของเพิ่มเติม แล้วก็เชคอินที่พัก หลับแบบสบายๆ
Day 1 – 11 พฤศจิกายน 2566
ตื่นเช้ามาแพ็คกระเป๋ารอบสุดท้าย แล้วออกจากที่พัก 6.00น. เดินทางไปยังจุดชมวิวป้อมปี่
เส้นทางจากนี้เป็นถนน 2 เลนสวนทางกัน ทางคดเคี้ยวเล็กน้อย และไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึง เราเสียค่าเข้าอุทยานอีก 170.- (2คน)
ที่จุดชมวิวป้อมปี่ บรรยากาศดีมาก สวย เราสามารถมาพักค้างคืนที่นี่ก่อนก็ได้นะ ที่นี่มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ ห้องน้ำ ร้านกาแฟ ร้านขายอาหาร ครบเลย
เราก็ไปร้านอาหาร เติมพลังกันก่อน
เขาจะตั้งถาดอาหารไว้ เราตักเองได้เลย (ตักอย่างแรก 50 บาท ตักเพิ่มกับต่อไปอย่างละ 5 บาท)
แล้วก็ซื้อข้าวเหนียวหมู/ไก่ ไว้กินตอนกลางวันด้วยเลย ชุดละ 50 บาท เขาห่อแพ็คเตรียมไว้ให้แล้ว
จากนั้นก็รอเวลา เดินเล่น เข้าห้องน้ำให้พร้อม
เวลาเกือบๆ 8 โมง เจ้าหน้าก็มา เราทำการกรอกข้อมูลใส่กระดาษ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ แล้วรอเรียก
พอเจ้าหน้าที่เรียกก็จ่ายเงินเพิ่มคนละ 57 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) แล้วก็ซื้อถุงขับถ่ายเพิ่ม
.
เราซื้อชุดเล็ก 50 บาท จะมีทิชชู่ 1 แพ็ค, ถุงดำ 2 ใบ ไว้ถ่ายหนัก และถุงฉี่ 1 ใบ
ที่นี่จะเหมือนเชียงดาว ก็คือให้เราฉี่ใส่ถุงฉี่ มันจะกลายเป็นเจล แล้วเราก็นำลงมาทิ้งข้างล่าง
ส่วนถ้าถ่ายหนักก็ถ่ายใส่ถุง แล้วทิ้งในจุดทิ้งข้างบนได้เลย
ซึ่งเราชอบนะ มันทำให้บรรยากาศข้างบนมันดี ไม่สกปรก เรารับผิดชอบของๆตัวเอง
ขออธิบายห้องน้ำข้างบนหน่อย ถ้าใครเคยไปเชียงดาวก็จะเหมือนกันเลย
เขาจะเอาสแลนมากั้นเป็นสี่เหลี่ยม ข้างในมีเก้าอี้ไว้ให้เราสวมถุงดำทับเพื่อถ่ายหนัก
ซึ่งมันสะอาดมาก ไม่มีกลิ่นเลย
.
ใครจะจ้างลูกหาบก็มีนะ กิโลละ 70 บาท
พอลงทะเบียนเสร็จ ก็รอเรียกอีกครั้งเพื่อขึ้นรถไปยังจุดเริ่มเดิน
ระยะทางนั่งรถไม่ไกลมาก ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดเริ่มเดินแล้ว
เรามาถึงตอน 9.00น. พร้อมออกเดินทาง!!
สองข้างทางเป็นต้นไม้สูงเกือบทั้งเส้นทางเลย จะมีเห็นวิวเล็กน้อย (ประมาณ 10% ของเส้นทางทั้งหมด)
ทางเดินค่อนข้างชัด แต่มีจุดแยกที่เราไม่มั่นใจบ้าง
ทางเดินก็จะขึ้นลงๆ เกือบตลอด คุณเขาบอกเหมือนเดินขึ้นลงเขาอยู่หลายลูก
พอถึงจุดพักที่ 1 ทางจากนี้จะชันลงยาวๆ ตอนเราเดินก็นึกในใจว่า โอ้โห ลงขนาดนี้ ขากลับคือ... แย่แน่
(ซึ่งใช่เลย ขากลับตอนเราผ่านจุดนี้คือจะร้องไห้ 555555 ท้อมาก แบบจะชันไปไหน แล้วยาวด้วย เหนื่อยขั้นสุด คุณเขาบอกว่า เพราะว่าร่างกายมันล้าแหละ เลยหมดสภาพขนาดนี้)
เดินไปเรื่อยๆ เราโดนยุงกัดเยอะมาก คันมาก
อากาศวันที่ไปมีความร้อนอ้าวๆเล็กน้อย นานๆทีมีลมเย็นพัดมาเป็นพักๆ
"สถานีเตรียมใจ" ป้ายบอกเตือนว่าให้พักหน่อย เพราะต่อไปจะเป็นทางชันขึ้นที่ขึ้นชื่อของที่นี่
"สถานีเนินหมาถอย" เนินที่ใครๆก็พูดถึง บริเวณนี้มีเชือกให้จับเป็นระยะๆ
เดินมาพักใหญ่ พึ่งจะได้เห็นวิวนอกป่า
แวะพักกินข้าวกลางวัน เติมพลังก่อนขึ้นเนินปราบเซียน บริเวณนี้ลมเย็น น่านอนมาก
จากนั้นก็ลัดเลาะในป่าอีกสักพัก เราก็ถึงจุดหมายแล้ว ตอนบ่ายโมง เย่
"สถานีเนินปราบเซียน" บริเวณนี้ก็ชันเหมือนกันนะ
เห็นป้ายนี้แล้วดีใจ แต่กว่าจะถึงก็พักนึงอยู่นะ 5555
ในที่สุดก็ถึงสักที
เห็นสันหนอกนั้นมั้ย
**ขอต่อในความคิดเห็นนะคะ
[เที่ยวไทย] ไปตามหาวัวในป่า ที่สันหนอกวัว : 11-12 พฤศจิกายน 2023
Day 0 – 10 พฤศจิกายน 2566
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ 15.30 น. ไปยังอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
ถึงเวลาเกือบๆ 2 ทุ่ม ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมงนิดๆ
เส้นทางจากตัวเมืองกาญเข้าสู่ทองผาภูมิ ช่วงแรกเป็นถนน 4 เลน (2 เลนไป 2 เลนกลับ)
ซักพักเป็นถนน 2 เลนสวนทางกัน มีไฟ กับไม่มีไฟถนนสลับกันเป็นระยะๆ ช่วงที่ไม่มีไฟก็มืดสนิทเลย นั่งไปลุ้นไป
ตอนแรกเรากะว่าจะออกจากกรุงเทพ ตีสอง วันที่ 11 ตรงไปยังจุดชมวิวป้อมปี่ แล้วก็เดินป่าเลย
แต่คุณคนขับรถบอกว่าไม่เอา อยากมาพักก่อน ก็เลยเปลี่ยนแผน มานอนค้างที่ทองผาภูมิก่อน 1 คืน
ตัวเมืองมีร้านสะดวกซื้ออยู่ เราก็แวะซื้อของเพิ่มเติม แล้วก็เชคอินที่พัก หลับแบบสบายๆ
Day 1 – 11 พฤศจิกายน 2566
ตื่นเช้ามาแพ็คกระเป๋ารอบสุดท้าย แล้วออกจากที่พัก 6.00น. เดินทางไปยังจุดชมวิวป้อมปี่
เส้นทางจากนี้เป็นถนน 2 เลนสวนทางกัน ทางคดเคี้ยวเล็กน้อย และไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์
ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็ถึง เราเสียค่าเข้าอุทยานอีก 170.- (2คน)
เขาจะตั้งถาดอาหารไว้ เราตักเองได้เลย (ตักอย่างแรก 50 บาท ตักเพิ่มกับต่อไปอย่างละ 5 บาท)
แล้วก็ซื้อข้าวเหนียวหมู/ไก่ ไว้กินตอนกลางวันด้วยเลย ชุดละ 50 บาท เขาห่อแพ็คเตรียมไว้ให้แล้ว
เวลาเกือบๆ 8 โมง เจ้าหน้าก็มา เราทำการกรอกข้อมูลใส่กระดาษ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ แล้วรอเรียก
พอเจ้าหน้าที่เรียกก็จ่ายเงินเพิ่มคนละ 57 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) แล้วก็ซื้อถุงขับถ่ายเพิ่ม
.
เราซื้อชุดเล็ก 50 บาท จะมีทิชชู่ 1 แพ็ค, ถุงดำ 2 ใบ ไว้ถ่ายหนัก และถุงฉี่ 1 ใบ
ที่นี่จะเหมือนเชียงดาว ก็คือให้เราฉี่ใส่ถุงฉี่ มันจะกลายเป็นเจล แล้วเราก็นำลงมาทิ้งข้างล่าง
ส่วนถ้าถ่ายหนักก็ถ่ายใส่ถุง แล้วทิ้งในจุดทิ้งข้างบนได้เลย
ซึ่งเราชอบนะ มันทำให้บรรยากาศข้างบนมันดี ไม่สกปรก เรารับผิดชอบของๆตัวเอง
ขออธิบายห้องน้ำข้างบนหน่อย ถ้าใครเคยไปเชียงดาวก็จะเหมือนกันเลย
เขาจะเอาสแลนมากั้นเป็นสี่เหลี่ยม ข้างในมีเก้าอี้ไว้ให้เราสวมถุงดำทับเพื่อถ่ายหนัก
ซึ่งมันสะอาดมาก ไม่มีกลิ่นเลย
.
ใครจะจ้างลูกหาบก็มีนะ กิโลละ 70 บาท
พอลงทะเบียนเสร็จ ก็รอเรียกอีกครั้งเพื่อขึ้นรถไปยังจุดเริ่มเดิน
ระยะทางนั่งรถไม่ไกลมาก ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดเริ่มเดินแล้ว
เรามาถึงตอน 9.00น. พร้อมออกเดินทาง!!
ทางเดินค่อนข้างชัด แต่มีจุดแยกที่เราไม่มั่นใจบ้าง
ทางเดินก็จะขึ้นลงๆ เกือบตลอด คุณเขาบอกเหมือนเดินขึ้นลงเขาอยู่หลายลูก
(ซึ่งใช่เลย ขากลับตอนเราผ่านจุดนี้คือจะร้องไห้ 555555 ท้อมาก แบบจะชันไปไหน แล้วยาวด้วย เหนื่อยขั้นสุด คุณเขาบอกว่า เพราะว่าร่างกายมันล้าแหละ เลยหมดสภาพขนาดนี้)
อากาศวันที่ไปมีความร้อนอ้าวๆเล็กน้อย นานๆทีมีลมเย็นพัดมาเป็นพักๆ
จากนั้นก็ลัดเลาะในป่าอีกสักพัก เราก็ถึงจุดหมายแล้ว ตอนบ่ายโมง เย่